หลังจากที่ชวี่ยี่ออกไปแล้ว เฟิงจิงเหยาก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
ไม่ว่าคนๆนี้จะหลบซ่อนลึกล้ำมากแค่ไหน เขาก็จะค้นหานำคนออกมาจนได้
ไม่เช่นนั้นครั้งนี้เป็นกู้ฉางซิน ครั้งหน้าไม่รู้ว่าจะเป็นใครในตระกูลเฟิง
และเวลาเดียวกันที่เขาจัดการให้ชวี่ยี่ไล่ตามตรวจสอบ ทางด้านลู่ซือกยี่ก็ได้รับข่าวจากผู้ช่วย
“คุณว่าอะไรนะ? ตอนนี้พี่จิงเหยายังไม่เลิกตามค้นหาหรอ?”
เธอหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเอ่ยปากอย่างยากที่จะเชื่อ
ชั่วครู่ก็ยากที่จะระงับอารมณ์อิจฉา
ที่พี่จิงเหยาให้ความสำคัญขนาดนี้ ก็คงเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับกู้ฉางซินอย่างแน่นอน
เธอคิดถึงตรงนี้ แล้วก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่คุณป้าหมิงพูดกับเธอ
เวลานี้คนทั้งสองตัวติดกันรักกันอย่างเหนียวแน่น เป็นแบบนี้ต่อไป เธอยังจะมีโอกาสเข้าไปแทรกได้อีกหรอ?
ช่วงเวลานึง ในใจเธอก็ฉุกสัญญาณบอกเหตุขึ้นมา
“คุณเอาเงินสักก้อนนึง ให้อันธพาลพวกนั้นไปหลบซ่อนสักพักนึงก่อน”
ผู้ช่วยรับคำสั่ง หลังจากนั้นก็วางสายแล้วไปจัดการ
ลู่ซือหยี่มองสายที่วางไป ยังคงกระวนกระวายใจ
เธอจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง เบี่ยงเบนความสนใจของพี่จิงเหยา
ไม่เช่นนั้นหากเธอถูกจับได้ พี่จิงเหยาก็จะยิ่งเพิ่มความรังเกียจกับเธอมากขึ้น ถึงเวลานั้นเธอกลัวว่าแม่แต่โอกาสที่จะขอยกโทษก็คงจะไม่มี
เธอหลับตาคิด คิดว่าจะทำยังไงถึงจะเบี่ยงเบนความสนใจของพี่จิงเหยาได้
ทันทีเธอก็เปล่งประกายชั่วพริบตา แผนการนึงค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจของเธอ
เธอหยิบมือถือออกมากดต่อสายไปยังเบอร์โทรนึง……
ช่วงค่ำในวันเดียวกัน เธอแต่งตัวเล็กน้อย แล้วก็ขับรถออกจากบ้าน
ไม่นาน เธอก็มาจอดที่บาร์เหล้าร้านนึงที่ชื่อว่าKathir
เธอเดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ ไม่มองกลุ่มปีศาจที่กระโดดไปมาอยู่ด้านใน มุ่งตรงไปยังมุมๆนึง
เห็นด้านในมุมนั้น มีสุภาพบุรุษสวมใส่ชุดละเอียดเรียบร้อยนั่งอยู่คนนึง
“ฉินเป่ยหาน ไม่เจอกันนานเลย”
เธอกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นก็นั่งลงตรงข้าม
ฉินเป่ยหานมองเธอ ดวงตาลึกซึ้ง
“คุณเรียกฉันออกมาต้องการทำอะไร?”
ฉินเป่ยหานพินิจพิเคราะห์เธออย่างระวังตัว ถึงอย่างไรระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน
ลู่ซือหยี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คุณคงจะคิดไม่ถึงว่าเป็นกู้ฉางซินใช่ไหม?”
ฉินเป่ยหานได้ฟังถึงคำพูดนี้ สายตาก็เป็นประกายในชั่วพริบตา
“ที่คุณพูดนี่หมายความว่ายังไง?”
ลู่ซือหยี่ยิ้มจางๆพิงหลังที่พนักพิงเก้าอี้ กล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า: “ฉันรู้ว่าคุณชอบกู้ฉางซิน และฉันก็ชอบเฟิงจิงเหยา นี่คือเรื่องที่รู้กันในกลุ่ม ฉันอยากจะร่วมมือกับคุณ ฉันช่วยให้คุณได้กู้ฉางซิน คุณต้องทำให้ภายหลังกู้ฉางซินอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเฟิงจิงเหยาอีก ทางที่ดีที่สุดคือทำให้หายไปจากสายตาของเฟิงจิงเหยาไปตลอดกาล”
ฉินเป่ยหานขมวดคิ้ว
“คุณลืมไปแล้วหรอ ฉางซินและจิงเหยาแต่งงานกันแล้ว”
เขาเตือนสติ ใครจะรู้ว่าลู่ซือหยี่ไม่ได้นำมาใส่ใจโดยสิ้นเชิง
“แล้วเป็นยังไง? ถ้าคุณเชื่อฉัน ผ่านไปสองสามวัน เธอก็จะไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเฟิงอีกแล้ว”
ฉินเป่ยหานประหลาดใจ กล่าวถามว่า: “เพราะอะไร?”
ใต้แสดงไฟที่สลัว ลู่ซือหยี่ก็ฉีกยิ้มมุมปากอย่างเจตนาร้าย
“เพราะฉันตั้งท้องลูกของพี่จิงเหยาแล้ว”
ฉินเป่ยหานตกตะลึง
ยังไม่ทันรอให้เขาดึงสติกลับมา ก็ได้ยินลู่ซือหยี่กล่าวต่อไปว่า: “เดิมทีฉันก็ได้รับความชื่นชอบจากพ่อแม่พี่จิงเหยาอยู่แล้ว แล้วก็เพิ่มนายท่านที่ให้ความสนใจลูกหลานเข้าไปอีก ก็คงไม่สามารถที่จะยินยอมให้ลูกของตระกูลเฟิงเร่ร่อนอยู่ข้างนอกได้ คุณคิดว่ากู้ฉางซินยังหลงเหลือความจำเป็นอยู่ไหม?”
ฉินเป่ยหายดึงสติกลับมา รวบรวมความคิดทั้งหมดมองไปยังเธอ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คุณยังจะมาร่วมมือกับฉันทำไมล่ะ?”
ลู่ซือหยี่มองเขาอย่างกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
“มาหาคุณ เพียงแค่อยากให้ไร้ข้อผิดพลาดก็เท่านั้น ทำไม? ไม่เห็นด้วยหรอ?”
ฉินเป่ยหานเงียบไป เขามองลู่ซือหยี่อยู่นาน เม้มปากแล้วกล่าวว่า: “คุณแน่ใจนะว่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
ลู่ซือหยี่ได้ยิน รอยยิ้มในสายตาก็ยิ่งลึกซึ้ง พยักหน้าอย่างมั่นใจในตนเอง
“แน่นอน!”
“เช่นนั้น งั้นฉันก็เชื่อคุณสักครั้งนึง”
ในที่สุด ฉินเป่ยหานก็พยักหน้ารับปาก
……
ในเวลาเดียวกัน กู้ฉางฉิงไม่ได้รู้ถึงแผนการของคนทั้งสอง
เวลานี้ เธอยังยุ่งอยู่กับการทำงานล่วงเวลาที่บริษัท
ขณะเธอกำลังรีบเร่งอยู่จนมืดค่ำ โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา
“จิงเหยา ดึกขนาดนี้โทรมาหาฉัน มีเรื่องอะไรหรอ?”
ใช่แล้ว สายที่โทรเข้ามาคือเฟิงจิงเหยา
“คุณยังอยู่ที่บริษัทหรอ?”
เขากล่าวถามด้วยเสียงเบาๆ
กู้ฉางฉิงมองผลิตภัณฑ์แบบกึ่งสำเร็จรูปที่วางบนโต๊ะส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: “ยังมีงานที่ทำไม่เสร็จนิดหน่อย คงกลับไปดึกหน่อย”
เฟิงจิงเหยาได้ยิน ก็หรี่ตาทั้งคู่เล็กน้อย
“ดังนั้นคุณก็ไม่ได้ทานข้าวเย็นอีกแล้ว”
ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการยืนยัน
กู้ฉางฉิงเม้มปากหน้าเหยเก: “เอ่อ….ยุ่งจนลืม”
เฟิงจิงเหยารู้ว่าเป็นแบบนี้ ในสายตาจนปัญญาในชั่วพริบตาแล้วตัวเขาเองก็หลงใหลโดยไม่ได้ค้นพบ
“คุณลงมาชั้นล่างตอนนี้”
หลังจากที่เขาพูดออกมา กู้ฉางฉิงก็ตกตะลึง
“คุณจะมารับฉันหรอ?”
