เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินที่เฟิงจิ่งเหยาถามถาม ก็จ้องเขาด้วยสายตาเขม็ง
ในสายตาของเขามีแต่ความสงสัย
ทันใดนั้นความแปลกประหลาดในใจของเธอก็มากขึ้นเรื่อย ๆ
เฟิงจิ่งเหยายังคงรอคำอธิบายของเธอ เธอจึงระงับความสงสัยในใจไว้ชั่วคราว หยิบโทรศัพท์ออกมา และเรียกดูวิดีโอที่เธอบันทึกไว้ก่อนหน้านี้
“คุณดูเอาเองเถอะ”
เฟิงจิ่งเหยาก็หยิบขึ้นมาดู
ในโทรศัพท์บันทึกภาพตอนที่กู้ฉางชิงเห็นเมื่อเข้ามาในห้อง
เฟิงจิ่งเหยาดูจบ ใบหน้าก็มืดดำ
สายตาของเขาเหมือนกับมีดที่มองไปที่ลู่ซือหยี่
“ลู่ซือหยี่ ฉันหวังว่าเธอจะให้คำอธิบายที่ดีกับฉัน!”
เสียงที่เย็นชาของเขา ทำให้เธอหวาดกลัว
ลู่ซือหยี่นิ่ง เธอกลัวจนตัวสั่น
เธออยากอธิบาย แต่ปากของเธอถูกปิดไว้ ทำเสีงอืออืออยู่นาน ทำให้ไม่เขาใจว่าเธอพูดอะไร
“เสี่ยวเหม่ย เอาที่ปิดปากออกให้เธอ”
กู้ฉางชิงมอง และออกคำสั่งอย่างเย็นชา
ในเมื่อตอนนี้เฟิงจิ่งเหยาตื่นแล้ว เรื่องนี้ก็ปล่อยให้เขาจัดการ
เสี่ยวเหม่ยพยักหน้า และหยิบผ้าออกจากปากของลู่ซือหยี่
พอเอาผ้าปิดปากออก ลู่ซือหยี่ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“พี่จิ่งเหยา พี่ต้องจัดการให้ฉัน กู้ฉางซิน……”
เดิมที่เธออยากจะฟ้องว่าในสิ่งที่กู้ฉางชิงทำกับเธอ แต่ยังพูดไม่ทันจบ เฟิงจิ่งเหยาก็ขัดจังหวะเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันถามเธอเรื่องนี้หรอ?”
เขาพูดจบก็มองลู่ซือหยี่ด้วยสายตาที่เฉียบคม
ลู่ซือหยี่ตกใจกลัว และไม่อยากสบตากับกู้ฉางชิง
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เดิมทีฉันมาที่นี่เพื่อส่งของ แต่ก็ถูกพี่ที่เลอะเลือนไม่มีสติลากขึ้นไปบนเตียง”
เธอพูดถึงตรงนี้แล้วก็จงใจมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
และเมื่อเธอพูดจบลง ใบหน้าของเฟิงจิ่งเหยามืดมาก เหมือนกับจะมีน้ำหมึกหยดออกมา ยิ่งทำให้หนาวสั่น
ลู่ซือหยี่ตกใจกลัว แต่เมื่อนึกถึงแผนของเธอ เธอก็ยังดันทุรัง แสร้งทำเป็นน่าสงสารต่อไป
“พี่จิ่งเหยา ฉันรู้ว่าพี่โกรธมาก ฉันก็ต้องต่อต้าน แต่พี่เผด็จการเกินไป จนฉันไม่มีหนทางที่จะตีเสมอได้”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างหวาดระแวง
เธอไม่อยากจะสบสายตาที่เย็นชาของเฟิงจิ่งเหยา เธอตกใจกลัวจนตัวสั่น
เฟิงจิ่งเหยาไม่สนใจสายตาที่หวาดกลัวของเธอ หลังจากที่เธอพูดจบเขาก็โกรธมาก
เมื่อเขาก้าวลงจากเตียง ก็รีบเดินไปตรงหน้าลู่ซือหยี่
เขาบีบคอลู่ซือหยี่ด้วยความโกรธ
“ลู่ซือหยี่ คุณไม่ควรท้าทายความอดทนของฉัน ฉันได้แตะต้องคุณหรือไม่ คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้!ถ้าคุณยังโกหกอีกฉันโยนคุณออกจากที่นี่!”
พูดจบเขาก็ลากลู่ซือหยี่มาที่ขอบหน้าต่าง แล้วทำท่าเหมือนจะโยนเธอลงไปจากชั้นสองถ้าหากยังพูดโกหกอีก
ลู่ซือหยี่ตกใจ กู้ฉางชิงก็ตกใจด้วยเช่นกัน
แต่ไม่นานเธอก็ใจเย็นลง เธอเชื่อว่าเฟิงจิ่งเหยารู้จักความหนักเบา
คิดอย่างนี้แล้วเธอก็มองไปที่ร่างของลู่ซือหยี่
ฉันเห็นผิวที่เปลือยเปล่าของเธอ ไม่เห็นมีร่องรอยอะไร
หากเป็นไปตามที่เธอพูด เฟิงจิ่งเหยาล่วงละเมิดเธอโดยไม่รู้ตัว บนร่างกายของเธอ
จะต้องมีร่องรอย เพราะทุกครั้งที่พวกเขาเสร็จภาระกิจ บนตัวของเธอจะมีร่องรอย
กู้ฉางชิงคิดอย่างนี้แล้วก็เดาว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา โดยเฉพาะสิ่งที่เธอเห็นสามารถยืนยันการคาดเดาของเธอได้
เมื่อเห็นมือที่กำลังดิ้นรนของลู่ซือหยี่ ดูเหมือนว่ามือข้างหนึ่งของเธอได้รับบาดเจ็บ และเป็นบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
เธอเชื่อมโยงกับรอยเลือดบนเตียง และมองไปที่บาดแผล ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจ
เธอเข้าใจแล้ว แต่เฟิงจิ่งเหยายังไม่รู้ และยังบีบบังคับให้ลู่ซือหยี่ตอบ
เธอเห็นร่างกายของลู่ซือหยี่ออกไปนอกหน้าต่างครึ่งตัว กู้ฉางชิงก็อดไม่ได้ที่จะลังเล
เธอควรจะไปเกลี้ยกล่อมเฟิงจิ่งเหยาไม่ให้หุนหันพลันแล่น ท้ายที่สุดแล้วการเอาชีวิตคนก็ไม่ใช่เรื่องดี
เธอกำลังจะพูดเกลี้ยกล่อม ก็ได้ยินลู่ซือหยี่พูดอย่างไม่กลับใจ ไอไปพลางแก้ตัวไปพลาง
“พี่จิ่งเหยา ฉันไม่ได้โกหก ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อฉันล่ะ?ฉันก็เป็นผู้หญิง จะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นได้ยังไง!”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินอย่างนี้แล้วก็ยิ่งโกรธ และยังคงกำมือแน่น
ลู่ซือหยี่ไอหนักมากขึ้น เหมือนขาดอากาศหายใจ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ให้ตายยังไงเธอก็ไม่กลับใจ มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างรักใคร่
“พี่จิ่งเหยา ฉันไม่ได้โกหกพี่จริงๆ……”
“พี่จิ่งเหยา พี่เชื่อฉันนะ……”
กู้ฉางชิงมองด้วยสายตาเย็นชา และชักจะนับถือผู้หญิงคนนี้
ถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่พูดความจริง และยังคงลุ่มหลง
เมื่อคุณนายเฟิงมา พวกเขาก็หยุดชะงัก
เธอเห็นเฟิงจิ่งเหยาบีบคอลู่ซือหยี่ จนลู่ซือหยี่หน้าดำหน้าเขียว
“จิ่งเหยา เธอทำอะไร?ปล่อยซือหยี่เดี๋ยวนี้!”
เธอคว้ามือของเฟิงจิ่งเหยา และต้องการจะช่วยลู่ซือหยี่
แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ยอมปล่อยมือ
เมื่อลู่ซือหยี่เห็นคุณนายเฟิง ในตาก็เป็นประกายสว่างขึ้น
“ป้าหมิง”
เธอเรียกอย่างยากลำบาก คุณนายเฟิงได้ยินก็เป็นห่วงมาก
“ทำไม?สิ่งที่ฉันพูดไม่มีผลแล้ว ยังไม่รีบปล่อยมืออีก!”
เธอทุบเฟิงจิ่งเหยา เขม่นตาจ้องมองเป็นการตำหนิ ถ้าเขาไม่ปล่อยก็จะสั่งสอนเขา
เมื่อจิ่งเหยาเห็นอย่างนั้น ก็ทำเสียงฮึอย่างไม่พอใจ และปล่อยมือ
ลู่ซือหนี่ทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง ความเจ็บปวดที่คอทำให้เธอไอ
คุณนายเฟิงมอง และนั่งยองๆลงไปดูแลเธอ ในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะพูดสอน
“จิ่งเหยา เธอบอกว่าเธอโตแล้ว ทำไมถึงไม่พูดกันดีดี แล้วยังจะลงมือกับลู่ซือหยี่อีก”
กู้ฉางชิงได้ยินที่เธอพูดสอนแล้วก็ขมวดคิ้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเห็น ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
พูดได้ว่าคุณนายเฟิงปรากฏตัวขึ้นอย่างทันท่วงที ที่สำคัญคือเขาไม่ได้แจ้งคนที่บ้านหลัก แต่เธอรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เธอน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
กู้ฉางชิงคิดอย่างนี้แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
มีแม่อย่างนี้ด้วย แม่ที่คิดจะทำลายการแต่งงานของลูกชาย ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเฟิงจิ่งเหยา
คุณนายเฟิงพูดกับตัวเองอยู่สักพัก ก็ไม่มีใครให้ความสนใจเธอ และอดไม่ได้ที่จะรำคาญ
“เฟิงจิ่งเหยาฉันถามเธออยู่ เธอไม่ได้ยินหรอ?ทำไมเธอถึงทำกับลู่ซือหยี่อย่างนี้?”
เธอถามด้วยน้ำเสียงดุดันอีกครั้ง เฟิงจิ่งเหยามองไปที่เธอด้วยสายตาเฉียบคม
“ทำไม?จริงๆแล้วคำถามนี้ไม่ใช่ฉันที่ควรจะถามคุณหรอ?”
ถ้าพูดถึงก่อนหน้านี้เป็นเพราะความขุ่นเคืองของเขา ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้แม่มาโดยไม่ได้รับเชิญ และบวกกับความผิดปกติของแม่เมื่อตอนเย็น เขาก็เข้าใจในทันที
จู่ๆเมื่อตอนเย็นเขาก็ง่วงนอน ไม่ใช่เพราะว่าเขาเหนื่อย แต่เป็นเพราะเขาถูกวางยา
ในส่วนของคนที่วางยานั้น เขามองไปที่คุณนายเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
เขาขยี้คิ้วด้วยความอึดอัดใจ เมื่อรู้ว่าการสืบหาเรื่องนี้ต่อไป จะทำให้ทุกคนลำบากใจ เขาก็ไม่อยากที่จะสืบหาความจริงเรื่องนี้แล้ว เขามองคุณนายเฟิงอย่างเศร้าหมอง
“แม่ เรื่องมันเป็นยังไงในใจคุณรู้ชัดเจน อย่างนั้นก็คิดซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ฉันก็จะไม่สืบสาวราวเรื่อง คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เขาพูดจบแล้วก็จ้องมองไปที่ลู่ซือหยี่:“ส่วนผู้หญิงคนนี้ ต่อไปอย่าให้ฉันเห็นเธออีก!”
พูดจบเขาก็เหวี่ยงแขนเสื้อและเดินจากไป