ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ – ตอนที่ 12

ตอนที่ 12

นี่มันแย่มาก ๆ

ฉันไม่ได้ต้องการพูดออกไปอย่างนั้นจริง ๆ นะ แต่ฉันต้องบังคงตัวเองในพูดออกไปเพื่อที่จะให้มันเป็นไปตามแผน

“อียอนจุน ตอนนี้นายยังเป็นแค่เด็กฝึกเองแต่นายก็ได้เป็นฮันเตอร์ที่ยอดเยี่ยมไปเรียบร้อยแล้วot”

มันดูคล้ายกับบทพูดที่มาจากการ์ตูนในช่วงยุค 90….จริง ๆ แล้วบทพูดนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร

หรือฉันกำลังจะเป็นบ้าจากการที่ต้องพูดอะไรเลี่ยน ๆ พวกนี้?

ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าได้เหวี่ยงหัวของตัวเองไปชนกับหินเลย

อย่างไรก็ตามหนึ่งประโยคนี้ก็พอแล้วที่จะเริ่มแผน

เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้พิสูจน์ความสามารถของฉันเองโดยการล้มมอนสเตอร์กลายพันธุ์แรงค์ B ในคราบฮูดดี้แมนและใช่แล้วหลังได้พูดออกไปแบบนั้นโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเลยด้วยซ้ำ กลุ่มผู้ชมก็ได้ตอบสนองกับมันเป็นอย่างดี

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+9)]

มันเป็นไปดังคาด

แม้ว่าฉันไม่ได้เห็นหน้าต่างสนทนาฉันก็แน่ใจได้ว่ามันต้องมีกองทัพของถ้อยคำที่น่ารักเกียจเต็มไปหมดแน่

ฉันสามารถที่จะบอกเลยโดยแค่มองดูไปที่การความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นไปที่เขาในตอนนี้ผ่านข้อความในหัวฉัน

จางฮยอนซอกและฮันเตอร์ผ่านศึกที่โดดเด่นคนอื่น ๆ ก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ตัวเอกแสดงออกมาเช่นกัน

แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้ามีคนที่มีแฮชแท็ก #ถ่ายทอดสดและทักษะที่เรียกร้องความสนใจทั้งสองอย่างด้วยกันทั้งสองอย่างหละ?

เขาก็จะทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีกนะสิ

“ดีมาก! อียอนจุน! นายยอดเยี่ยมมาก!”

“โอ้ว นายเป็นแค่เด็กฝึกจริง ๆ หรอเนี่ย? นายต้องการที่จะมาเข้าร่วมกิลด์เดี่ยวกับฉันไหม?”

“นี่มันเจ๋งไปเลยพวก”

….ความเป็นจุดสนใจของอียอนจุนได้ระเบิดออกมาเมื่อฉันได้พูดบทพูดที่ซ้ำซากจากนิยายเกาหลีไปเช่นนั้นซึ่งฉันไม่ต้องการให้ถูกจับได้ว่าเคยอ่านพวกมันอย่างแน่นอน

บางที่นี่อาจจะเป็นผลมาจากตัวตนของฉันที่เป็น ‘ตัวดำเนินเรื่อง’ ในพล็อต

และไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวในฮันเตอร์ทั้ง 13 คนที่มีเคยมีประสบการณ์กับดันเจี้ยนแรงค์ S หรือการกลายพันธุ์ของดันเจี้ยนแต่เป็นฉันที่มีประสบการณ์กับมันและยังรู้ข้อมูลเกี่ยวกับมันเป็นจำนวนมากอีกด้วย

นอกจากนี้มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นธรรมชาติหรือที่จะแสดงความสนใจในตัวอียอนจุนเหมือนกับที่ฮันเตอร์อาวุโสคนอื่น ๆ เป็นกัน?

ฉันแม้กระทั้งใช่ร่างกายแรงค์ F ง่อย ๆ ของฉันในการทำให้อียอนจุนโดดเด่นขึ้นมาโดยการเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ และล่อเหล่ามอนสเตอร์มาให้มากเท่าที่ฉันจะทำได้

พึ่งจะในตอนนี้เท่านั้นเองที่ฉันรับรู้ได้ว่านี่มันเป็นเรื่องที่ท้าทายจริง ๆ ที่จะไม่ให้ถูกเห็นจากด้านบนโดยพวกโดรน

ตำแหน่งในปัจจุบันของพวกเราในตอนนี้คือจุด E

โดยไม่นับที่จุด A ซึ่งเป็นทางเข้าของดันเจี้ยน มีสี่จุดได้ถูกวางไว้ ดังนั้นมันน่าจะประมาณได้ว่าได้ผ่านไปแล้วสี่ชั่วโมงสำหรับการเดินทาง

สำหรับตอนนี้นั้นจุด E นั้นปลอดภัยอยู่ที่ด้านบนของสันเขาเพราะว่ามันเป็นมุมอับสายตาแต่มันก็แค่สำหรับตอนนี้เท่านั้นอะนะ

มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงที่นี้ก็จะถูกปกคลุมได้ด้วยฝูงมอนสเตอร์เช่นกัน

นั้นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมในตอนที่คนอื่น ๆ กำลังพักกันเล็กน้อยที่จุด E ฉันถึงได้เตรียมแผนการของฉันต่อจนเสร็จสิ้น

แล้วฉันก็เรียกเซเลสเต้มา

ถีงแม้ว่าจะมีเครื่องแปลภาษาฉันก็จงใจปิดมันและมองไปที่เซเลสเต้

เธอก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วและปิดเครื่องแปลภาษาของเธอเช่นกัน

มีแค่ฉันและสาวน้อยนี้เท่านั้นที่สามารถพูดภาษาอิตาเลียนได้ที่นี้

“เธอเป็นยังไงบ้าง? โอเคดีไหม?”

“ค่ะ”

“เธอไม่บาดเจ็บที่ไหนใช่ไหม?”

“ค่ะ”

“งั้นฉันก็โล่งใจแล้วก็ฟังฉันให้ดี ๆ นะเดวหลังจากนี้ไม่นานฉันจะจัดการกับโดรนของอียอนจุน”

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน สีหน้าของเธอก็ยังคงราบเรียบเหมือนเคย

“ค่ะ”

“ไม่ต้องถามว่าทำไม หลังจากที่ฉันจัดการกับโดรนได้แล้วฉันจะส่งสัญญาณให้กับเธอให้เธอหันมุมกล้องของเธอไปที่อียอนจุน”

“ค่ะ”

“นี่เธอลืมคำอื่นนอกจากคำว่า ‘ค่ะ’ เพราะเธอกำลังช็อคใช่ไหมเนี่ย?”

“ไม่ค่ะ”

ทำไมปฏิกิริยาตอบสนองของเธอมันช่างน้อยอย่างนี้นะ?

อย่างไรก็ตามฉันได้เรียกอียอนจุนออกมาคนเดียวและให้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับมอนสเตอร์ทุกตัวในดันเจี้ยนนี้กับเขา

แน่นอนว่าฮันเตอร์คนอื่นก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างถึงจะจัดการกับมอนสเตอร์พวกนี้ได้เหมือนกัน

ทุก ๆ คนส่วนใหญ่แล้วคงจะคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่ามอนสเตอร์อะไรที่จะปรากฏตัวเพียงแค่ดูไปที่คำว่า “หิมะ” และ “เพาโลเนีย” ที่มาจากชื่อของดันเจี้ยนนี้และจะเข้าใจได้ว่าจะล่ามันได้ยังไง

อย่างไรก็ดีมันมีเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเป็นฉันเท่านั้นที่บอกอียอนจุนเกี่ยวกับสิ่งนี้

มันเป็นเพราะว่าตัวเอกต้องได้รับอะไรที่พิเศษออกไป

“ถ้างั้นนายเข้าใจแล้วใช่ไหม?”

“แน่นอนครับ”

“ยอดเยี่ยมมากที่นายมีความมั่นในเต็มเปี่ยม”

การอธิบายจุดอ่อนและคุณลักษณะที่พบได้ยากของมอนสเตอร์ที่ฮันเตอร์ทั่วไปไม่รู้เกี่ยวกับมัน อียอนจุนได้ฟังเหมือนกับว่าเขาจะต้องไม่พลาดมันไปเลยสักคำเดียว

แน่นอนฉันไม่ได้รู้ไปซะทุกสิ่งทุกอย่างหรอก

มันมีหลายเรื่องที่ฉันก็รู้แค่พอ ๆ กับคนอื่นเช่นกัน

มันยังคงเป็นเรื่องที่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเปลี่ยนไปสู่ ‘พล็อตเรื่องซ้ำซาก’ ของตัวเอกได้นิ

ยกตัวอย่างเช่น ไม่ใช่ว่ามันน่าจะมีสถานการณ์บางอย่างที่คล้ายกับในหนังหรอกหรือ?

‘นายไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้หรอก แต่มันมีโอกาส 0.0001% ที่จะได้เจอกับกะโหลกแดงแห่งความโกลาหล พวกเราไม่เคยได้เจอกับมันเลยเพราะงั้นเพียงแค่เก็บมันเอาไว้ในใจก็พอ’

และนี่จะเป็นสิ่งที่ตัวละครสมบทเหล่านั้นจะพูดกับเหตุการณ์ที่ตามมา

“อ-อะไรนะ?”

“เวรแล้วไง พวกเราจะทำยังไงกันดี?”

ตัวเอกจะเปลี่ยนเรื่องพวกนั้นให้กลายเป็นจริงเอง

แม้แต่ฮันเตอร์อาวุโสเหล่านี้เองก็ได้แต่อึ้งชะงักไปเมื่อได้เห็นกะโหลกแดงแห่งความโกลาหลซึ่งมีโอกาสเพียงแค่0.0001% ที่มันจะปรากฏตัวและมีเพียงแค่อียอนจุนเท่านั้นที่พุ่งไปหามัน

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวเพราะแม้ว่ามอนสเตอร์แรงค์ B ในตอนแรกได้เปลี่ยนไปเป็นแรงค์ A มันแค่มีกรงเล็บที่แหลมคมที่ฉีกผ่านอากาศแค่นั้นเอง

แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่มากเกินไปสำหรับอียอนจุนที่จะต้องรับมือกับมันเพียงลำพังด้วยพลังในปัจจุบันของเขาเอง

ดังนั้นแม้ว่าอียอนจุนจะไม่ได้ล่ามันโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉัน จางฮยอนซอกและฮันเตอร์คนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

เพราะนอกเหนือจากการฆ่ามันให้สำเร็จ มันก็สำคัญเพียงแค่ว่าให้อียอนได้แสดงออกอย่างกล้าหาญด้วยการพุ่งเข้าไปหามอนสเตอร์ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังสับสนก็เท่านั้นเอง

“เยี่ยมมาก!”

พร้อมกับคำชมที่ดังขึ้น….

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+10)]

นี่คือสิ่งที่มันเป็น

ในตอนนี้ไม่มีเลยสักคนในเด็กฝึกที่เหลืออยู่อีกหกคนที่จะสามารถนำมาเทียบกับอียอนจุนได้

เขาได้แปล่งประกายไปเรียบร้อยแล้วและหลังจากนี้เขาก็คงจะสร้างชื่อให้กับตัวเองได้ว่าเป็นฮันเตอร์แรงค์ C หน้าใหม่ที่สามารถเป็นผู้นำในการโจมตีในดันเจี้ยนแรงค์ S อย่างแน่นอน

สำหรับผู้ชมในปัจจุบัน คนที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ก็ได้กระจายข่าวนี้ออกไปและมันก็ได้ทำให้ยอดคนดูนั้นได้เพิ่มขึ้นในทันที

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+11)]

[ตัวเอกอียอนจุนได้แสดงถึงอัตราการเติบโตที่มากเกินไป]

[ความน่าจะเป็นที่พล็อตเรื่องซ้ำซากจะเกิดได้ลดลง]

หาทางแรกเพื่อที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ S

ทำได้โดยการบีบบังคับให้ตัวเอกนั้นแข็งแกร่งขึ้นและให้เขาแบกทีม

ในความเป็นจริงที่มันกลายเป็นดันเจี้ยนแรงค์ S และเวทีสำหรับอียอนจุน

และถ้าเขายังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอียอนจุนจะต้องหาทางที่จะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี้ได้สักทางเป็นแน่

แล้วพวกเหล่าตัวละครเสริมทั้งหลายทั้งแหล่หละจะยังรอดอยู่ไหม?

นี่เป็นเพียงปัญหาแรกและยังมีปัญหาที่สองที่ถ้าดันเจี้ยนนี้ได้รับการเคลียร์ไปได้อย่างปกติดีก็จะมีเพียงแค่กระต่ายหนึ่งตัวจากสองตัวเท่านั้นเองที่จะถูกจับ

ฉันเป็นนักล่าที่มีทักษะชั้นยอดนะ

ถ้ากระต่ายสองตัวเขามาในระยะสายตาของฉัน ฉันต้องจับมันทั้งคู่ให้ได้สิ

ปิ้ว!

ในจังหวะที่ไม่มีคนมองฉันได้แอบเอาปืนพกที่ใส่ตัวเก็บเสียงออกมาจากข้างเอวของฉันแบบแนบเนียนและยิงไปที่โดรนลำแรก

อียอนจุนผู้ที่กำลังเพิ่มจำนวนคนดูอย่างต่อเนื่องได้เจอกับวิกฤตที่ถูกสร้างขึ้นในทันที

นี้ไม่ใช่ความซ้ำซากที่ถูกดำเนินโดยพล็อตเรื่องแต่เป็นวิกฤตที่ฉันบังคับในมันเกิดเอง

“หะ?”

อียอนจุนได้ตะโกนออกมาอย่างงุนงง แล้วก็มีข้อความที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่สามารถเห็นมันได้ปรากฏขึ้นมาในหัวของฉัน

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+3)]

[สถานะของตัวเอกอียอนจุนมีการเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไป]

[ตัวเอกอียอนจุนมีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะได้รับสกิล พลังที่บ้าคลั่ง (S)]

[สกิล พลังของสเตียรอยด์ (B) ของตัวเอกอียอนจุนได้มีการตอบสนองต่อวิกฤต]

[สกิล เป็นจุดสนใจ (A) ได้รับการยกระดับขึ้นเป็น (A+)]

และก็อีกครั้งเหมือนที่คาดดังเคยในทันทีที่วิกฤติเกิดขึ้นมันก็มีการตอบสนองในทันที

อย่างไรก็ตามมันไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้วิกฤตนั้นแย่ลงไปอีกในตอนนี้

ฉันได้ส่งสัญญาณให้กับเซเลสเต้เหมือนที่เราได้วางแผนกันไว้ก่อนหน้านี้

แล้วเธอก็พยักหน้าตอบและแล้วรีบเข้าไปหาอียอนจุน

“ใช้โดรนของฉันสิค่ะ”

“…ด-ได้หรือครับ?”

“ได้ค่ะ”

ดวงตาของอียอนจุนแปล่งประกายหลังจากที่ได้ยินสำเนียงเกาหลีแข็ง ๆ ที่ออกมาจากเครื่องแปลภาษา

การดำเนินการเกิดขึ้นในทันที

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+13)]

[สถานะของตัวเอกอียอนจุนมีการเปลี่ยนแปลงในระดับที่มากเกินไปที่น้อยลง]

โอ้วว มันเวิร์คด้วยแฮะ

ในความเป็นจริงสิ่งที่ให้เซเลสเต้ทำนั้นมันเป็นค่อนข้างเป็นการทดลองนิดหน่อย

มันยังมีเข็มขัดนิรภัยเส้นอื่นอยู่

หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของจังหวะ ‘หวามอมขมกลืน’ สำหรับตัวเอกก็คือกับเพศตรงข้ามดังนั้นแล้วฉันเลยต้องการที่จะทดลองมันนั้นเอง

และการทดลองครั้งนี้ก็แสดงผลออกมาถึงความประสบความสำเร็จ

ถ้าเซเลสเต้เป็นผู้ชายและอียอนจุนเป็นผู้หญิง ผลลัพธ์นี้ก็คงจะได้เหมือนกัน

การมีอยู่ของความปรารถนาดีของเพศตรงข้ามเมื่อตัวเอกได้เผชิญหน้ากับวิกฤต

แค่มันเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้ตัวเอกแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว

เพราะว่านี้คือพล็อตเรื่องซ้ำซากยังไงหละ

ด้วยการรวมกันของเหล่าผู้ชมจำนวนของยอดคนดูก็ได้เพิ่มขั้นอย่างมหาศาล

[ศักยภาพการเติบโตของสกิล พลังของสเตียรอยด์ของตัวเอกอียอนจุนได้ถูกเปิดออก]

นี้ไม่ได้มีวิกฤตอีกต่อไป

นี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ในตอนที่ดันเจี้ยนเกิดการกลายพันธุ์ไปสู่แรงค์ S ที่พวกเราได้เขามาสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของดันเจี้ยนนี้เรียบร้อยแล้ว

อียอนจุนและเซเลสเต้ยังคงไปเป็นคู่และใช้โดรนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

ได้มาถึงที่ด้านหน้าของบริเวณพื้นที่บอสฉันได้รวบรวมเหล่าฮันเตอร์และอธิบายเกี่ยวกับบอสตนนี้

โดยการพูดแบบย่อ ๆ

ฉันอธิบายรูปแบบและข้อควรระวังแบบหยาบแพราะว่ามันไม่ได้จำเป็นที่จะต้องลงรายละเอียดมากนัก

เนื่องจากไม่ว่ายังไงก็ตามการต่อสู้กับบอสก็ควรจะเป็นการโซโล่ของตัวเองไงหละ

พื้นที่ของบอสตนนี้อยู่ที่ส่วนบนสุดของต้นไม้ที่มีดอกไม้ขนาดยักษ์อยู่ตรงกลาง

มันถูกเรียกว่าดอกทานตะวัน

เหมือนกับความหมายของชื่อตัวมันเอง มันเป็นดอกไม้ที่มีความสุขไปกับการอาบแสงอาทิตย์อยู่ที่บนยอดของต้นไม้

แรกเริ่มเดิมทีมันไม่ได้มีมอนสเตอร์แบบนี้เป็นบอสในดันเจี้ยนระดับ C แต่ในตอนนี้ที่มันมีมอนสเตอร์ที่ ‘มีชื่อ’ ก็เนื่องมาจากการที่ดันเจี้ยนได้เปลี่ยนไปเป็นแรงค์ S นั้นเอง

“ก่อนที่เราจะสู้กับบอสกัน พวกเราต้องตรวจเช็คสภาพของแต่ละคนกันซะก่อน”

หลังจากที่พูดไปแบบนั้นฉันก็ได้เรียกอียอนจุนมาและได้เอาหลอดฉีดยาสีแดงออกมาจากกระเป๋าของฉัน

มันไม่ใช่แค่ยาธรรมดา ๆ ทั่วไปมันเป็นยาเพิ่มเลือด

ยาสมัยใหม่นั้นเป็นแบบฉีดเนื่องจากเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและรวดเร็วที่สุดในการรักษา มันค่อนข้างจะได้ผลมากกว่าเมื่อเทียบกับการดื่มหรือการพ่นใส่

นี้เป็นเพราะว่ามันมีความเป็นไปได้แสดงประสิทธิภาพได้สูงที่สุดเมื่อได้รับการฉีดแล้วสู่กระแสเลือดโดยตรง

“นายบาดเจ็บนิ งั้นฉันจะรักษาให้นายละกัน”

“อ้า…ขอบคุณครับ”

ยานี้นั้นโคตรอภิมหาแพง

ดังนั้นแล้วฉันเลยไม่เคยได้ใช้มันกับคนอื่นมาก่อน

เป็นไปตามธรรมชาติที่อียอนจุนจะไม่ได้มีความตั้งใจที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ตั้งแต่ต้น

ในจังหวะที่ฉันเลือนแขนเสื้อของเขาขึ้นไป ฉันก็ได้เห็นมัน

เส้นเลือดสีฟ้าที่ปูดบวมออกมา

มันเป็นเหมือนที่คาดไว้

มันคือส่วนสุดท้ายสำหรับแผนการในตอนนี้

“…อียอนจุน!”

ในตอนที่ฉันตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง เหล่าฮันเตอร์ที่กำลังนิ่งเงียบกันอยู่ได้หันเหจุดสนใจของพวกเขามาที่ฉันอย่างรวดเร็ว

“นาย ที่แขนของนายมันคืออะไร?”

“ห-หะ! นั้นมันบ้าอะไรกันหวะ…?”

ฉันได้ถอยห่างออกมาอย่างช้า ๆ ฉันได้ดึงเอาหลอดฉีดยาอันล้ำค่ากับมาสู่กระเป๋าของฉันอย่างรวดเร็วและดึงปืนพกของฉันออกมาและเล็งมันไปที่อียอนจุน

ตามจริงแล้วปืนพกอีเทอร์นั้นไม่ได้ผลในการต่อกรกับยอดมนุษย์แรงค์ B อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ‘ทักษะการแสดง’ เป็นกุญแจสำคัญสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้

“ไม่มีทางน่า นาย…นายเสพติดอีเทอร์งั้นหรือ?”

“อ้า ม-ไม่ครับ! คงมีเรื่องเข้าใจบ้างอย่างกันผิ…”

พรึบ!

