กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าเธอทำให้ฮั้วเฉินเกิดความสงสัยอีกครั้ง
เวลานี้เธอกับเฟิงจิงเหยานั่งอยู่บนรถ บรรยากาศนิ่งเงียบ
เฟิงจิงเหยาหน้าบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่ายังไม่หายโกรธ
กู้ฉางฉิงแอบดูอยู่หลายครั้ง จำใจต้องยอมรับผิดอีกครั้ง : “เอาล่ะ ฉันสำนึกผิดแล้ว คุณก็อย่าโกรธได้ไหม? ฉันรับรอง ต่อไปจะไม่ออกไปไหนคนเดียวดึกดื่นแบบนี้อีก”
เธอพูดจบ ยังกอดแขนเฟิงจิงเหยาเพื่อออดอ้อน : “อย่าโกรธเลยนะ หื๊ม?”
เฟิงจิงเหยานิ่งไปพร้อมกับกิริยาท่าทางของเธอ
ถึงอย่งไรไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิบัติกับเขาเช่นนี้
เสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนทำให้ในใจเขารู้สึกแปลกๆ นำพาความโกรธให้หายไปไม่น้อย ได้ผลอย่างน่าประหลาด
เขาทำเสียงหงุดหงิด เพียงแต่สีหน้าก็อ่อนโยนลงมา
กู้ฉางฉิงเห็น ก็โล่งอก
เมื่อกำลังเตรียมจะพูดอะไร ก็ถูกเฟิงจิงเหยาแย่งพูดซะก่อน
เขาพูดอย่างไม่แยแสว่า : “เกิดอะไรขึ้นกับนักออกแบบของRC? ทำไมทำถึงเรื่องแบบนี้?”
“เอ่อ……น่าจะเป็นเพราะอารมณ์ไม่ดี”
เธอนึกถึงคำพูดของมู่จิ่นที่บอกเธอในตอนกลางวัน ก็ถอนหายใจ
เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ต้องทนรับมันต่อไป
เธอคิดอยู่ในใจ แต่ไม่ได้คิดจะบอกเฟิงจิงเหยา ถึงอย่างไรเธอก็เคยบอกแล้ว ว่าเธอจัดการได้
แต่เฟิงจิงเหยาไม่เข้าใจ เพีงแต่ยังคงไม่สบายใจอย่างมาก
จากนั้นทั้งสองก็มาถึงตระกูลเฟิง เนื่องจากดึกมากแล้ว ทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าบ้วนปาก แล้วก็เข้านอนเลย
……
วันต่อมา ทั้งสองตื่นขึ้นมาพร้อมกัน
ตอนนี้กู้ฉางฉิงเป็นรักษาการผู้จัดการแผนก จะไม่ไปบริษัทเกือบทุกวันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
หลังจากที่ทั้งสองคนล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ ก็ลงไปทานอาหารเช้าข้างล่าง
ช่วงเวลาทานอาหาร เงจิงเหยาดื่มกาแฟเสร็จก็พูดว่า : “อีกสักครู่ฉันจะไปส่งคุณที่บริษัท”
กู้ฉางฉิงตกตะลึงเล็กน้อย มองไปทางเขาอย่างสงสัย
“วันนี้บริษัทต้องการประชุมใหญ่ใช่ไหม?”
เพราะว่าเมื่อมีประชุมใหญ่ เฟิงจิงเหยาจึงต้องกลับไปที่สำนักงานใหญ่
“ก็ประมาณนั้น ที่นี่ก่อตั้งแบรนด์ใหม่ ฉันจำเป็นต้องดูการเตรียมการของพวกคุณ แล้วก็ต้องจัดการเปลี่ยนบางส่วน”
กู้ฉางฉิงพยักหน้า ในใจก็รู้สึกว่าก็ดีที่เขาจะออกหน้าสักเล็กน้อย เช่นนี้ก็สามารถบอกกับฝ่ายความร่วมมือได้ว่าพวกเขานั้นให้ความสำคัญต่อแบรนด์ใหม่
หลังจากที่ทั้งสองคนทานอาหารเสร็จ ก็ไปที่บริษัทด้วยกัน
เพราะว่ามีเฟิงจิงเหยาอยู่ด้วย กู้ฉางฉิงไม่อยากให้คนค้นพบสถานะของเธอ ยังคงลงที่ทางแยกเหมือนเดิม
เธอเดินเท้าเข้าไปที่บริษัท หลังจากตอกบัตรเสร็จแล้วก็เดินไปที่แผนกออกแบบ
เมื่อเธอเดินเข้าไปทุกคนในแผนกออกแบบก็อยู่ที่นั่น อีกทั้งบรรยากาศก็ดูแปลกๆอย่างมาก
และเมื่อเธอปรากฏตัว ทุกคนต่างมองมาที่เธอ ด้วยสีหน้าผิดปกติ
“นี่เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
เธอขมวดคิ้วถาม ทุกๆคนหันมองไปทางซูตี้
กู้ฉางฉิงชำเลืองมอง ก็คาดเดาว่าเรื่องราวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้
“คุณซู ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรไม่พอใจหรอ?”
เธออดทนต่อความหงุดหงิดในใจ แล้วเอ่ยถาม
ซูตี้ได้ยิน ก็กอดอกไม่พอใจ : “มีหลายส่วนมากที่ไม่พอใจ”
กู้ฉางฉิงกัดฟัน เรื่องมากไม่ดีเท่ากับเรื่องน้อย สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า : “งั้นรบกวนคุณซูบอกแต่ละเรื่องๆให้ฉันฟังที ฉันจะดูรูปการปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อคุณ”
ซูตี้เห็นเช่นนี้ ก็เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส
“อื่นๆฉันจะไม่พูดแล้ว คุณจำเป็นต้องจัดหาห้องทำงานให้ฉันใหม่อย่างทันที”
เธอพูดจบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ : “บริษัทพวกคุณยากจนหรือไม่สามารถซื้อที่ได้ ส่วนที่แบ่งให้ฉันนั่นเรียกว่าห้องทำงานหรอ? ห้องทำงานฉันแม้แต่หนึ่งในสามก็ไม่ถึง”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ของเธอ สีหน้าบึ้งตึงทันที
ซูตี้ทว่าดูเหมือนมองไม่เห็น ออกคำสั่งต่อกู้ฉางฉิงด้วยท่าทางมั่นใจ : “ฉันเห็นสถานภาพนี้ของพวกคุณ ห้องทำงานที่ดีที่สุด ก็คืห้องของคุณ คุณจัดเก็บสักเล็กน้อย ฉันต้องการห้องทำงานนั้น”
เธอพูดคำคำนี้ออกมา สีหน้าของทุกๆคนต่างประหลาดใจ
มีความไม่พอใจ แล้วก็มีความยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น
ในจำนวนนั้นก็คือชวี่ชิงหยุนที่ยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น
เธอยืนอยู่ข้างๆอย่างสงบ ดูการแสดงออก
กู้ฉางฉงสายตาเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณซูควรพูดให้สุภาพหน่อยน่าจะดีกว่า บริษัทเพิ่งจะก่อตั้ง มีหลายส่วนยังจัดการไม่ดี หากว่าคุณไม่ชอบห้องทำงานก่อนหน้านี้ ฉันให้คนจัดเก็บที่ที่กว้างขวางให้ใหม่ก็ได้ สำหรับห้องทำงานฉันเพียงคนเดียวที่ทำไม่ได้”
“ฉันพูดไม่สุภาพยังไง?”
ซูตี้หาข้อโต้แย้งทันที : “แล้วก็ นี่คือท่าทีที่คุณพูดกับฉันหรอ? อย่าลืมนะ ว่าฉันเป็นตัวแทนความร่วมมือ!”
กู้ฉางชิงได้ฟังคำพูดนี้ ความไม่พอใจในใจก็พุ่งขึ้นทันที
เธอหัวเราะพูดว่า : “เดิมทีคุณซูยังต้องรู้ว่าตนเองมาเพื่อทำงาน ไม่ใช่เพื่อเพลิดเพลิน”
ซูตี้นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
กำลังคิดที่จะฉุนฉียวกลับไป แต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ก็ถูกตัดบทไปแล้ว
“หากคุณซูมีความไม่พอใจอะไรต่อที่นี่จริงๆ งั้นฉันจะไม่ถือสาที่จะช่วยคุณซูติดต่อกับสำนักงานใหญ่ ให้พวกเขาส่งนักออกแบบคนอื่นๆมา คุณซูจะได้ไม่ต้องอยู่ทนรับความไม่เป็นธรรมนี้”
สองสามคำสุดท้าย กู้ฉางฉิงเค้นออกมาหนักแน่นเป็นพิเศษ
ก็เพราะคำพูดนี้ ซูตี้มีสีหน้าเคร่งขรึม ทว่าพูดโต้แย้งไม่ออก
เพราะว่าเธอเข้าใจ เรื่องนี้หากวุ่นวายไปถึงสำนักงานใหญ่ ก็จะเป็นปัญหาของเธอ
เธอกัดฟันจ้องมองกู้ฉางฉิง ไม่พูดจา
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนั้น รู้ว่านี่คือเธออ่อนข้อให้แล้ว ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็เตรียมตัวสักเล็กน้อย ไปประชุมกับฉัน”
พูดจบ เธอก็ไม่ได้ใส่ใจซูตี้อีก เดินตรงไปที่ห้องประชุม
ซูตี้มองเธอเดินจากไป หน้าก็ดำอย่างกับสีหมึก แม้แต่สีหน้าของผู้ช่วยที่เธอพามาด้วยก็ยังไม่ดีขึ้น
ทั้งสองเดินตามกู้ฉางฉิงไปอย่างไม่เต็มใจ มาที่ห้องประชุมชั้นบนสุด
เพราะวันนี้เป็นประชุมใหญ่ ดังนั้นคนที่มาทั้งหมดจึงเป็นผู้บริหารบริษัท
เฟิงจิงเหยานั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังดูมีพลังจนน่าทึ่ง น่ากลัวจนผู้บริหารทุกคนไม่กล้ากระดิก ทุกคนนั่งตัวตรงสง่างาม
กู้ฉางฉิงกำลังต้องการพาซูตี้เข้าไปนั่ง แต่ปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้ยืนนิ่งไม่ขยับ สายตาจับจ้องไปที่เฟิงจิงเหยา ในแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและรักใคร่ชื่นชม ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย แทบจะทุกคนที่พบเห็นความผิดปกติของเธอ
กู้ฉางฉิงเห็นเข้า ก็ขมวดคิ้วแน่น
ผู้หญิงคนนี้ชอบมู่จิ่นไม่ใช่หรอ? ทำไมต้องจ้องมองไปที่เฟิงจิงเหยาเหมือนไม่เคยเห็นผู้ชาย?
เธอไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สายตาเห็นถึงความหวุดหงิดบนใบหน้าเฟิงจิงเหยาที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น รีบดึงเจ้าตัวไปที่ที่นั่งให้นั่งลง
“คุณซู รบกวนคุณสำรวมหน่อย”
เธอเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เดิมทีซูตี้ไม่ได้ฟัง กลับกันยังถามเธอเกี่ยวกับเฟิงจิงเหยา
“คนนี้เป็นใครหรอ?”
เธอเอ่ยถาม ดวงตาเป็นประกาย
กู้ฉางฉิงมองเห็น ก็ไม่สบายใจอย่างมาก ขี้เกียจที่จะให้ความสนใจเธอ จึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ซูตี้เห็นเช่นนี้ก็เบ้ปากดูถูก เดี๋ยวเดียวก็มองไปทางเฟิงจิงเหยาอย่างบ้าผู้ชาย
เฟิงจิงเหยาสังเกตเห็นสายตาของเธอ สายตาก็ประกายไปด้วยความระอา
“คนมาครบแล้วใช่ไหม? ตอนนี้เริ่มประชุมได้”
การประชุมนี้มุ่งเน้นไปที่เรื่องของความร่วมมือต่อแบรนด์ใหม่เป็นหลัก ฉะนั้นต่อให้เฟิงจิงเหยาไม่อยากเห็นซูตี้ก็หลีกเลี่ยงความจำเป็นที่จะต้องคุยถึงเรื่องความร่วมมือกับเธอไม่ได้
และขณะเผชิญหน้ากับคำถามของเขา คำตอบของซูตี้เรียกว่าได้ว่าเป็นบวก จนกระทั่งจบการประชุมเธอก็ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ไปไหน