เฟิงจิงเหยากล่าวหัวเราะเบาๆว่า: “ฉันอยู่ด้านล่างตึกของคุณแล้ว ให้เวลาคุณสามนาที ฉันจะรอดูคุณอยู่หน้าประตู”
พูดจบ เขาก็วางสายไป
กู้ฉางฉิงมองโทรศัพท์ที่วางสายไป ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าคนๆนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ แต่ในใจก็หวานชื่น
เธอเก็บงานสองสามอย่างในมือ หิ้วกระเป๋าเดินออกจากบริษัท
รอเธอขึ้นนั่งบนรถ เฟิงจิงเหยาก็ออกรถพาเธอไปร้านอาหาร
ที่ร้านอาหาร อันที่จริงกู้ฉางฉิงอยากถามเขาอย่างมากว่า ทำไมเขาถึงอยากมารับตนเอง
แต่ก็กลัวว่าตนเองถามไปแล้ว ก็จะเหมือนว่าคิดเข้าข้างตัวเอง บนใบหน้าก็สับสนยุ่งเหยิง
เฟิงจิงเหยามองสีหน้าท่าทีการแสดงออกของเธอ กล่าวถามว่า: “เป็นอะไรหรือเปล่า?”
กู้ฉางฉิงส่ายหน้า: “ไม่เป็นไร”
เฟิงจิงเหยาเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ถามอีก ก็ถามเรื่องความร่วมมือของบริษัทขึ้นมา
กู้ฉางฉิงเริ่มแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัวแล้วรายงานให้เขาทราบ แต่พูดถึงการออกแบบเบื้องหลัง ก็คล้ายกับเปิดหีบเสียง พูดจาฉะฉาน
เฟิงจิงเหยาก็เป็นผู้ฟังที่ดีมากคนนึง บางครั้งก็พูดเสนอความเห็นออกมาสองคำ แต่ก็ตรงประเด็น ทำให้กู้ฉางฉิงรักในสิ่งที่ได้รับมา
พอกลับถึงตระกูลเฟิง กู้ฉางฉิงยังคงอารมณ์ค้างอยู่ จึงดึงเฟิงจิงเหยาคุยอีกเป็นเวลานาน นี่จึงพบว่าดึกมากแล้ว
“คุณพระ ดึกขนาดนี้แล้ว พรุ่งนี้เช้ายังต้องมีประชุมอีก”
เธอพูดพลางหยิบชุดนอนวิ่งเข้าห้องน้ำไป
ไม่นาน เธอก็ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็สวมชุดนอนออกมา
ถึงแม้ชุดนอนจะปกปิดไว้ แต่ก็ปิดบังรูปร่างที่ดีของเธอไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะขาที่ปรากฎออกมาด้านนอก ทั้งเรียวยาวทั้งขาว
แน่นอนในความสมบูรณ์แบบก็มีข้อบกพร่องก็คือที่ๆได้รับบาดเจ็บบนขาของเธอ
สองสามวันมานี้ บาดแผลบนขาของเธอดีขึ้นเกือบหมดแล้ว เริ่มเป็นรอยแผลเป็นแล้ว เพียงแต่ดูเหมือนจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้
เฟิงจิงเหยามองรอยแผลเป็นที่คล้ำนั้น ในสายตาก็มืดมน
เขาหยิบยาทาจากในกระเป๋าเอกสาร ก็ยื่นให้
“นี่เป็นยาลบรอยแผลเป็น ฉันเอามาจากฮั้วเฉิน บอกว่าลบรอยแผลเป็นได้ผลดี คุณจำไว้ว่าต้องทาทุกวัน
กู้ฉางฉิงรับมา ใบหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“คุณฮั้วเฉินเป็นหมอจิตวิทยาไม่ใช่หรอ?”
“หมอจิตวิทยารักษาอย่างอื่นไม่ได้หรอ?”
เฟิงจิงเหยาถามกลับประโยคนึง ทำให้กู้ฉางฉิงสะอึกไป
เขาเห็นกู้ฉางฉิงไม่พูดจา ก็เร่งรัดให้เธอทายาอีก
กู้ฉางฉิงมองยาทาในมือ มองผู้ชายตรงหน้าที่แสดงออกเย็นชาแต่ใจร้อนอีกครั้ง ช่วงเวลานึง ใจก็เหมือนกับได้ดื่มน้ำผึ้ง ช่างหวานชื่น
ขณะที่เธอทายา เฟิงจิงเหยาก็เหมือนจะคิดอะไรได้ จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า: “เออใช่ อีกสองสามวันก็จะเป็นวันเกิดคุณ คุณคิดไว้หรือยังว่าอยากได้อะไร?”