พร้อมกับการแสดงออกที่เคร่งเครียดฮันเตอร์อาวุโสทุกคนในตอนนี้ได้ชี้อาวุธของตนเองไปที่อียอนจุน

เส้นเลือดสีฟ้า

ไม่มีใครสักคนที่เป็นฮันเตอร์แล้วจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร

รวมถึงเหล่าผู้ชมก็ด้วย

นี้มันเป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณได้บังคับการฉีดยาเข้าไปเพิ่มรวมไปถึงอีเทอร์ก็ด้วยเพื่อที่จะบูสความสามารถของตัวคุณเอง เรียกกันว่าการเสพติด

อียอนจุนนั้นเป็นตัวเอก

ถ้ามันเป็นไปตามทางที่มันควรจะเป็นสิ่งนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน

แต่ฉันรู้มันเรียบร้อยแล้ว

ในความจริงที่อียอนจุนได้ปลุกพลังผ่านยาแต่ฉันไม่ได้รู้เกี่ยวกับมันที่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการเสพติดอีเทอร์

อย่างไรก็ตามคนธรรมดานั้นไม่สามารถที่จะทนต่อยาพวกนั้นได้และมีแค่อียอนจุนเท่านั้นที่สามารถทนต่อมันได้เพราะว่าสกิลที่แสนจอมปลอมของเขา ‘พลังของสเตียรอยด์’

พลังของสเตียรอยด์

เห็นครั้งแรกมันอาจจะดูเหมือนว่าเป็นสกิลที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการเสพติดแต่มันเป็นสกิลที่จริง ๆ แล้วช่วยเพิ่ม ‘อัตราการย่อยของการเสพ’ ต่างหาก

ในอีกความหมายก็คือแม้ว่ายาเหล่านั้นที่ควรจะต้องทำให้คนปกติกลายเป็นบ้า อียอนจุนได้ย่อยพวกมันผ่านสกิลนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

และตั้งแต่ที่มันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับอียอนจุนที่จะแสดงความแข็งแกร่งออกมาอย่างเต็มที่ในฐานะที่เขาเป็นแรงค์ C ฉันเลยต้องบังคับให้เขาสู้จนตัวเองเหนื่อยล้าตอนก่อนหน้านี้

แล้วฉันก็ฉีดเขาด้วยยาที่มีไปรบกวนอีเทอร์ที่อยู่ภายในร่างกายของเขาให้มันไปถึงจุดที่ร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อมันได้อีกต่อไปและมองเห็นได้ชัดเจนบนผิวของเขาเอง

กระแสตอบรับที่ได้รับจากสิ่งนี้ก็ได้ระเบิดออกมา

จากฮันเตอร์นะหรือ?

แน่นอนว่าไม่ใช่

มันมาจากเหล่าผู้ชมต่างหาก

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+15)]

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+16)]

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+17)]

การเสพติดอีเทอร์ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติต่อให้มันจะถูกห้ามโดยกฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม

อียอนจุนคนที่ถูกเรียกว่าเป็นเด็กฝึกที่กำลังแปล่งประกายและได้รับการเป็นที่จดจำโดยผู้คนจำนวนมาก กลับเป็นคนติดยาซะงั้น

มันพอแล้วที่จะสร้างกระแสตอบรับที่รุนแรงนี้เช่นนี้

ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถบอกว่ามันรุนแรงแค่ไหนเพราะฉันไม่สามารดูการถ่ายทอดสดได้ แต่แน่นอนว่าช่องแชทจะต้องเด้งจนถึงจุดที่อ่านไม่ทันก็เลยทีเดียวและคงจะมีผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนที่เข้ามาจากทางฝั่งของโซเซียลมีเดียอื่น ๆ อีกด้วย

นี้เป็นเหตุผลที่สมบูรณ์ที่จะฆ่าตัวเอกได้เลย

ไม่มีใครสักคนที่จะคัดค้านฉันแล้ว ถ้าฉันหากจะฆ่าอียอนจุนในตอนนี้

“ยู…ฮันเตอร์ซอดัมครับ โปรดสั่งเรามาว่าเราควรจะจัดการอย่างไรดี?”

จางฮยอนซอกได้ถามด้วยเสียงที่กำลังสั่นคลอน

แต่ฉันกลับรอคอยด้วยความเงียบสงบแทน

ในโซเชียลก็นิ่งสนิท

มันกลายเป็นวิกฤติที่อันตรายสุด ๆ สำหรับอียอนจุนในทันที

ในท้ายที่สุดสกิลนั้นที่อยู่บนขอบเหวของการปลุกพลัง มันก็ได้ถูกปลุกขึ้นมา

[ตัวเอกอียอนจุดได้รับสกิล โลหิตคลั่ง (S+)]

[ระดับเลเวลของตัวเอกอียอนจุนได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็น : 77(+33)]

“หะ…”

อะไรคือความหมายของ โลหิตคลั่ง?

ไม่ใช่ว่ามันควรจะเป็นสกิล พลังที่บ้าคลั่งหรอกหรือ?

นายได้สกิลที่ดูจะแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้นิดหน่อยนะแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอก

“คุณคือความหวังเดียวของเรานะครับ”

“คุณฮันเตอร์ยูซอดัมครับ! เราควรทำยังไงดีครับ?!”

“ฮันเตอร์ยูซอดัมครับ”

พวกเขาร่ำร้องเรียกฉันมาจากทุกทิศทาง

ไอ้พวกห่านี้ ตอนแรกพวกแกก็ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นแค่หัวหลักหัวตอ ที่ตอนนี้หละมองเห็นชัดขึ้นมาในทันทีซะงั้นแหละ?

‘เช่นเดียวกันแนวคิดทั่ว ๆ ไป’

มันหาได้ยากเป็นอย่างมากสำหรับสกิลแรงค์ S ที่จะมีผลข้างเคียง

เพราะว่ามันเป็นสกิลที่มีเพียงคนที่ถูกเลือกจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะมีมันได้

สกิลที่ทำให้ตัวคนเองสูญเสียสติที่คิดอย่างมีเหตุและผลแล้ววิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับพลังที่ท่วมท้น

บางคนได้กล่าวไว้ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะใช้มันได้เนื่องจากความกลัวที่ว่าตนเองจะทำร้ายพวกพ้องของพวกเขาแต่มันยากนักที่ฉันจะเข้าใจความคิดเช่นนั้นได้

เพราะไม่ว่ายังไงก็ตามในตอนที่คุณไม่มีพลังพิเศษใด ๆ คุณก็ยังคงรู้สึกอิจฉาคนเหล่านั้นอยู่ดี

อ้ากกกก!!

ในตอนที่อียอนจุนได้ตะโกนออกมา ชุดสูทเกรด 3 ที่เขาสวมใส่อยู่ก็ได้ฉีกขาดออกและตัวเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น

[ตัวเอกอียอนจุนได้เข้าสู่สถานะ ‘มานาเป็นพิษ’]

ฉันขมวดคิ้วเมื่อมองไปที่ข้อความ

เดิมทีเขาแค่มีผิวสีฟ้าแต่หลังจากที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงนี้ผิวของเขาก็ได้กลายเป็นสีแดง

นี้ไม่ใช่ว่ามันคล้ายกับมอนสเตอร์กลายพันธุ์แรงค์ B ที่ฉันได้ฆ่าที่สถานีมหาวิทยาลัยคอนกุกในวันนั้นหรอกหรือ?

“เดี่ยวก่อน ฉันจะจัดการกับมันเอง”

ฉันชี้ปืนของฉันไปที่อียอนจุนและยิงออกไป

ปัง!

เสียงปืนดังก้องอยู่ชั่วครู

อียอนจุนได้วิ่งตรงมาที่ฉัน

ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้วิ่งตรงไปทางที่บอสมอนสเตอร์ดอกทานตะวันอยู่เรียบร้อยแล้ว

ตูม!

เจ้าดอกทานตะวันนั้นดูเหมือนว่ามันจะสัมผัสได้ถึงตัวฉันและยิงก้านขนาดยักษ์ลงมา

ในจังหวะนั้นเองที่อียอนจุนคนที่กำลังวิ่งตรงมาที่ฉันได้ถูกยิงโดยตรงโดยก้านนั้น

ทุก ๆ คน คงจะได้ยินเสียงเรียกชื่อของอียอนจุนกันในตอนนี้

มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตัวละครหลักถึงสามารถเติบโตไปถึงขอบเขตพลังเช่นนี้ได้

ด้วยความที่เขาได้กลายเป็นแบบนี้มันทำให้ตัวละครเสริมสามารถมีชีวิตรอดได้

และถ้ามันมีศัตรูสองตัว

ทำไมเราไม่ทำให้พวกมันสู้กันเองซะหละ?

จำนวนของผู้ชมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้โลหิตคลั่ง (S+) ของเขาและการกลายพันธุ์ ทำให้อียอนจุนนั้นระเบิดพลังแห่งการเติบโตออกมาเป็นอย่างมากเนื่องจากจำนวนของกลุ่มผู้ชม

ค่าสถานะของเขาได้แตะไปถึงระดับของฮันเตอร์ระดับสูงแล้วแต่เขาคงน่าจะต้องทนอยู่กับข้างเคียงของมันแม้ว่าเขาจะกลับไปสู่ร่างเดิมของเขาได้แล้วก็ตาม

การต่อสู้นี้มันเป็นการทำลายล้างดี ๆ นี้เอง

ทุกสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาจนถึงตอนนี้ไม่สามารถนำมาใช้ในการเปรียบเทียบในฉากนี้ได้จริง ๆ มันเป็นต่อสู้กันอย่างกระหายเลือดระหว่างสัตว์ร้ายทั้งสองตัวที่ทั้งกัด ขวนและกำลังขย้ำอีกฝ่าย

ฮันเตอร์อาวุโสรวมถึงตัวฉันเองก็กำลังทำหน้าที่เป็นเหมือนกับน้ำหนักที่อยู่บนตาชั่งสองแขนที่ปรับสมดุลของแต่ละฝ่าย

มันทำให้อียอนจุนคนที่กำลังโจมตีดอกทานตะวันอยู่นั้นเหนื่อยยิ่งขึ้นไปอีก

ดอกทานตะวันนี้นั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะมาสนใจกับพวกเราเพราะว่าเราทำเพียงแค่ยิงจากที่ไกล ๆ เท่านั้นและอียอนจุนก็ไม่มีเวลาที่จะมามองกลับไปด้านหลังในขณะที่กำลังสู้กับดอกทานตะวันเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้วเจ้าดอกทานตะวันนั้นก็ล้มลงไป

ในขณะที่อียอนจุนนั้นคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ฉันได้เอียงหัวของฉัน

“นี่แกยังมีแรงที่จะมีกรีดร้องอีกหรอ? งั้นก็ปิดกล้องทั้งหมดซะ”

[สกิล เป็นจุดสนใจ (A) ของตัวเอกอียอนจุนได้ถูกปิดการใช้งาน]

ก่อนที่มันจะนานไปกว่านี้อียอนจุนผู้ที่สูญเสียพลังทั้งหมดของเขาได้ถูกพายุพลังพิเศษของเหล่าฮันเตอร์อาวุโสที่ได้ซุ่มรออย่างอดทนโหมกระหน่ำเข้าใส่

ทั้งหมดที่ฉันต้องทำก็แค่ยิงออกไปเพียงเพื่อที่จะจบงานนี้

[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 77]

[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น 2]

[ 770 วันของอายุขัยได้ถูกเพิ่มเข้ามา]

[อายุขัยคงเหลือ : 1423 วัน 9 ชั่วโมง 36 นาที]

[ภารกิจฉุกเฉินสำเร็จลุล่วง]

[คุณสามรถสุ่มดูดกลืนหนึ่งในพรสวรรค์หรือทักษะของเป้าหมายได้]

[คุณต้องการที่จะดูดกลืนมันเลยไหม]

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ

ไม่ว่าจะเป็นคนที่กลับชาติมาเกิด,คนที่ย้อนเวลากลับมา,คนที่วนลูปได้,พวกที่ไปยึดร่างคนอื่นมา,นักเดินทางต่างมิติ,คนรู้อนาคตมากจากทางไหนสักทาง

ฉันจะล่าเจ้าพวกตัวเอกเหล่านี้เอง ไอ้พวกคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกใบต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนแล้วฉันก็จะดูดกลืนพรสวรรค์ของพวกเขาซะ

เหล่าพวกตัวเอกทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเป็น

ความหวังของทวีป

ฮีโร่ที่จะช่วยโลกไว้ได้อนาคต

ฮีโร่ที่ในตอนนี้มีหลุมอยู่ตรงกลางอก!

ปาร์คแทรยอง คนที่จะปลดปล่อยเหล่าคนแคระให้เป็นอิสระและได้รับความเชื่อถือจากคนพวกนั้น

ชำระล้างสิ่งปนเปื้อนที่เป็นพิษในป่าแห่งจิตวิญญาณและได้กลายมีเป็นผู้มีพระคุณของเหล่าแฟรี่

ทวงคืนรูปปั้นหินโบราณที่เคยถูกปิดผนึกอยู่ในซากปรักหักพังในยุคอดีตกาล

กำจัดงูทะเลยักษ์ที่โผล่ออกมาจากทะเล

ปราบจักพรรดิปีศาจของโลกใต้พิภพตนที่ 47 ลงได้

“นอกเหนือไปจากการข่มขืนและฆาตกรรมแล้วยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการฆ่าอันป่าเถือน,การลอบวางเพลิง และ……”

“ช-ช่วยฉันด้วย..”

แกร๊ก!

นี้ก็เป็นตัวเอกเช่นกัน

แต่ในตอนนี้เขาได้ตายคามือฉันซะแล้วหละ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท