กู้ฉางฉิงมองเธอ ฟังคำพูดเสียดสีเหน็บแนมของเธอเมื่อกี้ ก็ ก็หยุดความคิดที่จะกล่าวทักทาย
เธอเข้าใจชัดเจน ถึงแม้ว่าเธอจะทักทายใคร ผู้คนก็คงจะไม่แสดงสีหน้าที่ดีให้กับเธออย่างแน่นอน
และในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เฟิงจิ้งหยวนไม่ได้ใส่ใจคำทักทายของเธอเลยสักนิด
เธอเดินมาตรงหน้ากู้ฉางฉิง ในสายตาเต็มไปด้วยความสมเพช ยกมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“ทำไม? เป็นใบ้หรอ หรือว่าถูกพูดโจมตีจนพูดไม่ออก?”
เธอวนรอบกู้ฉางฉิงอย่างเหยียดหยาม หัวเราะเบาๆออกมาอีกครั้ง: “ก็จริงนะ แม้แต่ซือหยี่คุณก็ยังเทียบไม่ติด แล้วยังจะมาหวังลมๆแล้งๆเทียบกับมู่เฉาเกอ ฉันว่าคุณไม่สำเหนียกตัวเองเลยนะ”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ก็ขมวดคิ้วแน่น
พอดีเมื่อเธอคิดอยากจะตอบโต้ ก็คล้ายกับเฟิงจิ้งหยวนนึกถึงอะไรได้ หัวเราะเยาะแล้วมองเธอ
“จะว่าไป คุณคงไม่ใช่แค่ไม่สำเหนียกตัวเอง แต่ยังหน้าค่อนข้างหนาอีกด้วย”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ สีหน้าก็บึ้งตึงแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนอีกครั้งว่า: “คุณอาเล็ก ทางที่ดีคุณควรจะพูดจาให้เหมาะสมสักหน่อยนะ”
“อุ๊ย นี่โมโหหรอ? คิดว่าที่ฉันพูดมันไม่ถูกหรือไง?”
เฟิงจิ้งหยวนไม่เพียงแต่ไม่เก็บอาการ กลับกันก็ยิ่งไม่เกรงใจ
“แต่ฉันคิดว่าฉันพูดมีเหตุผลมากเลยนะ คุณลองมองตัวคุณสิ แต่งงานเข้ามาในตระกูลเฟิงขิงพวกเราตั้งนานขนาดนี้แล้ว นอกจากพ่อฉันยอมรับคุณแล้ว ใครเห็นพ้องต้องกันกับคุณบ้าง? ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยังปรากฎตัวแทนออกมาอีกคนนึง”
กู้ฉางฉิงมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
เฟิงจิ้งหยวนก็ไม่ได้สนใจ พูดเองเออเอง: “แต่คิดๆแล้วก็จริงนะ คนอย่างคุณนี้ ก็ต้องถูกคนเอาชนะได้เข้าสักวัน แล้วคุณก็ยังโง่อีก ยังคงหวังลมๆแล้งๆที่จะอยู่ข้างๆหลารของฉันไปตลอด ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างสิ้นเชิง”
กู้ฉางฉิงอยากจะหัวเราะกับการพูดเองเออเองของเธอซะจริงๆ
“เป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ฉันไม่รู้ ฉันรู้เพียงว่าแค่เฟิงจิงเหยายอมรับฉัน ใครก็มาแทนที่ฉันไม่ได้”
เธอตอบโต้ด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา แต่ดูท่าเฟิงจิ้งหยวนจะลำพองใจและคัดค้าน
เพราะเธอนึกถึงสองครั้งก่อนหน้านี้ที่เธอสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ ถูกเจ้าเฟิงจิงเหยาตำหนิยังไม่พอ ยังตัดเงินค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆของเธออีก ทำให้ช่วงนั้นเธอล้วนไม่กล้าออกจากบ้าน
ชั่วเวลานึง ความเกลียดชังเก่าใหม่ก็ผสมรวมกันขึ้นมา เธอจึงตำหนิด้วยความโกรธขึ้นมาทันที
“ไม่เจียมตัว นี่คือท่าทีที่คุณพูดจากับผู้ใหญ่หรอ? วันนี้ฉันต้องสั่งสอนความหยิ่งผยองหยายคายนี้ของคุณ”
พูดจบ เธอก็เงื้อมือขึ้นแล้วตบลงมาอย่างแรง
ได้ยินเสียงดัง’เพี๊ยะ’ กู้ฉางฉิงถูกตบหน้า
แก้มที่เดิมทีขาวหมดจดเห็นรอยแดงบวมขึ้นมาได้ด้วยตาเปล่า มีรอยช้ำจางๆ
ไม่ใช่กู้ฉางฉิงไม่อยากหลบ แต่อาการบาดเจ็บที่เท้า ทำให้เธอขยับรวดเร็วไม่ได้ ทำได้เพียงปะทะฝ่ามืออย่างเด็ดเดี่ยว
เฟิงจิ้งหยวยก็ไม่คิดว่ากู้ฉางฉิงจะไม่หลบ ตกตะลึงเล็กน้อย
ก็เพราะนิ่งอึ้งไปแบบนี้ เธอจึงถูกกู้ฉางฉิงโต้ตอบด้วยการผลัก จึงยืนไม่มั่นคง จึงล้มหงายหลังลงบนพื้น
“กู้ฉางซิน คุณกล้าผลักฉันหรอ ต่อต้านจริงๆ!”
เธอลุกขึ้นมาจากพื้น จ้องมองกู้ฉางฉิงอย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
กู้ฉางฉิงที่เดิมทีไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึง กล่าวโต้แย้งอย่างเย็นชาว่า: “ถึงตาลงมือ แต่คุณอาเล็กทำก่อน ฉันเพียงแค่ป้องกันตัว!”
เฟิงจิ้งหยวนไม่สนใจคำเหล่านี้ เธอมุ่งหน้าเข้าปะทะกับกู้ฉางฉิงอย่างบ้าคลั่งทันที
กู้ฉางฉิงที่เดิมจนปัญญาจะหลบหลีก ถูกเธอปะทะจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ด้านหลังของเธอเป็นขั้นบันไดศาลา กลิ้งลงไปจากบันไดโดยตรง หน้าผากกระแทกเข้ากับมุมของบันไดอย่างรุนแรง
“เจ็บ——”
เพียงเธอจะส่งเสียงความเจ็บปวดออกมา ก็หมดสติไปโดยสิ้นเชิง
เฟิงจิ้งหยวนเห็นคนที่อยู่บนพื้นไม่ขยับ รวมทั้งรอยเลือดที่เต็มไปหมดนั้น จึงค่อยๆสงบลงมา ในเวลาเดียวกันก็ตกตะลึง
เธออดไม่ได้ที่ก้าวไปข้างหน้าใช้เท้าเขี่ยๆกู้ฉางฉิง
“นังหญิงชั่ว อย่ามาเสแสร้งแกล้งตายตรงนี้นะ รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า”
คำพูดที่เธอพูดไป กู้ฉางฉิงที่อยู่บนพื้นก็ยังคงไม่มีการตอบกลับอะไรทั้งสิ้น
เฟิงจิ้งหยวนเห็นเช่นนี้ ก็กระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
เธอตรวจสอบรอบนึงอย่างหวาดหวั่น ออกมาจากที่เกิดเหตุด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
รอจนถึงตอนเย็น เฟิงจิงเหยากลับมา แต่พบว่ากู้ฉางฉิงไม่อยู่บ้าน มือถือก็ไม่มีคนรับ จึงเรียกพ่อบ้านมาถาม
“คุณนายรองล่ะ?”
“คุณนายรองไม่อยู่ห้องหรอครับ?”
พ่อบ้านรู้สึกแปลกใจยิ่งกว่าเขา จึงกล่าวถามกลับ
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว: “ทั้งวันคุณไม่เห็นคุณนายรองเลยหรอ?”
พ่อบ้านส่ายหน้า
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว ในใจก็เป็นทุกข์เล็กน้อย
เขานึกถึงสองสามครั้งก่อนหน้าที่กู้ฉางฉิงเกิดเรื่อง จึงรีบสั่งการ: “คุณให้คนรับใช้ในบ้านหาทุกซอกทุกมุม”
พ่อบ้านก็รู้ได้ด้วยสำนึกว่าคุณนายรองหายไปแล้ว รับคำสั่งแล้วออกไป จัดคนค้นหาทันที
เขาออกไปแล้ว ทางด้านเฟิงจิงเหยาก็ไม่ได้อยู่เฉย
เขาหยิยมือถือโทรหาคนในบ้านแล้วก็ทางด้านบริษัทตามลำดับ แต่ก็ได้รับคำตอบมาว่าไม่ได้พบกู้ฉางฉิง
ก็เพราะเรื่องนี้ นายท่านจึงเดาได้ถึงว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ให้ทุกคนพามาที่บ้านใหญ่ สอบถามเฟิงจิงเหยาอย่างละเอียด
“จิงเหยาตกลงมันเกิดอะไรขึ้น? ฉางซินล่ะ? อยู่ดีๆทำไม่ถึงหายไป? ตอนนี้ได้ข่าวคราวแล้วหรือยัง?”
เขามองเฟิงจิงเหยา กังวลถึงปัญหาแต่ละอย่าง
เฟิงจิงเหยาสีหน้าเคร่งขรึม อดทนตอบทุกคำถามจนจบ
“คนยังหาไม่เจอ ฉันให้ทุกคนค้นหาทุกที่แล้ว”
เฟิงจิงเหยาได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแย่มาก
พอดีที่เขาจะเตรียมจะพูดอะไร พ่อบ้านของเฟิงจิงเหยาก็เข้ามา
“คุณชาย นายท่าน หาคุณนายรองเจอแล้ว”
เฟิงจิงเหยาได้ฟังคำนี้ ก็ลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าเขาร้อนรนใจอย่างไม่เคยปรากฏ : “หาเจอที่ไหน คนเป็นอย่างไรบ้าง?”
พ่อบ้านตอบว่า : “อยู่ในสวน เพียงแต่บาดเจ็บอยู่ ตอนนี้พักอยู่ที่ห้อง”
เฟิงจิงเหยาได้ยินว่ากู้ฉางฉิงได้นับบาดเจ็บ ใจก็สั่นขึ้นมา : “เรียกหมอมาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เขาไม่ได้บอกลาคนตระกูลเฟิงเลย เดินมุ่งไปที่บ้านใหม่โดยตรงเลย
นายท่านที่เห็นเขารีบร้อนออกไป บวกกับอาการบาดเจ็บที่พ่อบ้านพูดถึงเมื่อกี้ ก็ตามไปด้วยความกังวลใจ
“พวกเราก็ไปดูกันหน่อย”
เฟิงซู่เห็นว่านายท่านไปแล้ว ก็เลยพูดเสนอความเห็น
คุณนายเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวนได้ยิน ใบหน้าก็ปรากฏความหงุดหงิดในฉับพลัน
“แย่จริงๆเลย!”
คุณนายเฟิงบ่นพึมพำ เฟิงจิ้งหยวนก็ใจฝ่อเล็กน้อย
ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงบ้านใหม่
เวลานี้หมอมาถึงแล้ว อีกทั้งกู้ฉางฉิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
เธอพบว่าทุกคนอยู่ในห้อง ก็ตกตะลึง : “คุณปู่ พ่อแม่ พวกคุณมาได้ยังไง?”
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วมองเธอ โดยเฉพาะแก้มที่ปูดบวมของเธอ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคุณถึงได้รับบาดเจ็บจนหมดสติอยู่ในสวน? ใบหน้าหน้าคุณยังได้รับบาดเจ็บมันเกิดอะไรขึ้น?”
กู้ฉางฉิงได้ฟังก็คิดถึงเรื่องราวก่อนหน้าตอนอยู่ในสวน
เธอกวาดสายตามองไปที่กลุ่มคน ดูเหมือนว่าเฟิงจิ้งหยวนพยายามที่จะใช้อำนาจคุกคามเธอ ฉีกยิ้มมุมปาก
“นี่ต้องถามคุณอาเล็กแล้วละ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิด ทำให้คุณอาเล็กเห็นฉันก็พูดจาถากถางทันที ฉันเพียงแต่พูดชี้แจงข้อเท็จจริงไปหนึ่งประโยค เธอก็ลงมือกับฉันเลย”
เธอพูดคำนี้ออกมา ทุกคนก็หันไปมองทางเฟิงจิ้งหยวน
นายท่านเฟิงก็ดุด่าด้วยความโกรธ : “จิ้งหยวน ที่ฉางซินพูดจริงหรอ? ที่คุณลงไม้ลงมือ?”
คุณอาเล็กทั้งโกรธทั้งกลัว รีบโต้แย้ง
“คุณพ่อ คุณอย่าฟังคำพูดไร้สาระของเธอนะ เธอไม่ลงรอยกับฉันมาตลอด ตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างไร้เหตุไร้ผลแล้วคิดจะมายัดเยียดใส่ร้ายฉัน!”