เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เธอหลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอดูจะไม่ได้ไม่เต็มใจจริง ๆ แล้ว เขาจึงได้ถอนสายตาออก
“คุณไม่มีความเห็นอะไรก็ดีแล้ว นี่ก็ดึกแล้ว คุณขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวแล้วรีบพักผ่อนเถอะ”
กู้ฉางฉิงหยักหน้าและถามกลับว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ผมยังมีงานต้องสะสาง”
เฟิงจิ่งเหยาตอบแบบไม่ค่อยอยากตอบ
กู้ฉางฉิงฟังแล้ว ประกายในแววตาก็หายไป
“ออ แบบนี้เอง……ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปก่อนค่ะ”
เธอพูดอย่างอ่อนแรง แต่เท้าของเธอกลับไม่ขยับ
เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้น มองเห็นความผิดหวังในแววตาของเธอ จึงอมยิ้มแล้วก้าวไปข้างหน้า
“ทำไม ไม่กล้านอนคนเดียวหรือยังไง?”
กู้ฉางฉิงตกใจและก้าวถอยหลังทันทีเมื่อเห็นเขาเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน
ร่างกำยำราวภูผาของเฟิงจิ่งเหยาสร้างความกดดันให้กับเธอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลิ่นฮอร์โมนเพศชายที่ลอยเข้ามาแตะที่ปลายจมูก ทำให้ใจของเธอเต้นแรงจนไม่อาจจะควบคุมได้
“ใครไม่กล้านอนกัน”
เธอโต้ตอบด้วยความขุ่นเคือง เอื้อมมือออกหวังจะผลักชายตรงหน้าให้หลบไป
แต่ทันทีที่เธอยื่นมือออกไป ก็กลับถูกเฟิงจิ่งเหยาจับเอาไว้อย่างแน่น จากนั้นด้วยความพยายามที่จะใช้แรงดึงมือกลับ แต่เธอก็กลับล้มลงไปทับเฟิงจิ่งเหยา
ทันใดนั้น ที่เอวของเธอก็มีแขนแข็งแกร่งมาโอบรัดไว้
“งั้นเหรอ? ทำไมผมกลับรู้สึกว่าคุณปากไม่ตรงกับใจ?”
เสียงทุ้มของเฟิงจิงเหยาดังขึ้นข้างหูของเธอ
ด้วยเสียงอันทรงพลังนี้ ทำให้กู้ฉางฉิงถึงกับทนไม่ไหวจนตัวสั่น
ชั่วครู่ ภาพที่ไม่สามารถพูดบรรยายได้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ พวงแก้มทั้งสองก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ร่างกายก็เริ่มจะอ่อนระทวยจนต้องซบลงเข้ากับร่างของเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาสังเกตดูอาการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเธอ ก็มีความวูบไหวขึ้นในแววตา ราวกับว่ามีบางอย่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
เขาก้มศีรษะลงทันใดและจับริมฝีปากแดงที่น่าดึงดูดนั่นไว้
กลิ่นหอมเฉพาะตัวของกู้ฉางฉิงอบอวนอยู่เต็มปากของเขา เขาบุกล้อมดินแดนเอาไว้ และต้องการมากขึ้นกว่านั้นอีก
ส่วนกู้ฉางฉิงนั้นไม่มีการต่อต้านใด ๆ ปล่อยให้เขาบรรเลงไป
ทั้งสองพรมจูบกันจนกระทั่งหมดอากาศหายใจถึงได้แยกออกจากกัน
ในตอนนี้ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา
เฟิงจิ่งเหยาได้ยกเลิกความตั้งใจก่อนหน้านี้ รั้งเอวเธอเข้ามาและอุ้มขึ้นราวกับเป็นเจ้าหญิงเดินไปที่ห้อง
อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
กู้ฉางฉิงรู้สึกราวกับเป็นเหมือนเรือลำน้อยที่ล่องลอยไปกับกระแสน้ำกลางมหาสมุทร
เธอฟังเสียงลมหายใจแผ่วเบาที่ดังก้องอยู่ข้าง ๆ หู สติที่มึนเมาของเธอก็ค่อย ๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
ทุกครั้งที่เสียงหายใจนั้นดังขึ้น ก็ทำให้หัวใจของเธอกระเพื่อมแรงไม่หยุด
ความรู้สึกแบบนั้นดูเหมือนจะตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา
เธอพบว่า ช่วงนี้เธอเข้าถึงบทบาทกู้ฉางซินมากเกินไป แต่……สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจากไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะคำนวณเวลา เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบเดือนแล้ว
เธอรู้ดีว่าเมื่อถึงเวลานั้นเธอก็ต้องจากไป ต้องทิ้งผู้ชายคนนี้ไป
ทันใดนั้นเอง หัวใจของเธอก็รู้สึกราวกับโดนทิ่มแทง อึดอัดจนหายใจยังรู้สึกเจ็บปวด
และในเวลานี้เอง เฟิงจิ่งเหยาก็สัมผัสได้ถึงความว้าวุ่นใจของคนที่อยู่เบื้องล่างเขา จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดและถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
กู้ฉางฉิงดึงสติกลับมา เธอมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่คืบตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาสังเกตเห็นได้ และกำลังจะถามขึ้นอีกครั้ง แต่จู่ ๆ กู้ฉางฉิงก็กลับเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เธอดึงเฟิงจิ่งเหยาลงมาพรมจูบไปที่ริมฝีปาก ทำต่อในสิ่งที่เขาทำไว้ก่อนหน้าอย่างเชื่องช้า
จูบที่ไม่คล่องแคล่วกับการที่กู้ฉางฉิงเป็นคนเริ่ม ทำให้เฟิงจิ่งเหยาถึงกับนิ่งตะลึงงันไปชั่วขณะและปล่อยให้กู้ฉางฉิงจุดไฟขึ้นบนตัวเขา
พอเขากลับมามีปฏิกิริยาอีกครั้ง เขาก็ไม่อยากที่จะใส่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อีกต่อไป เขาแค่อยากจะมอบความรักมากมายให้กับนางฟ้าคนนี้เท่านั้น
สุดท้ายเหตุการณ์จบลงอย่างไรกู้ก็ฉางฉิงก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ
……
วันรุ่งขึ้น เมื่อกู้ฉางฉิงตื่นขึ้นก็พบว่าร่างกายของเธอปวดร้าวราวกับถูกรถทับ
เธอรู้ดีว่านี่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปล่อยตัวมากเกินไป ยังดีที่วันนี้เธอไม่ต้องเข้าบริษัท ดังนั้นเธอจึงนอนคุดคู้อยู่บนเตียงต่อสักพัก
แต่เมื่อเธอคิดถึงความบ้าคลั่งเมื่อคืน หัวใจของเธอก็เร่งจังหวะขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้และเต้นแรงมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามความสุขนี้ก็ไม่ได้อยู่นาน เมื่อเธอคิดถึงความเป็นจริง อารมณ์ดีทั้งหมดก็พลันหมดไป
เธอกลืนความขมขื่นในปากลงไปและเอาแต่สะกดจิตตัวเอง
กู้ฉางฉิง หยุดคิดได้แล้ว นี่เป็นเพียงแค่ข้อตกลงเท่านั้น!
คิดถึงแม่ที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากเธอสิ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการสะกดจิตของเธอนั้นได้ผลหรือเปล่า จิตใจที่วุ่นวายของเธอได้ค่อย ๆ สงบลง
และเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากอีกต่อไป เธอจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ
เมื่อเธออาบน้ำเสร็จจึงลงไปทานข้าวที่ชั้นล่าง เสี่ยวเหม่ยก็เข้ามา
“คุณนายรองคะ ทางบ้านใหญ่เพิ่งจะส่งคนมาเชิญคุณนายรองไปพบค่ะ”
กู้ฉางฉิงพยักหน้ารับรู้
แต่เธอก็ไม่ได้ขยับตัว ยังคงทานอาหารต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ
ไม่ต้องคิดเลยว่าคนที่ตามตัวเธอในเวลานี้จะเป็นใครอื่นไปไม่มีนอกจากคุณนายเฟิง
และถ้าคนคนนี้เรียกพบเธอก็ไม่เคยมีเรื่องดี
เพราะฉะนั้นเธอก็ทานให้อิ่มเสียก่อนแล้วจึงค่อยไป
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงทานอาหารอย่างเชื่องช้า เสร็จแล้วจึงไปที่บ้านใหญ่อย่างเกียจคร้าน
ณ บ้านใหญ่ คุณนายเฟิงมองดูกู้ฉางฉิงที่มาช้าก็โมโหอย่างมาก
“กู้ฉางซิน เดี๋ยวนี้กำเริบใหญ่แล้วนะ กล้าปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน คิดว่ามีจิ่งเหยาคอยให้ท้ายล่ะสิ เธอถึงได้ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา”
เธอตำหนิอย่างรุนแรง ส่วนกู้ฉางฉิงนั้นได้แต่ยิ้มและตอบว่า
“คำพูดนี้ของคุณแม่ไม่ถูกนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้คุณแม่รอ แต่ตอนที่คุณแม่เรียกให้ฉันมานั้น ฉันกำลังทานอาหารอยู่พอดี ถ้าหากฉันรีบมาทันทีและปล่อยให้ท้องหิว แล้วถ้าเกิดกระทบกับการตั้งครรภ์ มันจะไม่คุ้มกับที่เสียไปนะคะ”
คุณนายเฟิงถึงกับพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะใช้เรื่องนี้มาตอกกลับเธอ
เธอกัดฟันแน่นและจ้องไปที่กู้ฉางฉิง ไม่สามารถที่จะหาคำมาสวนกลับเธอได้ในทันที สุดท้ายจึงสูดหายใจเข้าลึกและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันจะไม่ถือสาเธอ”
เมื่อกู้ฉางฉิงเห็นดังนั้น ก็ยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา “ถ้าเช่นนั้นก็ขอขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อนี้ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณแม่เรียกฉันมาพบมีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เมื่อคุณนายเฟิงได้ยินดังนี้ก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญของเธอ จึงกระแอมขึ้นเบา ๆ ว่า “ฉันได้นัดคุณหมอเอาไว้แล้ว ถ้าเธอไม่มีธุระอะไร ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยกันกับฉันตอนนี้เลย”
กู้ฉางฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เดิมเธอคิดว่าการตรวจน่าจะอีกวันสองวัน ไม่นึกเลยว่าผ่านไปเพียงคืนเดียว ผู้หญิงคนนี้ก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ครู่หนึ่ง เธอมองไปที่คุณนายเฟิงด้วยความลังเล ไม่รู้ว่าผู้หญิงนี้มีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่
แต่ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้อยู่ดี เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ และพยักหน้าตอบว่า “ได้ค่ะ”
จากนั้นทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาล หลังจากที่คุณนายเฟิงแจ้งชื่อเสร็จแล้ว ก็มีพยาบาลมานำพวกเธอไปแผนกสูตินารีเวช
“หมอเจี่ยง คนไข้ของคุณมาถึงแล้วค่ะ”
พยาบาลเคาะประตู เมื่อพาทั้งสองเข้ามาแล้วก็ได้ออกไป
ในห้องทำงาน หญิงอายุราวสี่สิบมองไปที่กู้ฉางชิงด้วยแววตาเป็นประกาย เธอสวมเสื้อกราวน์สีขาวและดูท่าทางใจดี
“คนนี้คือคนที่คุณบอกว่าจะมาเข้ารับการตรวจน่ะเหรอ?”
เธอทักทายคุณนายเฟิงก่อน คุณนายเฟิงพยักหน้าตอบ
“ต้องรบกวนเธอแล้ว ช่วยตรวจเธอให้หน่อยนะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็หันมาทางกู้ฉางฉิงและแนะนำว่า “นี่ก็คือเพื่อนที่ฉันบอกว่าเชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช ไปตรวจร่างกายกับเธอเถอะ”