สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 159 ไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางชิงได้ยินกู้หงเซินพูดออกมาอย่างมั่นใจ ทำให้เธอหัวเราะออกมา

ยิ่งทำให้รู้สึกไร้สาระ

“กู้หงเซิน นี่มันเป็นเรื่องของบริษัทกู้ ทำไมถึงคิดว่าเฟิงจิงเหยาจะช่วย”

เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา กู้หงเซินตอบแบบไม่คิด: “ก็เพราะฉันเป็นพ่อตาของเขาไง”

กู้ฉางชิงนิ่งอึ่ง เมื่อได้สติกลับมาก็เบะปากและพูดประชดประชัน

“ยังมีหน้ามาพูดอีกหรอ พ่อตาบ้านใครเป็นแบบนี้ หวังแต่ผลประโยชน์”

กู้หงเซินถูกเธอต่อว่าจนสีหน้าเปลี่ยนไป

เขาพูดด้วยความลำบากใจ: “กู้ฉางชิง ทางที่ดีแกทำความเข้าใจไว้หน่อยว่านี่ไม่ใช่มาต่อรอง แต่ให้แกทำ!”

กู้ฉางชิงโกรธจนตัวสั่น

“งั้นก็คงต้องทำให้ผิดหวังแล้วล่ะ เรื่องนี้ฉันช่วยอะไรไม่ได้ แล้วก็จะไม่ทำ!”

เธอกัดฟันปฏิเสธด้วยความโกรธ

กู้หงเซินรู้แต่แรกแล้วว่าเธอต้องปฏิเสธ หัวเราะเยาะและพูดว่า: “ทำไม่ได้ก็ต้องทำ อย่าลืมว่าแม่ของแกยังอยู่ในมือฉัน!”

กู้ฉางชิงเห็นว่าเขาเอาแม่ตัวเองมาต่อรอง รู้สึกโกรธมาก

“กู้หงเซิน แกยัง……”

เธอยังไม่ทันพูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายโดยกู้หงเซินทันที

“ไอ่สารเลว!”

กู้ฉางชิงจ้องไปโทรศัพท์ที่เพิ่งวางสายด้วยความโกรธ

เธอไม่อยากจะคิดว่าหากเอาเรื่องนี้ไปบอกเฟิงจิงเหยา หลังจากนั้นเขาจะมองเธอยังไง

กลัวว่าเธอกับตระกูลกู้จะเป็นเหมือนผีดูดเลือดในสายตาเขา ที่เอาแต่หวังผลประโยชน์จากเขา

กู้ฉางชิงคิดเช่นนี้ ในใจรู้สึกต่อต้าน

โดยเฉพาะคิดว่าเฟิงจิงเหยาอาจเข้าใจผิดและเกลียดเธอเพราะเรื่องนี้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งใจราวกับถูกเข็มทิ่มแทง

แต่ถ้าไม่พูด แม่ที่อยู่ทางนั้นก็จะเป็นอันตราย

จากเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา เธอสังเกตได้ว่า ผู้ชายคนนั้นถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็จะไม่หยุดแค่นั้น

ในขณะนั้น กู้ฉางชิงเข้าสู่สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

……

ในเวลาเดียวกันที่เฟิงซื่อกรุ๊ป

ชวี่ยี่เจอแล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังของตระกูลกู้ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและรีบเดินไปที่ห้องทำงานท่านประธานเพื่อรายงาน

“ท่านประธาน ตรวจสอบเจอแล้ว ตระกูลกู้มีคนวางแผนอยู่เบื้องหลังจริงๆด้วย”

เฟิงจิงเหยาได้ยินเช่นนี้ ก็วางมือลงจากงานที่ทำอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองเขา

“คนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร?”

ชวี่ยี่ตอบอย่างสุภาพ: “ตระกูลลู่ พ่อของคุณหนูลู่”

เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว แววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“ตระกูลกู้ไปมีเรื่องกับตระกูลลู่เมื่อไหร่?”

ชวี่ยี่ส่ายหัว: “ฉันไปตรวจสอบมาแล้ว ทั้งสองตระกูลไม่มีเรื่องบาดหมางกัน”

เขาได้ยินเช่นนี้ ราวกับว่าคิดอะไรออก พูดต่อว่า: “เออ……ถ้าพูดถึงเรื่องบาดหมาง ก็คงมีแต่คุณนายรองกับคุณหนูลู่ที่มีเรื่องคับแค้นกัน อย่าบอกว่านี่เป็นการสั่งสอนคุณนายรองของคุณลู่นะ ก็เลยมาลงมือกับตระกูลกู้อย่างงั้นหรอ?”

เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้

ไม่ต้องพูดถึงคุณพ่อลู่ว่าเป็นคนยังไง ต่อให้มีเรื่องคับแค้น ตระกูลลู่ก็ควรมาลงที่เขาถึงจะถูก

เพราะว่าเขาเป็นคนไล่ลู่ซือยวี่ออกเอง

เขาคิดถึงตรงนี้ ก็นึกย้อนไปสิ่งที่ลู่ซือยวี่ไม่พอใจกู้ฉางซิน ก็รู้สึกว่าอาจจะเป็นไปได้ที่จะลงมือทำกับตระกูลกู้แบบนี้

เขากะว่าจะรอดูสถานการณ์ก่อน แต่ข้างหูก็มีเสียงของซือยวี่ดังขึ้น

“ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นดูออกเลยว่าท่านประธานเป็นคนใส่ใจคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ คุณนายรองนี่ซวยจริงๆเลย”

เฟิงจิงเหยาได้ยินโดยบังเอิญ หน้าเคร่งและถามว่า: “เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ?”

เขาถามขึ้นมากะทันหันทำให้ชวี่ยี่สะดุ้ง และรีบตอบกลับว่า: “ อ่ออืม…..ฉันไม่ได้พูดอะไร แล้ว ท่านประธาน เราจะทำยังไงต่อไปดี? จะช่วยตระกูลกู้ไหม?”

เฟิงจิงเหยามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา มองจนชวี่ยี่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง จึงพูดออกมาเบาๆว่า: “รอดูไปก่อน รอดูว่าตระกูลลู่กำลังคิดจะทำอะไร”

ชวี่ยี่รีบพยักหน้า และกลัวว่าเฟิงจิงเหยาจะถามสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอื่นแล้วจึงรีบเดินออกไป

เฟิงจิงเหยาไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ไม่อยากเอามาใส่ใจ เลยปล่อยให้เขาออกไป

เมื่อเห็นเขาจากไปแล้ว ก็รีบสั่งให้คนไปจับตามองตระกูลลู่ไว้

ทางด้านตระกูลลู่ ยังไม่รู้ตัว

ลู่ซือยวี่เห็นว่าตระกูลกู้กำลังซวย ความดีใจก็แสดงออกมาเล็กน้อย

แต่แค่นี้มันยังไม่พอ!

เธออยากให้กู้ฉางซินกลายเป็นคนไม่มีที่ซุกหัวนอน

เธอเองก็รู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ตระกูลกู้เดือดร้อนมาก คุณพ่อก็ช่วยเรื่องนี้ไปไม่น้อย

“ไปชงชาให้ฉันหน่อยสิ”

เธอพูดกับคนรับใช้อย่างอารมณ์ดี ให้เธอไปชงชาที่คุณพ่อลู่ชอบ จากนั้นก็ยกชาที่ชงเสร็จไปยังห้องทำงาน

“พ่อคะ”

เธอเคาะประตูเข้าไป วางชาที่ถือไว้บนโต๊ะ ยิ้มอ่อนมองไปที่คุณพ่อลู่

คุณพ่อลู่เห็นเช่นนี้ ยิ้มและถามว่า: “พูดมาเลย มาหาฉันมีอะไร?”

ลู่ซือยวี่รู้ว่าแค่พ่อมองเธอแวบเดียวก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร จึงไม่อ้อมค้อมและพูดออกมา: “ฉันอยากรู้ว่าที่พ่อช่วยจัดการเรื่องตระกูลกู้ ยังมีแผนอะไรหรือเปล่า”

คุณพ่อลู่เห็นท่าทางเธออยากจะพูดอะไร จึงตอบกลับว่า: “ก็เกือบจะแล้ว รอให้ตระกูลกู้วุ่นวายกว่านี้ ตระกูลเฟิงก็จะไม่เห็นความสำคัญของพวกมัน ถึงเวลานั้นก็จะเป็นโอกาสที่แกจะได้แต่งไปบ้านนั้น”

“ถ้าอย่างงั้นขั้นต่อไปพ่อก็จะไปคุยเรื่องงานแต่งที่บ้านตระกูลเฟิงหรอ?”

