คุณแม่ลู่ได้ยินเช่นนี้รู้สึกโกรธขึ้นมา แต่ก็รู้ว่าลู่ซือยวี่ยืนยันเรื่องนี้มากแค่ไหน ต่อให้เอาวัวสิบตัวมาฉุด ก็เอาความคิดนี้ออกไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะโมโหพ่อลู่ไปด้วย
“ดูลูกสาวแกสิ นิสัยเหมือนกันเปี๊ยบ!”
คุณพ่อลู่ถูกตำหนิทำตัวไม่ถูก แต่เขาก็สนับสนุนลู่ซือยวี่
เพราะว่าหน้าตาชื่อเสียงของตระกูลเฟิงในโตเกียว ตระกูลอื่นๆแทบจะเทียบไม่ได้เลย
โดยเฉพาะนายท่านเฟิง ได้ยินมาว่าสมัยหนุ่มๆดำรงตำแหน่งพันเอก ตอนอยู่ต่างประเทศยังเข้าร่วมฝึกฝนกลุ่มผู้พิทักษ์อย่างลับๆ
ผู้พิทักษ์เหล่านี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนมีพรสวรรค์และอัจฉริยะ ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บัญชาการเท่านั้น
เฟิงจิงเหยาเป็นทายาทที่เหมาะสมที่สุดของตระกูลเฟิง ในอนาคตเขาจะได้รับมรดกทุกอย่างจากนายท่าน
ถ้าหากซือยวี่แต่งงานกับเฟิงจิงเหยา มรดกพวกนั้นก็จะเป็นของตระกูลลู่ด้วยในสักวัน!
ถึงเวลานั้นของพวกนั้นจะทำให้พวกเขาเป็นผู้ลากมากดี ตระกูลลู่ก็จะเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงขึ้นมาตระกูลหนึ่ง
คุณพ่อลู่คิดถึงเช่นนี้ ยิ่งสนับสนุนให้ปรองดองกับตระกูลเฟิงถึงยังไงก็ห้ามท้อถอย
“ซือยวี่ ไม่ต้องไปฟังแม่แก อยากทำอะไรก็ทำเลย พ่ออยู่ข้างแก!”
เขามองดูซือยวี่ด้วยความรัก แววตาเต็มไปด้วยแผน
ลู่ซือยวี่มองสายตาพ่อไม่ออก แถมยังกำลังดีใจกับคำพูดของเขา
คุณแม่ลู่เห็นเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชา
“ฉันว่าคุณกำลังสับสนนะ ลูกอยากแต่งไปตระกูลเฟิงแล้วยังไง? อย่าลืมสิ ตอนนี้เฟิงจิงเหยามีกู้ฉางซินอยู่แล้ว!”
คุณพ่อลู่ไม่สนใจ ตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว ฉันให้ซือยวี่จัดการก็สิ้นเรื่อง”
คุณแม่ลู่หมดคำจะพูด
ลู่ซือยวี่พึ่งเธอไม่ได้ มองดูคุณพ่อลู่ด้วยความหวัง
“งั้นเรื่องนี้ก็ต้องให้พ่อจัดการแล้วล่ะ”
คุณพ่อลู่พยักหน้า
……
ในขณะเดียวกันที่กู้ซื่อกรุ๊ป
ผู้ช่วยเคาะประตูเข้ามา
“ท่านประธาน เรื่องที่คุณให้ผมไปตรวจสอบก่อนหน้านี้ได้เรื่องแล้ว”
กู้หงเซินได้ยินเช่นนี้ก็วางงานในมือที่กำลังทำและจ้องไปที่เขา
“รู้แล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังทำพวกเรา?”
ผู้ช่วยพยักหน้า
“รู้แล้ว มันคือตระกูลลู่”
กู้หงเซินได้ยินเช่นนี้ ขมวดคิ้ว และคิดไม่ออก
“ตระกูลลู่ไหน?”
ผู้ช่วยเห็นเช่นนี้ อธิบายว่า: “ก็คือคนที่ไม่ถูกกับคุณหนูของเรา ลู่ซือยวี่ตระกูลลู่คนนั้น”
กู้หงเซินได้ยินเช่นนี้ ก้มหน้าลงทันที
เพราะว่าในขณะที่ผู้ช่วยพูดชื่อลู่ซือยวี่ออกมา ในใจเขาก็คิดออกสาเหตุของเรื่องนี้มันยังไง
แท้จริงแล้ว นี่เป็นการอยากแก้แค้นกู้ฉางซิน
ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นกู้ฉางชิงสวมบทอยู่ก็ตาม แต่เขาก็เข้าใจ ที่ตระกูลลู่ทำแบบนี้เพราะอยากใช้โอกาสที่บริษัทกู้ลำบากเพื่อให้คุณนายเฟิงขับไล่ลูกสาวเขาออกจากตระกูลเฟิง แล้วให้ยัยคุณหนูตระกูลลู่มาแทนที่!
วางแผนได้ดีมากที่จะมาทำลายชื่อเสียงของตระกูลกู้ แถมยังจะทำให้ลูกสาวเขาเป็นหญิงม่าย เห็นตระกูลกู้เป็นเป็นคนอ่อนแอที่จะรังแกได้หรือไง?
เหอะ อยากขโมยของลูกสาวเขาก็ต้องดูก่อนว่าเขายอมหรือไม่ยอม!
พอดีเลยที่ฉางซินยังไม่กลับมา เขาจัดการกับคนพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อน ฉางซินกลับมาจะได้ไม่มีเรื่องอะไรให้เครียด
คิดถึงเช่นนี้ เขาพูดกับผู้ช่วยเบาๆว่า: “แกไปหาคนมา ให้ไปเฝ้าดูบ้านลู่ทุกฝีก้าว มีการเคลื่อนไหวอะไรมาแจ้งฉันทันที”
“รับทราบ!”
ผู้ช่วยรับคำสั่งและจากไป
กู้หงเซินมองดูเขาที่กำลังจากไป สายตาหรี่ลงอย่างชั่วร้าย
ราวกับว่าเขาคิดอะไรออก หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรออก
ไม่นานนัก ก็รับสายและได้ยินเสียงที่เย็นชาของกู้ฉางชิง
“มีอะไร?”
กู้หงเซินไม่พูดอ้อมค้อม บอกเลยว่า: “เรื่องที่ดินครั่งก่อนรู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ ตระกูลเฟิงเป็นคนอยู่เบื้องหลัง คิดแล้วก็คงเกิดจากแก”
กู้ฉางชิงได้ยินแล้วประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็สามารถเข้าใจได้
กลัวว่าจะเป็นคำสั่งของลู่ซือยวี่
ถ้าเกิดตระกูลกู้มีปัญหา ก็จะมีผลกับเธอด้วย
แต่เมื่อเขาได้ยินคำสุดท้ายของกู้หงเซิน ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือกตามองบน
อะไรคือเล็งเธอ แท้จริงแล้วคือเล็งไปที่ตำแหน่งคุณนายของตระกูลเฟิงต่างหาก
กู้หงเซินไม่รู้ความคิดในใจเธอ เห็นเธอไม่พูดอะไรจึงพูดต่อว่า: “ช่วงนี้แกอยู่บ้านเฟิงก็คอยระวังการเคลื่อนไหวของพวกบ้านลู่ด้วย อย่าให้พวกมันทำอะไรได้”
กู้ฉางชิงตอบ: “ฉันรู้แล้ว”
จากนั้นกู้หงเซินก็พูดเตือนสติอีกสองสามคำ จึงวางสายไป
กู้ฉางชิงวางโทรศัพท์ลงด้วยความเหนื่อยใจ รู้สึกว่าวันๆเหนื่อยกว่านางสนมอีก
ในขณะที่เธอกำลังพรึมพรำ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เธอมองที่โทรศัพท์ เป็นสายโทรเข้าจากมู่จิน
“คุณมู่ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ป่าว แค่จะโทรมาบอกว่า ดีไซเนอร์ที่จัดโดยบริษัทของเราจะมาถึงโตเกียวในวันพรุ่งนี้”
กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้านิ่งและตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับที่สนามบินและจัดการเอง”
มู่จินตอบกลับคำนึง และพูดเรื่องทำงานร่วมกันไม่กี่คำก็วางสายไป
หลังจากวางสายไป กู้ฉางชิงก็ทำเวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เดินไปที่โต๊ะทำงานและเริ่มจัดเตรียมเอกสาร
เพราะว่ามันต้องใช้ในวันพรุ่งนี้
……
เข้าวันรุ่งขึ้น กู้ฉางชิงไปถึงบริษัทแต่เช้า
“คุณครูกู้”
ชีเสี่ยวจิ่วเห็นเธอจึงทักทาย: “เออ……ฉันต้องเรียกผู้อำนวยการสิ”
กู้ฉางชิงสบัดมือ: “ไม่เป็นไร เธอก็เรียนรู้จากฉันแต่แรกแล้ว จะเรียกยังไงก็ได้”
ในขณะที่เธอพูด กำลังจะเดินเข้าห้องทำงาน
ก้าวเดินได้สองก้าว เธอก็นึกถึงเรื่องนึง อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงัก
“เอ้ออเสี่ยวจิ่ว เดี๋ยวเธอไปสนามบินไปรับดีไซเนอร์ของRcหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ คุณครูกู้”
ชีเสี่ยวจิ่วยิ้มและตอบรับ
กู้ฉางชิงพนักหน้า และเดินเข้าห้องทำงาน
เดี๋ยวเธอมีประชุม เรื่องของการออกแบบเสื้อผ้าใหม่ในฤดูใบไม้ร่วงของปีหน้าและเตรียมการความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นกับRC
โดนเฉพาะงานร่วมมือ คนของอีกฝ่ายมาถึงแล้ว เธอต้องรีบจัดการแบ่งงานแต่ละฝ่ายให้เสร็จ
หลังจากที่เธอประชุมเสร็จ กลับไแที่แผนกออกแบบก็พบว่าบรรยากาศในห้องนิ่งเงียบมาก
แต่ชีเสี่ยวจิ่วยืนอยู่หน้าห้องทำงาน มีหน้าตาเต็มไปทั้งหน้า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
กู้ฉางชิงเดินเข้าไปถาม
ชีเสี่ยวจิ่วเห็นเธอจึงรีบเช็ดน้ำตาและตอบว่า: “คุณครูกู้ คนที่คุณให้ฉันไปรับ รับกลับมาแล้วแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พอใจฉัน”
กู้ฉางชิงขมวดคิ้วและถาม: “ทำไมกันล่ะ?”
ชีเสี่ยวจิ่วได้ยินเช่นนี้ ก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ดีไซเนอร์ที่มาใหม่บอกว่าคุณไม่ไปรับเขาที่สนามบินด้วยตนเองเหมือนกับไม่ให้เกีรยติเธอ พูดจาไม่ดีออกมามากมาย ฉันอธิบายทั้งหมดแต่พวกเขาไม่ฟัง เธอบอกเรื่องร่วมมือกันก็เพราะพวกเราไปอ้อนวอนให้พวกเขามาร่วมมือ”
ชีเสี่ยวจิ่วพูดถึงสุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะโมโหออกมา: “คนพวกนี้ไม่มีคุณภาพเลย ไม่รู้ว่ามาเป็นดีไซเนอร์ได้ยังไง”
กู้ฉางชิงเห็นเช่นนี้ ปลอบเธอเบาๆว่า: “พอแล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ได้คำนึงดีๆ ทำให้เธอต้องมาน้อยใจเลย”
ชีเสี่ยวจิ่วส่ายหัว: “ไม่เกี่ยวกับคุณครูกู้เลย พวกเขานั่นแหละไม่มีเหตุผล”
กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ ไม่รู้จะพูดยังไง จึงถามว่า: “แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
ชีเสี่ยวจิ่วชี้ไปที่ห้องทำงานและตอบ: “อยู่ข้างใน”