เดิมทีเฟิงจิงเหยาที่อยู่บ้านเห็นว่าดึกขนาดนี้แล้วกู้ฉางฉิงยังไม่กลับไป ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเล็กน้อย
“คุณอยู่ไหน?”
กู้ฉางฉิงฟังออกถึงความกังวลในคำพูดของเขา ในใจก็อบอุ่น ตอบกลัวว่า: “เพิ่งออกมาจากซูตี้ กำลังเตรียมจะกลับไป”
เฟิงจิงเหยาได้ยืนก็หมวดคิ้ว: “ดึกขนาดนี้แล้วเข้าไปทำอะไร?”
กู้ฉางฉิงนำเรื่องเมื่อกลางวันเล่าให้ฟังคร่าวๆ: แต่ไม่ได้เกิดปัญหาใหญ่อะไร คุณไม่ต้องเป็นกังวล”
เฟิงจิงเหยาเห็นเธอสามารถจัดการได้ ก็ไม่ได้ถามอะมากมาย
เขามองเวลา ดึกมากแล้ว ให้กู้ฉางฉิงกลับมาคนเดียว เขาจึงเอ่ยปากอย่างไม่สบายใจว่า: “คุณยืนรออยู่ที่โรงแรมนั่นแหละ ฉันจะไปรับ”
กู้ฉางฉิงกำลังจะพูดว่าไม่ต้อง แต่พอพูดจบทางด้านนั้นก็วางสายไป
เธอมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสาย กระแสไออุ่นก็กรอกเข้าในใจอย่างไม่ขาดสาย มุมปากก็แขวนไปด้วยยิ้มหวานโดยที่ตัวเธอเองไม่ได้สังเกต
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เฟิงจิงเหยาก็ขับรถมาจอตรงหน้ากู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงนั่งข้างคนขับอย่างเป็นปกติ: “ไปกันเถอะ”
เธอรัดเข็มขัดไปพลางพูดไปพลาง ใครจะรู้ว่าเวลานี้เสียงท้องร้อง”จ๊อกๆ”ขึ้นมา ทำให้เธอหยุดการกระทำไปชั่วพริบตา แก้มก็ยิ่งแดงอย่าเขินอาย
เฟิงจืงเหยาไม่ได้วิพากย์วิจารณ์ มองเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย: “คุณไม่ได้ทานข้าวเย็นหรอ”
ในคำพูดไม่พอใจ
“เอ่อ…..ยุ่งเกินไปเลยลืมน่ะ พอนึกขึ้นได้ก็ไม่หิวอีก…..”
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าทำไมเหมินกัน เห็นใบหน้าที่มาแสดงอารมณ์ของเขาแล้ว ก็ใจฝ่ออย่างมาก พอพูดถึงเบื้องหลังแล้วก็พูดไม่ออกเล็กน้อย
เฟิงจิงเหยามองเธออย่างลึกซึ้ง สตาร์ทรถแล้วออกจากโรงแรม
กู้ฉางฉิงเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของเขา ก็คิดว่าเขากำลังโกรธ กำลังคิดจะยอมรับผิด แต่ทว่ารถก็จอดลงอีกครั้ง
“ลงรถ!”
เฟิงจิงเหยาทิ้งท้ายประโยคนึง ก็มั่งตรงลงจากรถ
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ทำได้เพียงตามไป
แต่ก็พบว่าไม่รู้เมื่อไรที่เฟิงจิงเหยาขับรถมาที่ร้านอาหารร้านนึง
เธอมองภาพด้านหลังที่ไปไกลนั้น กระแสไออุ่นก็หลั่งไหลเข้าในใจอีกครั้ง
เธอก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วก็ดึงแขนของเฟิงจิงเหยา
“เอาล่ะ อย่าโกรธเลยนะ ฉันสัญญาว่าครั้งหน้าจะทานข้าวอย่างเชื่อฟัง ครั้งนี้เป็นความผิดของฉัน”
เธอง้อเฟิงจิงเหยาด้วยใบหน้าสำนึกผิด
เฟิงจิงเหยาเอียงสายตาไปมองเธอ ถึงแม้ว่าจะไม่พูด แต่ใบหน้าที่เย็นชาก็อ่อนโยนลงมา
กู้ฉางฉิงก็รู้สึกได้ด้วยตัวเอง รู้ว่าคนๆนี้ทะนงตัว ง้อไปอีกสองสามคำ จึงทำให้เฟิงจิงเหยาสนใจเธอ
หลังจากนั้นคนทั้งสองก็รับประทานอาหาร บรรยากาศเข้ากันได้ดีอย่างมาก
ที่พิเศษคือกู้ฉางฉิงคุยถึงเรื่องแผนการทำงาน ท่าทางมีชีวิตชีวา ก็ไม่รู้ว่าทำไมทำให้เฟิงจิงเหยาละสายตาไปไม่ได้
เขาอมยิ้มมองกู้ฉางฉิง ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทะนุถนอม
แต่พอกู้ฉางฉิง มองสายตาที่จับจ้องของเขา ยิ่งนานยิ่งหวั่นไหว แก้มที่ขาวหมดจดก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นแดง และต่อเนื่องลงมา ก็แดงไปถึงใบหู
“คุณมามองฉันทำไม? ไม่ทานข้าวแล้วหรือไง?”
กู้ฉางฉิงกล่าวอย่างเขินอาย
แต่ไม่รู้ว่าสีหน้าเช่นนี้ของเธอยิ่งทำให้คนใจเต้น
“เห็นคุณสวยจนอยากจะกลืนกิน”
เฟิงจิงเหยาอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ ทำให้ใจกู้ฉางฉิงเต้นแรงในชั่วพริบตา
เดิมทีแก้มที่แดงระเรื่อก็ยิ่งแดงขึ้นมาไปหมด
เธอจ้องมองเฟิงจิงเหยาอย่างตำหนิ กัดฟันกล่าวว่า: “พูดจาเหลวไหล ทานข้าว!”
พูดจบ เธอก็ก้มหน้างุดอยู่แต่ในจานข้าว คล้ายกับว่าจงใจที่จะหลบเลี่ยง
เฟิงจิงเหยามองท่าทีเธอที่เขินอาย ในแววตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็รับประทานอาหารไม่หยอกล้ออีก
หลังทานอาหาร คนทั้งสองก็กลับไปถึงตระกูลเฟิง
ในระหว่างนั้นกู้ฉางฉิงไม่ได้ระมัดระวัง ก็ไปเหยียบเข้ากับก้อนหินบนทางเดิน ปรากฎว่าจะล้มลงบนพื้น พอดีเฟิงจิงเหยาตาไวมือเร็วไปประคองเอาไว้
กู้ฉางฉิงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ได้กลิ่นของที่เป็นเอกลักษณ์บนร่างกายของเขา ในใจก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วถามเธอ
“ไม่เป็นไร…..ฟู่——”
กู้ฉางฉิงดึงสติกลับมา ต้องการที่จะยืนขึ้นด้วยท่าทีที่สับสน ใครจะรู้ว่าข้อเท้าก็เจ็บแปล๊บขึ้นมา ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้า
“เอ่อ….ฉันคงจะเท้าพลิกเข้าแล้วล่ะ”
เฟิงจิงเหยากวาดสายตามองไปที่เท้าเปล่าที่ขาวหมดจดของเธอแล้วขมวดคิ้ว เดี๋ยวเดียวก็โค้งตัวไปอุ้มคนขึ้นมา
“ฮึบ!”
กู้ฉางฉิงถูกการกระทำอย่างกะทันหันของเขาทำให้ตกใจ จึงคว้าคอของเขาด้วยจิตสำนึก
เธอมองผู้ชายที่อยู่ใกล้มาก ในใจก็คล้ายกับถูดยัดไปด้วยสายไหม หวานเจี๊ยบ
แต่ไม่รู้ว่าฉากนี้ถูกคุณนายเฟิงที่บ้านใหญ่กำลังมองอยู่พอดี
เธอมองคนทั้งสองยิ่งเดินจากไปไกล ก็ขมวดคิ้วแน่น
ปัจจุบันนี้ลูกชายและกู้ฉางฉิงหญิงชั่วคนนั้นนับวันยิ่งผูกพันธ์กันมากขึ้น ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป และเกรงว่าการหมั้นของตระกูลลู่จะต้องล้มเหลวไปโดยสิ้นเชิง
เธอคิดถึงตรงนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย ทั้งขณะนี้ก็คิดไม่ออกว่าจะทำวิธีไหนดี
ถึงอย่างไรเรื่องวันนั้น ซือหยี่ก็ทำให้จิงเหยาไม่พอใจอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากใช้อำนาจบังคับจับคู่อีกครั้ง กลัวว่าจะทำให้จิงเหยาเกิดความไม่พอใจ
เธอคิดถึงตรงนี้ ก็รู้ชัดว่าไม่มีโอกาสที่จะให้พวกเขาสนิทสนมกันภายในเวลาอันสั้น
แต่การสละสิทธิ์แบบนี้ เธอก็ไม่ยินยอม
โดยเฉพาะเวลานี้ที่เห็นความรักความผูกพันธ์ของคนทั้งสองที่ดีวันดีคืน เธอก็กังวลว่าจิงเหยาจะรักกับกู้ฉางฉิงหญิงชั่วคนนั้นเข้าจริงๆ
เธอคิดพลาง ใบหน้าที่สวยงามและสูงส่งก็เปล่งประกายในสมอง ดวงตาก็ค่อยๆมีความคิด
เธอหยิบมือถือออกมาด้วยใบหน้าอมยิ้มกดต่อสายไปเบอร์หนึ่ง
“เฉาเกอ นอนแล้วหรือยัง?”
มู่เฉาเกอรับสายโทรศัพท์ของคุณนายเฟิงอย่างแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็กล่าวทักทายด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออก: “ยังค่ะ คุณน้ามีเรื่องอะไรหรอ?”
“จริงๆก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก จู่ๆก็นึกถึงคุณ ดังนั้นจึงโทรมาหาคุณ ครั้งที่แล้วที่คุณมาเยี่ยมน้าก็นานมากแล้ว ฉันยังคิดว่าคุณคงไปต่างประเทศแล้ว”
“ฉันผิดเอง ที่ทำให้คุณน้าต้องคิดถึง พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปเยี่ยมคุณน้าเป็นยังไง?”
มู่เฉาเกอตอบกลับอย่างอมยิ้ม
“แค่มาเยี่ยมคงไม่พอ ต้องพักอยู่สักสองสามวัน พูดแล้วต้องเด็กๆคุณมาหาน้าอยู่บ่อยๆ พอโตแล้วก็มาน้อยครั้งมาก ต่อไปต้องมาให้บ่อยๆหน่อยนะ ไม่เช่นนั้นน้าจะคิดว่าคุณทอดทิ้งฉันนะ”
คุณนายเฟิงถือโอกาสเอ่ยถึงแผนการของเธอ
มู่เฉาเกอไม่มีทางปฏิเสธ ทำได้เพียงรับปาก
ก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรในโทรศัพท์ จึงทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณนายเฟิงเด่นชัดอยู่ไม่น้อย เชื่อมโยงให้ความกลัดกลุ้มที่อยู่ในใจผ่อนคลายลงไม่น้อย
……
วันต่อมา พอกู้ฉางฉิงและเฟิงจิงเหยาเลิกงาน ก็ได้ยินพ่อบ้านมาแจ้งให้ทราบ
“คุณชาย คุณนายรอง ทางคุณนายฝากบอกมาว่า ตอนเย็นพวกคุณกลับมาแล้วให้ไปรับประทานอาหารที่บ้านใหญ่ ในบ้านมีแขกมาเยี่ยม”
เฟิงจิงเหยาพยักหน้าแสดงเจตนาว่ารับรู้ พากู้ฉางฉิงไปล้างหน้าล้างตาแล้วจึงเข้าไปยังบ้านใหญ่
พอเข้าห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากด้านใน
เห็นมู่เฉาเกอนั่งหลังตรงอยู่บนโซฟา ไม่รู้ว่าคุยอะไรกับคุณนายเฟิง พูดคุยกันรอยยิ้มบนใบหน้าเธอไม่ขาด
“แม่”
เฟิงจิงเหยาทักทาย ไม่นานก็มองไปยังมู่เฉาเกอ ในสายตาก็แปลกใจเล็กน้อย
“เฉาเกอมา ทำไมไม่บอกให้ฉันรู้ก่อนล่ะ?”
คุณนายเฟิงและมู่เฉาเกอได้ยิน ก็เอียงหน้ามองด้วยจิตสำนึก มองเฟิงจิงเหยาและกู้ฉางฉิงที่ยืนอยู่ที่ห้องรับแขก
“บอกคุณ คุณสามารถไปรับใครได้หรอ?”
คุณนายเฟิงหยอกเย้าอย่างยิ้มเจื่อนๆ เดี๋ยวเดียวก็กวาดสายตาอันเย็นชามองกู้ฉางฉิง กล่าวสั่งการว่า: “ในเมื่อคนมาพร้อมกันแล้ว ก็ทานข้าวกันเถอะ”
พูดจบ เธอจึงเรียกมู่เฉาเกอไปห้องอาหาร
เวลานี้ในห้องอาหาร ก็มีอาหารหลากหลายวางอยู่เรียงราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมนูโปรดของมู่เฉาเกอ