เสียงกรีดร้องอันแสบแก้วหูของผู้หญิงดังขึ้นในสถานที่ที่เงียบสงบของเฟิงซื่อกรุ๊ป
ร.ป.ภ.หนุ่มที่ยืนยามอยู่ประตูทางเข้าถูกภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้ตื่นตระหนก
เขามองคุณผู้หญิงที่แต่งตัวสวยงามคนนั้นกลิ้งตกลงจากบันไดอย่างตกตะลึง แล้วยังมีเสียงกระดูกหลุด
สิบกว่าวินาทีต่อมาเฟิงจิ้งหยวนจึงหยุดลง ใบหน้าที่งดงาม เวลานี้กลายเป็นไม่เข้าที ในสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ร.ป.ภ.หนุ่มรับรู้อย่างรวดเร็ว เข้าไปประคองทันที
“เจ็บ! เจ็บ! คุณประคองคนเป็นไหมเนี่ย!”
ถึงจะได้รับบาดเจ็บเธอก็ยังไม่มีทางที่จะเก็บนิสัยหยาบคายเอาแต่ใจของเธอ
ถึงแม้ว่า ร.ป.ภ.หนุ่มจะไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ยังคนส่งไปยังโรงพยาบาล
ขณะเดินทาง เฟิงจิ้งหยวนสามารถพูดได้ว่าสีหน้าไม่พอใจทุกอย่าง ไม่ใช่ความเชื่องช้าของรถ แต่คือ ร.ป.ภ.หนุ่มที่ประคองเธอทำให้เธอเจ็บ
ถึง ร.ป.ภ.หนุ่มจะนิสัยใจคอดีแค่ไหน เวลานี้ถูกเธอทำอย่างนี้ก็อยากจะสะบัดแขนไม่ทำแล้ว
แต่นึกถึงว่าเธอเป็นผู้จัดการของบริษัท เวลานี้ถ้าเขาทำหน้าบูดบึ้งให้คนดู กลังว่าภายหลังจะทำให้เขาทำมาหากินไม่ได้
ในที่สุด ร.ป.ภ. หนุ่มก็นำเธอมาส่งถึงโรงพยาบาล หลังจากส่งถึงมือหมอพยาบาล ก็ออกมาอย่างไม่รีรอ
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ลืมที่จะบอกเพื่อนร่วมงานในบริษัทให้แจ้งท่านประธาน
ทางด้านเฟิงจิงเหยา ได้รับข่าวที่เฟิงจิ้งหยวนตกลงมา และคนก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ก็แปลกใจเล็กน้อย
แต่เขาก็วางงานที่อยู่ในมือ แล้วไปโรงพยาบาล
เพียงแต่เขายังไม่ทันได้เข้าไปในห้องพยาบาล ก็ได้ยินเสียงเฟิงจิ้งหยวนด่าคนมาแต่ไกล
พอดีเขาเตรียมจะเข้าไป ด้านข้างก็มีพยาบาลสองสามคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“เฮ้อ เริ่มด่าอีกแล้ว เอาใจยากจริงๆ ก็ไม่รู้ถูกอบรมสั่งสอนดูมาแบบไหนถึงได้ปากคอเราะร้ายแบบนี้”
“ใช่ พยาบาลในแผนกก็ล้วนโดนเธอจู้จี้จุกจิกไปรอบนึงแล้ว”
“อย่าพูดเลยเร็วเข้าเถอะ รีบเข้าไป ถ้าเข้าไปช้า ก็ถูกด่าอีก”
เฟิงจิงเหยาได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็ดำคร่ำเครียดไม่หยุด อยากที่จะเดินกลับไป
ปกติคนตระกูลเฟิงของพวกเขาไปที่ไหนก็ถูกคนต้อนรับ เคยถูกคนรังเกียจแบบนี้ซะที่ไหนกัน
และไม่ต้องพูดถึงพยาบาลสองสามคนนั้น เวลานี้ที่ได้ฟังคำด่าของเฟิงจิ้งหยวน เขาก็รู้สึกว่าขายหน้า
ทางกลับกันเธอยังมีกำลังที่จะด่าคนได้ คิดๆแล้วก็คงไม่ได้เป็นอะไร
พอดีที่เฟิงจิงเหยากำลังคิดว่าจะออกไป ห้องพยาบาลก็มีเสียงด่าหยาบคายของเฟิงจิ้งหยวนออกมาอีกครั้ง
“นี่มันโรงพยาบาลบ้าอะไรของพวกคุณห๊ะ บอกว่าอีกพักนึงก็ไม่เจ็บแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมจนถึงตอนนี้แล้วยังเจ็บอยู่ล่ะ ไปเรียกหัวหน้าของพวกคุณมาให้ฉัน ฉันจะฟ้องว่าพวกคุณใช้ยาปลอม!”
เฟิงจิ้งหยวนพาลใส่พยาบาลที่อยู่ตรงหน้าสองสามคน ระบายความโกรธที่ได้รับมาจากเฟิงจิงเหยาแล้วก็มู่เฉาเกอใส่กับคนสองสามคน
“แล้วก็พวกคุณ พันฉันทำบ้านอะไร นี่แขนฉันนะ ไม่ใช่ขาหมู พันจนเป็นแบบนี้ พวกคุณจะให้ฉันไม่เจอคนข้างนอกได้ยังไง พวกคุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เฟิงจิงเหยาฟังถึงตรงนี้ เส้นเลือดที่หน้าผากก็เต้นขึ้นมา
ขณะที่กำลังจะเอาฐานะทางสังคมออกมาขู่ขวัญพยาบาล เขาหน้าดำคร่ำเครียดกลับเข้าไปถึงห้องพยาบาล
“เฟิงจิ้งหยวน! คุณช่วยหุบปากด้วย!”
เรียกชื่อเต็ม สามารถเห็นได้ถึงว่าเขาโกรธมาก
และเฟิงจิ้งหยวนก็ตกใจเล็กน้อย หลังจากคิดถึงเรื่องที่เขาทำ จึงค้ำหลังเหยียดขึ้นมาแล้วกล่าวด้วยอารมณ์ไม่ดีว่า: “คุณมาทำไม?”
เดิมทีเฟิงจิงเหยาก็มิ่ยากจะสนใจเธอ กวาดสายตาที่เย็นชามองเธอ หันหน้าไปถามพยาบาลที่สีหน้าซีดทางด้านนั้น
“เธออาการเป็นยังไง ต้องนอนโรงพยาบาลไหม?”
ในที่สุดเหล่าหมอพยาบาลก็ชำเลืองมองคนที่สามารถควบคุมคนไข้คนนี้ได้ ก็เป่าปากโล่งอกในทันที
“คุณผู้หญิงท่านนี้ไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ข้อต่อหลุด พันไว้มั่นคงดีแล้ว เพียงแค่ต้องกลับไปพักฟื้นสักพักก็จะดีขึ้น”
เฟิงจิงเหยาพยักหน้า กล่าวคำว่ารบกวนแล้วกับหมอพยาบาลสองสามคน แล้วก็หันสายตาไปยังเฟิงจิ้งหยวน
“คุณอาเล็ก ไปกันเถอะ”
เปรียบเทียยการพูดอย่างเกรงใจกับหมอพยาบาลแล้ว คำพูดนี้เย็นชาอยู่ไม่น้อย
เฟิงจิ้งหยวนอึดอัดไม่พอใจกับคำสั่ง แต่ไม่กล้าโมโห ทำได้เพียงเดินตามหลังเขาออกไป
และหลังจากกเฟิงจิงเหยาไปรับเธอแล้ว ก็ตรงกลับตระกูลเฟิง
คนทั้งสองเดินทางมาถึงตระกูลเฟิงโดยไม่พูดจา
พอลงจากรถ ไม่คิดว่าจะพบกู้ฉางฉิงที่เลิกงานกลับมา
“จิงเหยา”
กู้ฉางฉิงมองเฟิงจิงเหยา กล่าวทักทายด้วยความดีใจ พอเตรียมที่จะกลับบ้านใหม่กับเขา แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงหลังจากก้าวเท้าไปก้าวนึง
เธอก็มองเฟิงจิ้งหยวนที่ลงมาจากในรถของเฟิงจิงเหยาอย่างตะลึงงัน
เห็นมือที่ห้อยอยู่กับคอ และแขนนั้นยังบวมใหญ่อย่างมาก คล้ายกับขาหมูที่แช่น้ำ
เวลานี้เฟิงจิ้งหยวนก็เห็นเธอ สีหน้าก็ไม่น่าดูขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เธอสีหน้าเคร่งขรึมตามเฟิงจิงเหยาเข้าประตูใหญ่ไป
กู้ฉางฉิงเห็นพวกเขาเข้ามา ก็เดินไปด้านข้างเฟิงจิงเหยา
เธอกวาดสายตาไปที่เฟิงจิ้งหยวน อดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นภายในใจไว้ไม่อยู่ ดึงๆมุมเสื้อเฟิงจิงเหยา กระซิบถามเบาว่า: “นี่คุณอาเล็กเป็นอะไรหรอ?”
เฟิงจิงเหยาได้ยิน มองเปรยๆไปยังเฟิงจิ้งหยวน กล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ตกลงมาจากบันได”
“คิกๆ——”
กู้ฉางฉิงไม่อดกลั้น หัวเราะออกมา
เฟิงจิ้งหยวนที่เดิมทีสนใจคนทั้งสองอยู่ จึงไม่พลาดบทสนทนาของพวกเขา เวลานี้เห็นกู้ฉางฉิงหัวเราะ ก็ระเบิดอารมณ์ทันที
“หัวเราะอะไรห๊ะ!”
เธอตำหนิเสียงลั่น
กู้ฉางฉิงไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย มองเธออย่างมีควาทสุขบนควาททุกข์ของผู้อื่น
“ก็เพราะมันตลกก็เลยหัวเราะ”
พูดจบ เธอมองบนแขนของเฟิงจิ้งหยวน กล่าวยิ้มยิงฟัน: “เห็นคุณอาเล็กแบบนี้ มันทำให้ฉันนึกถึงคำพูดนึงขึ้นมา ไม่รู้ว่าคุณอาเล็กจะเคยได้ยินหรือไม่เคย”
“คำว่าอะไร?”
เฟิงจิ้งหยวนกล่าวถามด้วยจิตสำนึก
กู้ฉางฉิงยกมุมปากขึ้นอย่างยิ้มเยาะ: “ก็คือกรรมตามสนอง พระเจ้าเคยให้อภัยกับใคร เดิมทีแต่ก่อนฉันก็ไม่เชื่อ แต่พอเห็นคุณอาเล็กแล้ว ฉันเชื่อแล้ว”
เฟิงจิ้งหยวนได้ฟังคำพูดนี้ เดิมทีก็โมโหอยู่แล้ว ก็เดือดดาลขึ้นมาทันที
เธอจะฟังไม่ออกได้ยังไงว่านี่คือกู้ฉางฉิงกำลังเยาะเย้ยเธอ
“กู้ฉางซิน!”
เธอเรียกอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะฉีกผู้หญิงคนนี้ด้วยมือของตัวเอง!
เฟิงจิงเหยาเห็นคนทั้งสองจะทะเลาะกันขึ้นมา ขมวดคิ้วแล้วดุอย่างเย็นชาว่า: “ฉางซิน ทำไมถึงพูดกับคุณอาเล็กแบบนี้?”
กู้ฉางฉิงที่เดิมทีก็คิดว่าผู้ชายคนนี้จะต้องช่วยเฟิงจิ้งหยวน ในใจก็นิ่งไป ผลสุดท้ายพอมองไปที่หน้าเขาก็คือจงใจแสร้งทำเป็นพูดเฉียบขาดออกมา สายตาที่ดำขลับเคร่งขรึมนั้นอำพรางไปด้วยรอยยิ้ม
ชัดเจนว่าเขาไม่ได้โกรธจริงๆ และทำท่าทีเพื่อให้เฟิงจิ้งหยวนเห็น
ชั่วพริบตา กู้ฉางฉิงก็เข้าใจในความหมายของผู้ชายคนนี้
“เอาเถอะ ฉันผิดไปแล้ว คุณอาเล็ก ฉันไม่ควรหัวเราะเยาะคุณแบบนี้”
เฟิงจิ้งหยวนถูกเธอกล่าวขอโทษแบบนี้ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย
ยังไม่ทันรอให้เธอได้ตอบโต้ ก็ได้ฟังกู้ฉางฉิงกล่าวต่อไปว่า: “ในเมื่อผิดแล้ว ก็ควรถูกลงโทษ คุณอาเล็ก ตอนนี้ฉันก็จะกลับห้องไปพิจารณาตัวเอง ไปก่อนนะ”
พูดจบ เธอก็หยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ไปยังเฟิงจิงเหยา หันเดินหนีไปโดยตรง
เฟิงจิงเหยาเห็นภาพด้านหลังเธอออกไป ความเย็นชาบนใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนโยนลงมา
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะดื้อซนขนาดนี้ เขามองทิศทางที่กู้ฉางฉิงจากไปแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
เพราะเสียงนี้ เฟิงจิ้งหยวนจึงค่อยๆดึงสติกลับมา
เธอมองหลานชายข้างๆที่คล้ายกับอารมณ์ดี แล้วก็มองหญิงชั่วที่หนีไปจนไม่เห็นเงาอีกครั้ง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอถูกกู้ฉางซินหญิงชั่วคนนั้นยั่วเย้า
ทันที เธอก็เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