ลู่ซือยวี่ถามด้วยความดีใจ พ่อลู่พยักหน้า

”อืม แต่ตอนนี้ต้องรอดูไปก่อน”

ในขณะที่เขาพูด ก็เหล่ตาและพูดต่อว่า: “ต่อให้จะไปคุยเรื่องนี้ ก็ต้องรอให้กู้ฉางซินเอ่ยปากขอให้เฟิงจิงเหยาช่วยเรื่องบริษัทก่อน ถึงตอนนั้นแกก็ไปที่บ้านตระกูลเฟิงพูดไม่กี่คำ ตอนนั้นทุกคนในตระกูลเฟิงก็จะรังเกียจกู้ฉางซิน แกก็แสดงดีๆ คุณนายเฟิงต้องอดไม่ได้ที่จะช่วยให้แกเข้าไปในบ้านแน่นอน”

ลู่ซือยวี่ได้ยินพ่อพูดจบ แววตาเต็มไปด้วยความหวัง มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกขึ้น ยิ้มหน้าบาน

เธอนึกภาพตอนกู้ฉางชิงถูกไล่ออกจากบ้าน แล้วเธอก็จะเข้าไปแทนที่กู้ฉางซิน จากนั้นก็กลายเป็นคุณนายของตระกูลเฟิง

แต่กลับไม่รู้ว่า กู้ฉางชิงไม่แม้แต่จะเอ่ยออกมาสักคำ

เมื่อตกดึก เพราะว่ากู้ฉางชิงมีเรื่องไม่สบายในใจทำให้นอนไม่หลับ จึงยังอยู่ที่โต๊ะทำงานวาดออกแบบ

วาดจนมืดค่ำ เฟิงจิงเหยาก็กลับมา

“เธอยังไม่พักผ่อนหรอ?”

เขาขมวดคิ้วและถามกู้ฉางชิง

กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ ก็รีบเก็บสีหน้า ทำเหมือนใจสงบไม่มีอะไรเกิดขึ้นและตอบ: “นอนไม่หลับ แถมมีแรงบันดาลใจบางอย่างก็เลยจะวาดออกมาสักหน่อย”

เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว เหลือบมองกู้ฉางชิง ในใจเขาไม่เชื่อสิ่งที่เธอบอก

และยังเข้าใจผิดคิดว่าที่กู้ฉางชิงยังไม่นอนเพราะรอเขากลับมาเพื่อจะคุยเรื่องบริษัทกู้

เพราะตอนนั้นก็เป็นแบบนี้

“จริงหรอ?”

เขาถามอีกครั้ง กู้ฉางชิงนิ่งอึ้ง

เธอหันไปมองเขาด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงอะไร

แต่เธอก็ไม่แสดงสีหน้าออกมาต่อหน้าเฟิงจิงเหยา นึกขึ้นได้ว่าเขากลับมาดึกป่านนี้ ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง: “เออ เธอกินข้าวหรือยัง? ให้ฉันไปเตรียมมื้อค่ำไหม?”

เฟิงจิงเหยาเห็นเช่นนี้ ดวงตาทั้งสองหรี่ลง รู้สึกไม่เข้าใจผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย

ทั้งๆที่รอฉันมาทั้งคืน แต่กลับไม่เอ่ยอะไรสักคำ แถมยังถามเขาอีกว่ากินข้าวหรือยัง

เธอไม่คิดจะบอกเพราะรู้ตระกูลกู้มีปัญหา เขาต้องช่วยแน่นอน เพราะอย่างงี้เลยไม่กลัวงั้นหรอ?

เฟิงจิงเหยาคิดเหตุผลสุดท้ายมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า

ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ผู้หญิงคนนี้จะยังสบายใจแบบนี้ได้ยังไง ไม่งั้นก็คงวิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือทันทีเมื่อเห็นเขากลับมา

เมื่อเขาคิดเช่นนี้ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาในใจทันที

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท