สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 182 ฉันยังรังเกียจว่ามือจะสกปรกอีก

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางฉิงฟังคำพูดนี้ แววตาก็เป็นประกายออกมาในชั่วพริบตาเดียว

แต่พวกอันธพาลคนอื่นๆโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่หยุด

นี่คือเรื่องดีๆของพวกเราที่มีบางคนจะทำลาย

“ไอ้หนุ่ม ฉันจะแนะนำคุณให้นะว่าทางที่ดีอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นให้มากนัก ระวังเถอะยุ่งมากเกินไปเดี๋ยวจะเดือดร้อน”

พอคำกล่าวเตือนจบลง พอดีประตูลิฟต์ก็ถอยกลับไปอีกครั้ง ปรากฎให้เห็นโฉมหน้าจริงๆของคนด้านนอก

พอพวกเขาเห็นได้ชัดเจนถึงคนที่ยืนอยู่ด้านนอกแล้ว ในสายตากู้ฉางฉิงก็เป็นประกายมากยิ่งขึ้น

“คุณฮั้ว”

เธอเรียกด้วยความดีใจ

ฮั้วเฉินกวาดสายตามามองเธอ กล่าวด้วยดวงตาที่เคร่งขรึมว่า: “คุณกู้ ไม่คิดเลยว่าครั้งที่สองที่พวกเราได้พบกันจะเป็นสถานการณ์แบบนี้”

กู้ฉางฉิงได้ยิน อึดอัดใจเล็กน้อย

พวกอันธพาลสองสามคนได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ก็เดาได้ว่าคนทั้งสองรู้จักกัน มองหน้ากันไปมา ยังคงไม่คิดลดละความโสโครกของปาก

ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็มีเพียงคนเดียว พวกเขามีตั้งหลายคน

“เห๊อะ ที่แท้ก็รู้จักกัน มิน่าล่ะถึงได้ยุ่งเรื่องของชาวบ้านมากนัก เพียงแต่ไอ้หนุ่ม อยากจะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวสวยมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ระวังจะกลายเป็นหมา”

ฮั้วเฉินเลิกคิ้ว: “ใครบอกว่าฉันอยากเป็นวีรบุรุษล่ะ?”

อันธพาลได้ยินคำพูดนี้ ก็ชะงักไป รวมทั้งกู้ฉางฉิงก็มองไปยังเขาอย่างไม่เข้าใจ

ก็ฟังเขากล่าวต่อไปว่า: “ฉันก็คิดจะลงมือกับพวกคุณหรอก เพียงแต่……ถึงแม้ว่าฉันไม่ลงมือ พวกคุณก็พาคนไปไม่ได้ จะมีคนมาจัดการพวกคุณเอง”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ ใจที่เป็นกังวบก็ปล่อยวางลงได้อีกครั้ง

เธอกวาดสายตามองอันธพาลสองสามคนข้างๆ แล้วก็มองฮั้วเฉินอีกครั้ง รู้สึกว่าทางด้านของเขานั้นปลอดภัยกว่า จึงดึงซูตี้ที่เดิมทีเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นออกจากลิฟต์ หลบด้านหลังฮั้วเฉิน

อันธพาลสองสามคนเห็นเช่นนี้ ก็โมโหไม่หยุด รู้สึกเพียงว่าฮั้วเฉินทำลายเรื่องดีๆของพวกเขาอย่างไม่เกรงกลัว

“ไอ้หนุ่ม ฉันจะนับถึงสาม ถ้าคุณเชื่อฟังนำผู้หญิงด้านหลังคุณคืนกลับมา เรื่องนี้พวกเราสองสามคนก็ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นคืนนี้ฉันจะทำให้คุณได้เข้าใจถึงผลที่ตามมาจากการทำให้พวกเราสองสามคนไม่พอใจ”

ฮั้วเฉินยิ้มเบาๆ ชัดเจนว่าไม่ใส่ใจฟังคำพูดของเขา

นั่นอันธพาลจึงบุกเข้าไปด้วยความโกรธ กำหมัดขึ้นแล้วชกไปยังฮั้วเฉิน

กู้ฉางฉิงที่มองอยู่ด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะร้องเรียกอย่างตื่นตกใจ

“คุณฮั้ว ระวัง”

ฮั้วเฉินหรี่ตา สายตามองกำปั้นที่จะตกลงมา เขาขยับไปจับกำปั้นนั้นอย่างรวดเร็วและช่ำชอง ใช้กำลังนิ้วมือทั้งห้า ทำให้กำปั้นนั้นไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกแม้ครึ่งเดียว

อันธพาลที่บุกเข้ามาเห็นเช่นนี้ สายตาก็ประหลาดใจทันที

ถึงอย่างไรพวกเขาก็ปิดบังอำพรางตนเองมาทั้งปี จะพูดได้ว่าฝีมือการต่อสู้โดบขอบธรรมนั้นไม่มี เพียงแต่พละกำลังที่ชกต่อยกันเหล่านี้ยังคงมีประสบการณ์ออกมาอย่างช่ำชอง และฝีมือก็ยังดีมาก

นอกจากคนที่ฝึกฝนแล้ว คนทั่วๆไปพวกเขาก็ไม่กลัว

แต่ขณะนี้ หมัดของเขานี้ถูกผู้ชายตรงหน้าคนนี้สกัดได้อย่างง่ายดาย และด้วยกำลังที่มากทำให้เขาไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะดึงกลับ

แทบจะชั่วพริบตาเดียว เขาก็รู้ได้ชัดเจนว่าครั้งนี้คงจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้ว

“น้องชายท่านนี้ แหะๆ เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว”

เขายิ้มท่าทีอ่อนลง กล่าวพยายามทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก: “ในเมื่อสาวสวยทั้งสองท่านเป็นเพื่อนของคุณ งั้นพวกเราสองสามคนก็ไม่ทำให้ลำบากใจแล้ว”

เขาพูดพลาง คิดจะดึฃมือกลับมาอีกครั้ง แต่ฮั้วเฉินยังคงไม่ปล่อยมือ

กระทั้งอันธพาลคนอื่นๆได้ฟังคำพูดนี้ ก็เข้าใจความหมายของเขา ที่คือตอที่แข็งแกร่งตอนึง

“เฮ้ย พี่ใหญ่พวกเราบอกว่าไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยแล้ว อีกทั้งเมื่อกี้คุณก็บอกว่าไม่ลงมือไม่ใช่หรอ? ยังไม่รีบปล่อยพี่ใหญ่ของพวกเราอีก!”

ฮั้วเฉินกวาดสายตามองเขา สายตาเหยียดหยามเล็กน้อย

เขาปล่อยมือยิ้มเบาๆ ผลักอันธพาลที่บุกเข้ามาคนนั้นเข้าไปในลิฟต์กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า: “ฉันบอกว่าไม่ลงมือ แต่ก็ไม่ได้บ่งบอกว่า เรื่องนี้ฉันจะไม่ใส่ใจ”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่อันธพาลที่บุกเข้ามาคนนั้น ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า: “นี้ไม่คงไม่ใช่ว่าคุณจะพูดว่าช่างมันได้ ไม่เช่นนั้นปล่อยพวกคุณไป ฉันจะพูดอธิบายกับคนอื่นได้ลำบาก”

ขณะที่พูด ร.ป.ภ.ที่เขาได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ก็รีบเข้ามา

“คุณฮั้ว”

พวกเขาเรียกฮั้วเฉินอย่างเคารพนบนอบ

ฮั้วเฉินพยักหน้า ชี้ไปยังพวกอันพาลในลิฟต์ กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: “ดูพวกเขาให้ดี อย่าให้ใครหนีไปได้”

ร.ป.ภ.พยักหน้า รีบจัดการคนสองสามคนที่เข้ามาขวางลิฟต์ทันที

ในลิฟต์ อันธพาลสองสามคนเห็นเช่นนี้ก็ทั้งกลัดกลุ้มทั้งกลัว แต่ไม่กล้าเอะอะ

กู้ฉางฉิงเห็นพฤติกรรมของพวกเขา ก็เอ่ยปากอย่างโล่งอกทันที

“คุณฮั้ว ขอบคุณคุณ”

ฮั้วเฉินได้ยิน ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า: “คุณกู้จริงจังเกินไปแล้ว ทำก็แค่ทำดีกับคนที่ดีด้วย”

ขณะพูดพลาง เขาก็เงาบุคคลที่รีบเดินเข้ามาทางระเบียงทางเดิน โบ้ยปากกล่าว: “นู่นมาแล้ว”

กู้ฉางฉิงงุนงง เอียงหน้าไปมอง ก็เห็นเฟิงจิงเหยาเดินเอ้อระเหยลอยชายมา ในสายตาก็ดีใจขึ้นมาทันที

“จิงเหยา!”

เธอร้องเรียกอย่างตื่นเต้น แต่ทว่าตรงกันข้ามกับความเซอร์ไพรส์ของเธอ เฟิงจิงเหยากลับเต็มไปด้วยหน้าตาที่ดุร้าย

พอเขาเดินเข้ามาใกล้ ฮั้วเฉินก็กล่าวหยอกเย้าว่า: “รับปาก ทิ้งคนไว้ให้คุณ เรื่องวีรบุรุษช่วยสาวสวยนี้ ฉันก็จะไม่ขโมยซีน”

เฟิงจิงเหยาได้ยิน แม้กระทั่งมองอันธพาลกลุ่มนั้นก็ไม่มอง กล่าวอย่างเย็นชาว่า: “จะทิ้งไว้ให้ฉันทำอะไร ให้คนส่งไปสถานีตำรวจเลย ให้ลงมือกับพวกเขา ฉันยังรังเกียจว่ามือจะสกปรกอีก”

ฮั้วเฉินยักไหล่ ไม่นานก็บอกให้ ร.ป.ภ.พาคนไป

เฟิงจิงเหยาไม่สนใจอันธพาลเหล่านั้น เขาเอียงมองกู้ฉางฉิง ก็กล่าวตำหนิใส่หน้าทันที

“ก่อนคุณจะออกจากบ้านทำไมไม่บอกฉันสักคำ แล้วยังมาที่สถานที่โกโรโกโสแบบนี้อีก? ทำไม โรคเลอะเลือนกำเริบหรือไง?”

กู้ฉางฉิงทันทีที่ถูกเขาตำหนิ ก็ทึมทื่อไปเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกน้อยใจ แต่ก็ข้ามไปสู่ความประทับใจ

เธอมองออก นี่คือเฟิงจิงเหยาเป็นห่วงเธอ

จุดนี้ดูได้จากรองเท้าในบ้านบนเท้าของเขาที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนก็ออกมาแล้ว

ชัดเจนว่าโทรศัพท์ที่โทรในเวลานั้นเขาก็รับแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบจนลืมเปลี่ยนรองเท้า

“ขอโทษด้วย ที่ทำให้คุณเป็นห่วง เพียงแต่เวลานั้นรีบ ก็เลยลืม”

เธอพูดพลางก็เล่าเรื่องที่ซูตี้เมาเหล้าที่บาร์เหล้าออกมารอบนึง: “ไม่ว่ายังไง วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอมาเมืองหลวง อีกทั้งเป็นคนสำคัญที่จะร่วมมือในครั้งนี้ ฉันจะให้เธอเกิดเรื่องไม่ดีที่นี่ไม่ได้”

เฟิงจิงเหยาฟังเธอพูดจบด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ไม่นานก็จ้องมองอย่างเย็นชาไปที่ซูตี้ที่เมาเลอะเลือนอยู่ข้างๆ

“คุณเข้ามา”

เขาชี้ ร.ป.ภ.ที่อยู่ด้านข้างคนนึง หยิบเงินออกมาสองสามพันแล้วสั่งว่า: “ผู้หญิงคนนี้ให้คุณ คุณหาโรงแรมให้เธอตามสะดวก ที่เหลือเป็นทิป”

ร.ป.ภ.รับมาด้วยความดีใจ รีบแสดงให้รู้ว่าจะจัดหาที่พักให้อย่างดี

กู้ฉางฉิงเห็นแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดี

แต่เฟิงจิงเหยาไม่ให้โอกาสเธอได้เอ่ยปาก หันไปกล่าวกับฮั้วเฉินว่า: “คืนนี้รบกวนคุณแล้ว วันหลังจะเชิญคุณมาดื่มเหล้า”

ฮั้วเฉินตอบรับอย่างหยอกเย้าว่า: “ชิ ให้คุณเลี้ยงเหล้า ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไร อีกทั้ง ร่างกายของคุณนี้ จะดื่มกับฉันได้หรอ?”

เฟิงจิงเหยายิ้ม: “ฉันดื่มไม่ได้ ก็ยังมีชวี่ยี่อีกคนไม่ใช่หรอ”

พูดพลาง เขาก็มองเวลาแล้วกล่าวอำลา: “ดึกแล้ว ฉันต้องพาเธอกลับไปก่อน วันหลังค่อยรวมตัวกัน”

ฮั้วเฉินพยักหน้า โบกมืออำลากับพวกเขา

หลังจากนั้นเฟิงจิงเหยาก็พากู้ฉางฉิงออกมา

หลังจากรอให้พวกเขาออกไป ฮั้วเฉินก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

เขาลูบคาง มองภาพเบื้องหลังกู้ฉางฉิงที่ออกไปอย่างละเอียด ความคิดทั้งหมดก็ขึ้นมา

เหตุการณ์เมื่อกี้นี้ ทำให้เขารู้สึกว่าภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของเฟิงจิงเหยานี้มีปฏิกริยาตอบสนองกับบาร์เหล้าแปลกมาก

ไม่ใช่บอกว่าเมื่อก่อนเธอแฝงตัวอยู่สถานที่เหล่านี้หรอ แต่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยมาเลยตั้งแต่ไหนแต่ไร…….

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท