ทันทีที่ข่าวพวกนี้ออกมา ทำให้เกิดกระแสออนไลน์ว่อนโซเซียล
แน่นอนว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี
ยังไรก็ตามพื้นที่ที่เป็นหลุมฝังศพทำเลแบบนี้ ยังจะสร้างรีสอร์ทหรือสปา จะมาหลอกคนหรอเนี่ย?
“ตระกูลกู้นี่มันชั่วร้ายจริงๆ หากินจากเรื่องแบบนี้”
“ขูดเลือดขูดเนื้อ ทำทุกวิธีทางจริงๆ ไม่กลัววิญญาณเจ้าที่ที่นั้นมาหาหรือไง”
“เขาจะไปกลัวอะไร อย่างที่เขาว่ากันว่ามีเงินจะปลุกผีให้มาโม่แป้งให้ยังได้”
“ไม่ใช่หรอก เอาเป็นว่าเขาคงไม่กลัวหรอก แต่ไม่ช้าก็เร็วยังไงผลกรรมก็ตามมาแน่”
“แต่ฉันอยากเห็นมันได้รับผลกรรมตอนนี้ มีใครจะไปรวมกลุ่มนัดหมายกันไปประท้วงที่กู้ซือกรุ๊ปกันไหม!”
“มี มี ฉันเห็นพวกคนรวยพวกนี้แล้วหมั่นไส้มานานละ”
เมื่อมีคนเป็นแกนนำทำให้เรื่องนี้ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง
หลังจากนั้น ไม่เพียงแต่มีผู้คนไปประท้วงที่กู้ซื่อกรุ๊ป หุ้นของกู้ซื่อกรุ๊ปเองก็ลดลงเรื่อยๆ
ทางกู้ฉางชิงเองก็เห็นข่าวจากในโซเซียล
เธอเห็นข้อความด่าทอของชาวเน็ต ทำให้พูดความรู้สึกในใจไม่ออก
ท่ามกลางความซับซ้อน
เธอดูไปสักพักก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆไม่อ่านต่อ
เธอเองก็ไม่สามารถช่วยจัดการเรื่องนี้ได้
ในขณะเดียวกัน ทางกู้หงเซินก็ถูกครอบงำด้วยอินเตอร์เน็ต ทำให้โมโหมาก
“ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? ข่าวบนโซเซียลใครเป็นคนปล่อย? ฝ่ายประชาสัมพันธ์อยู่ไหน? จนถึงตอนนี้ทำไมยังไม่ลบข่าวลือนี้อีก!”
เขาถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ผู้ช่วยสั่นเกรงไปทั้งตัว
“ฝ่ายประชาสัมพันธ์กำลังเตรียมหลักฐาน ส่วนข่าวบนโซเซียลยังหาไม่เจอว่าใครเป็นคนปล่อย”
กู้หงเซินได้ยินเช่นนี้ก็โมโหขึ้นมา
“เรื่องเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว พวกมันยังเตรียมไม่เสร็จอีก ฉันเลี้ยงพวกไร้ประโยชน์ไว้หรอ? อะไรคือยังหาไม่เจอ ไปหามาให้ได้เดี๋ยวนี้ ใครกันแน่ที่กัดพวกเราลับหลัง!”
ใช่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาไม่เชื่อว่าข่าวบนโซเซียลแต่แรก แต่รู้เลยว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง
ผู้ช่วยได้ยินเขาพูด ยืนนิ่งไม่ขยับ
“ท่านประธาน เรื่องนี้ไม่มีใครใส่ร้ายพวกเรา ฉันให้คนไปตรวจสอบมาแล้ว ที่ดินผืนนั้นเป็นที่ฝังหลุมศพจริงๆ”
กู้หงเซินได้ยินเช่นนี้นิ่งอึ้งไปทั้งตัว เมื่อเขาได้สติกลับมาก็รู้สึกวินเวียนศรีษะ และเซ
“ท่านประธาน เป็นอะไรไหม?”
ผู้ช่วยเห็นเช่นนี้รีบเข้าไปช่วย
กู้หงเซินล้มลงบนเก้าอี้ในห้องทำงาน สีหน้าซีดไปทั้งหน้า
“จบกัน!”
เขากระซิบเบาๆ
ต้องรู้ไว้ แต่เดิมทีที่ดินผืนนี้ถูกนำออกมาประมูลมีผู้คนชื่นชอบมากมาย และยังอวดอ้างว่าใครได้ไปมีแต่คุ้มค่ากำไร
จึงมีบริษัทที่สนใจหลายบริษัท เขาหวังที่จะได้ครอบครองที่ดีนี้ ใช้เงินทุ่มไปเกือบทั้งหมดที่เขามี
ตอนนี้ที่ดินอยู่ในมือแล้ว ยังไม่ทันดีใจก็มีข่าวแบบนี้ออกมา
ถึงจะมีที่ดินในมือแล้ว ต่อให้อยากกำจัดมันก็ไม่มีใครเอา
เมื่อคิดถึงเช่นนี้เขาทั้งเครียดทั้งไม่พอใจ
“แกไปตรวจสอบดีๆอีกครั้ง ที่ดินผืนนั้นเป็นที่ฝังศพจริงไหม!”
ผู้ช่วยเห็นเช่นนี้ รับคำสั่งและไปตรวจอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันบริษัทของเฟิงจิงเหยาเองก็ได้ยินข่าวลือนี้เหมือนกัน
“บริษัทกู้ตอนนี้คงกำลังเดือดร้อนแน่ เรื่องนี้ทำให้ทุกคนจดจำไปหมดแล้ว”
ชวี่ยี่พูดรายงานจบ อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า: “ฉันได้ยินมาว่าตอนที่กำลังประกาศขายที่ดินนี้ มีคนจงใจจะปิดเรื่องนี้ไว้”
เฟิงจิงเหยาไม่พูดอะ หรี่ตาและนึกถึงคำพูดเมื่อกี้ ถามออกมาว่า: “ตอนนี้ยังสามารถหาคนนี้ได้ไหม?”
ชวี่ยี่อึ้งไปสักครู่ ตั้งสติอีกครั้งว่าเขาถามอะไร ส่ายหัวและตอบ: “ตอนนี้คงหาไม่เจอแล้ว เพราะตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวัน อีกอย่างเรื่องนี้เขาคงมีจุดประสงค์บางอย่าง น่าจะวางแผนไว้อย่างดี”
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว กระพริบตาแปลกๆ
“ต่อให้อีกฝ่ายมีจุดประสงค์บางอย่าง ในตอนที่ประมูลก็มีคนสนใจ เมื่อกี้เธอก็พูดเองว่า เข้าตาบริษัทอื่นตั้งมากมาย บริษัทกู้ว่าแล้วก็เป็นแค่เศษเสี้ยวของพวกเขา แต่สุดท้ายกลับให้บริษัทกู้ได้ครอบครอง มันมีลับลมคมในบางอย่าง”
ชวี่ยี่ได้ยินเช่นนี้ก็ตะลึง
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ
เขากลับมาคิดทบทวนดู ตระกูลกู้ก็ไม่ใช่บริษัทใหญ่โตขนาดนั้น ทำไมไปลงแรงลงทุนขนาดนี้ ถ้าไม่รีบจัดการเรื่องนี้ ก็เหมือนยกก้อนหินมาโยนใส่ขาตัวเอง
เขาก็ได้พูดความคิดตัวเองออกมา: “ท่านประธาน หรือว่าพวกเราคิดมากไปเอง อาจจะเป็นเพราะบริษัทกู้โชคดีจึงได้ที่ดินนั้นมา……”
คำพูดของเขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกเฟิงจิงเหยาขัดจังหวะ
“โชคดีหรอเป็นไปไม่ได้ คงไม่มีอะไรที่เหมาะเจาะขนาดนี้ ทันทีที่ได้ครอบครองก็มีข่าวปล่อยออกมา ต้องมีคนคาดการณ์ไว้แล้ว เป็นเพราะอะไร……เธอไปตรวจสอบดู ในตอนที่บริษัทกู้ลงทุนเพื่อที่ดินผืนนี้ เป็นโอกาสที่ดีในการลงมือ เธอไปตรวจดูว่าในช่วงสัปดาห์นั้นใครเป็นช่วยจัดการ รายละเอียดพวกนี้ไปหามาให้ละเอียด”
ชวี่ยี่รับคำสั่งและเดินจากไป
หลังจากผ่านมาสองวัน เพราะว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลังต่อให้กู้หงเซินส่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปจัดการเรื่องราวก็ไม่ดีขึ้น แถมยิ่งอยู่ยิ่งแย่
แม้แต่ข่าวเงินทุนที่ตึงต้วบริษัทเอาไว้ก็รั่วไหล
ทุกคนคิดว่าบริษัทกู้กำลังวิกฤตเรื่องการเงินและกำลังจะล้มละลาย ต่อให้กู้หงเซินออกมาแถลงข่าวก็ไม่มีประโยชน์
“ให้ตายสิ! อย่าให้กูรู้นะว่าใครอยู่เบื้องหลัง มันได้เห็นดีแน่!”
ระยะเวลาสองวัน เพียงพอที่ให้กู้หงเซินหาเบาะแสอะไรเจอบ้าง
และรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนเดินเข้าไปติดกับดักของคนอื่น
ในตอนที่กำลังโมโหอยู่ ผู้ช่วยก็เปิดประตูเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ท่านประธาน ธนาคารได้ระงับเงินกู้ของเราไปแล้ว”
กู้หงเซินได้ยินเช่นนี้ หน้าซีดทันที
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
“น่าจะเป็นเพราะได้ยินข่าวลือจากข้างนอก คิดว่าพวกเราไม่สามารถกู้ต่อได้แล้วจึงระงับข้อมูลเราไว้”
ผู้ช่วยห่อไหล่และตอบอย่างระมัดระวัง
สีหน้ากู้หงเซินดูแย่ขึ้นมาทันที
ผู้ช่วยเห็นแล้วอยากหันหลังกลับมา ไม่อยากเป็นที่ระบายอารมณ์
แต่เขายังมีเรื่องของบริษัทต้องรายงาน จะจากไปได้ยังไง สุดท้ายเขาทำได้แค่กัดฟันและพูดออกไป: “ ท่านประธาน เราได้เอาเงินทุนของโครงการอื่นๆมาก่อนแล้วตอนนี้โครงการอื่นต้องการเงินทุนกลับ หากไม่มีเงินทุน อีกไม่นานทุกอย่างก็จะยุ่งเหยิงไปหมด”
พูดจบ เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ากู้หงเซิน
แถมสีหน้าของกู้หงเซินก็แย่จนไม่สามารถบรรยายได้
ความโกรธโมโหแผดเผาอยู่ในใจ แต่เขาก็โวยวายออกมาไม่ได้
ถ้าเขาโวยวาย ทั้งบริษัทได้ยุ่งเหยิงจริงๆแน่
เขาพยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง และมองไปทางผู้ช่วยที่กำลังรอคำตอบ โบกมือและพูดว่า: “แกออกไปก่อน เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง”
ผู้ช่วยเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไร โล่งและเดินออกไป
หลังจากที่เขาเดินออกไป กู้หงเซินก็ก้มคิดสักพัก และหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาโทรหาคนคนหนึ่ง
ทันใดนั้นก็รับสาย เสียงในโทรศัพท์เป็นเสียงที่เย็นชาของกู้ฉางชิง
“มีอะไร?”
กู้หงเซินไม่อ้อมค้อม พูดออกมาทันทีว่า: “ตอนนี้เธอเองก็น่าจะได้ยินสถานการณ์ของบริษัทแล้ว ธนาคารปฏิเสธที่จะให้เรายืมเงิน เธอไปหาเฟิงจิงเหยา ให้เขาช่วยไปคุยกับธนาคารให้หน่อย หรือไม่อย่างงั้นก็ให้เขาให้เงินทุนกับบริษัทกู้ก่อนโดยตรง”