หลังจากที่คุณนายเฟิงพูดจบ ก็เรียกคนเข้ามาเพื่อเตรียมการ
คืนนั้น เมื่อเฟิงจิ่งเหยากลับมา ป้าหวังก็มาที่นี่ตรงเวลา
“คุณชาย วันนี้คุณนายให้คุณไปทานอาหารที่บ้านใหญ่”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้คิดอะไรมาก จึงตอบรับ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินไปที่บ้านใหญ่
เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็พบว่าในห้องรับแขกไม่ได้มีแค่คุณนายเฟิงคนเดียว ยังมีลู่ซือหยี่
เขาขมวดคิ้วราวกับเข้าใจเจตนาที่คุณนายเฟิงเรียกเขามา
เขาอยากจะหันหลังและเดินออกไป แต่เพราะคุณนายเฟิง เขาจึงต้องจำใจอยู่ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการหักหน้าแม่
ลู่ซือหยี่ไม่รู้ว่าในใจเขาหงุดหงิด มองร่างที่บึกบึนของเขา ในสายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ชื่นชม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ก็ยากที่จะปกบิดความตื่นเต้นและความเขินอาย
“พี่จิ่งเหยา”
เธอเรียกอย่างเขินอาย และใบหน้าของเธอก็แดง
อย่างไรก็ตามเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้มองไปที่เธอ
เขามองไปรอบๆห้องรับแขก และไม่เห็นกู้ฉางชิงจึงถามว่า:“แม่ คุณไม่ได้เรียกกู้ฉางซินมาหรอ?”
ลู่ซือหยี่ได้ยินอย่างนั้นแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อ สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
คุณนายเฟิงไม่พอใจ แต่เธอไม่ได้แสดงออกมา ยิ้มและพูดว่า:“เรียกแล้ว แต่เธอยังทำเรื่องที่บริษัทไม่เสร็จ บอกว่าจะไม่กลับมา”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว และหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหากู้ฉางชิง
“คุณยังอยู่ที่บริษัทหรอ?”
กู้ฉางชิงตกตะลึง และตอบกลับว่า:“อืม วันนี้มู่จิ่นกลับไปแล้ว และให้ข้อมูลแบรนด์ใหม่กับฉัน ฉันต้องรวบรวมข้อมูลก่อน อาจจะกลับช้าหน่อย”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก บอกให้เธอใส่ใจเรื่องความปลอดภัย และวางสาย
อย่างไรก็ตามคุณนายเฟิงไม่พอใจเขามาก
“จริงไหม เธอบอกว่าทำงานล่วงเวลา คุณกลัวว่าฉันจะโกหกคุณหรือยังไง?”
เธอมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยความไม่พอใจ
เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าเขาคิดมากเกินไป และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ใช่บอกว่าจะทานข้าวหรอ?ไปกันเถอะ”
เขาเปลี่ยนเรื่องและเดินนำไปที่ห้องอาหาร
คุณนายเฟิงทำเสียงฮึ และเดินตามไป โดยที่ไม่ลืมลู่ซือหยี่
“ลู่ซือหยี่ มาเร็ว เดินตามพี่จิ่งหยูของเธอไป พวกเราไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันมานานแล้ว”
เธอบอกใบ้ให้ลู่ซือหยี่ไปนั่งข้างๆเฟิงจิ่งเหยา
ลู่ซือหยี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ และเดินไปที่เฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาเหลือบมองเธอ แต่เป็นเพราะแม่ของเขาจ้องมองอยู่ เขาจึงไม่ได้พูดยับยั้งเธอ
ที่โต๊ะอาหาร ลู่ซือหยี่ดูเหมือนจะลืมความไม่สบายในบริษัทก่อนหน้านี้ เธอเอาใจใส่โดยการตักอาหารให้เฟิงจิ่งเหยา แล้วก็หาเรื่องพูดคุย
เฟิงจิ่งเหยาสีหน้าเฉยเมย หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าคุณนายเฟิง เขาก็คงเดินออกไปตั้งนานแล้ว
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานแค่ไหน ในสุดก็ทานอาหารเสร็จ
ความอดทนของเฟิงจิ่งเหยาดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะจากไป
“แม่ ที่บริษัทยังมีงาน ฉันกลับไปก่อนนะ”
คุณนายเฟิงมองใบหน้าที่เฉยเมยของเขา ด้วยแววตาเป็นประกาย ยิ้มและพูดว่า:“โอเค อย่าดึกจนเกินไป แล้วก็อย่าลืมพักผ่อนล่ะ”
เฟิงจิ่งเหยากล่าวลาอย่างเชื่อฟัง
“บ๊ายบายพี่จิ่งเหยา”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นอย่างนั้น ก็ไม่รู้ทำไมในใจถึงรู้สึกแปลกๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ในเวลาอย่างนี้แม่ของเขาจะต้องรั้งให้เขาอยู่ต่ออย่างแน่นอน แต่วันนี้ทำไมถึงปล่อยเขาไปง่ายๆ
เขาคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ จึงหันหลังจากไป
เมื่อเขากลับไปถึงห้องหนังสือ และกำลังเตรียมที่จะทำงาน จู่ๆเขาก็รู้สึกหนักๆหัว
จากนั้นเปลือกตาของเขาก็เหมือนจะปิดลง และรู้สึกง่วงขึ้นมา
เขาส่ายหัว แต่ก็ยังไม่สามารถสลัดความง่วงได้
จากนั้นเขาก็คิดว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้นอนเพราะว่ายุ่งๆอยู่ เขาไม่ได้คิดอะไรมาก และกลับห้องไปพักผ่อน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็นอนอยู่บนเตียงและหลับสนิท
ไม่นานหลังจากที่เขาหลับไป ประตูห้องก็ถูกเคาะ
“พี่จิ่งเหยา”
ลู่ซือหยี่เคาะจานผลไม้ด้านนอก
เธออ้างว่ามาส่งผลไม้ พ่อบ้านจึงอนุญาตให้เธอเข้ามา แต่เธอไม่สามารถอยู่ข้างนอกได้นาน
คิดอย่างนั้นแล้วเธอก็เคาะประตูอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีการโต้ตอบกลับมา เธอก็คิดว่ายาน่าจะออกฤทธิ์แล้ว เธอจึงเปิดประอย่างระมัดระวังและเดินเข้าไป
ใช่ เฟิงจิ่งเหยาเริ่มง่วงขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะเขาเหนื่อย แต่เขาถูกคุณนายเฟิงวางยา เขาเลอะเลือนไม่ได้สติ จึงสะดวกกับการที่ลู่ซือหยี่จะลงมือ
หลังจากที่ลู่ซือหยี่เข้ามาในห้อง ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยาหลับสนิทอยู่บนเตียง ในใจเธอก็รู้สึกกระวนกระวาย
“พี่จิ่งเหยา”
เธอวางจานผลไม้ในมือลง และค่อยๆขยับเข้าไปใกล้
บนเตียง เฟิงจิ่งเหยาที่เบลอๆก็ได้ยินเสียง แต่ฟังไม่ออกว่าคืออะไร
เขาอยากจะลืมตา แต่ดูเหมือนว่าเปลือกตาของเขาจะหนักมาก เขาลืมตาไม่ขึ้น เห็นเพียงเงาที่เลือนราง
เขาคิดว่ากู้ฉางชิงกลับมาแล้ว จึงส่งเสียงอืม แล้วก็หลับต่อ
เขาไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่กู้ฉางชิง แต่เป็นลู่ซือหยี่
เมื่อลู่ซือหยี่เห็นว่าเฟิงจิ่งเหยาขานรับ ดูเหมือนว่าเธอจะฮึกเหิมแล้วเดินไปที่ข้างเตียง และมองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่นอนบนเตียง สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“พี่จิ่งเหยาหลังจากคืนนี้ ฉันจะเป็นผู้หญิงของคุณ”
เมือพูดจบเธอก็คิดถึงเรื่องต่อไป เธอก็เขินอายและดูตื่นเต้น
แต่ยิ่งนานก็ยิ่งอดใจต่อไปไม่ไหว
“พี่จิ่งเหยา ตื่นตื่น”
เธอตัวสั่นเล็กน้อยและเอนตัวลง ส่งเสียงเรียกเฟิงจิ่งเหยาไปพลาง ปลดกระดุมให้เขาไปพลาง พยายามจะปลุกให้เขา และเธอก็ท่องคาถา
เธอเห็นว่าเฟิงจิ่งเหยาเพิ่งโดนยาไปไม่นาน เขาสติเลอะเลือน ง่ายที่จะจำผิดคน
แต่ตอนนี้เธอต้องการให้เฟิงจิ่งเหยาจำผิดคน และรู้สึกว่าต้องการเธอ
เรียกได้ว่าเธอวางแผนมาดี แต่ความเป็นจริงมักจะโหดร้าย
เธอกำลังลวนลามเฟิ่งจิ่งเหยา แต่เฟิ่งจิ่งเหยาไม่ตอบสนอง เขาหลับสนิท
ลู่ซือหยี่คุงเข่าลงบนเตียงและมองเขาด้วยความไม่เชื่อ ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เธอไม่เต็มใจที่จะดำเนินการไปตามแผน เพราะมาถึงที่นี่!
“พี่จิ่งเหยา!เฟิงจิ่งเหยา!”
เธออดไม่ได้ที่จะเพิ่มระดับเสียง และตะโกนอย่างเสียงดัง
แต่คนบนเตียงก็ยังไม่ตอบสนองและหลับสนิท
เธอกัดฟันและจ้องมอง ดวงตาของเธอแดงก่ำ เธอโกรธจนตัวสั่น
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?หรือว่าเธอจะถูกกำหนดให้พ่ายแพ้อีกแล้ว
ไม่ เธอไม่ยอม!
เธอมองเฟิงจิ่งเหยาที่ยังไม่ตื่น ในใจก็คิดหาหนทาง
ในเมื่อมันไม่ได้จริงๆ เธอก็ต้องเสแสร้ง
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็จะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปแน่!
คิดอย่างนี้แล้ว เธอก็เห็นมีดกัดคิ้วบนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอรีบลงจากเตียงทันที หลังจากนั้นก็หยิบมีดมากรีดมือตัวเอง
เธอเห็นเลือดสีแดงสด และรีบกลับไปที่เตียง
เธอป้ายเลือดนั้นลงบนเตียง
ในขณะเดียวกันเธอก็ถอดเสื้อผ้า และลงไปนอนบนเตียง
เธอนอนอยู่ข้างๆเฟิงจิ่งเหยา ได้ยินเสียงลมหานใจยาวของเขา หัวใจของเธอก็เต้นแรง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับเขามากขนาดนี้
เธอขยับเข้าไปอยู่ในแขนของเฟิงจิ่งเหยา และหาท่าทางที่สะดวกสบายแล้วหลับตาลง และมุมปากของเธอก็ยิ้มด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
ถ้ากู้ฉางชิงกลับมาแล้วเห็นภาพนี้ จะแสดงท่าทียังไง!