สองวันต่อมา คลื่นสงัดลมสงบ
เพราะกู้ฉางฉิงไม่ได้นึกถึงวันเกิด กับเรื่องนี้ไม่ได้นำมาใส่ใจ บวกกับเรื่องบริษัทที่มีมาก ก็ลืมเรื่องในสมองไปได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้ พอดีเธอกำลังจะเลิกงานกลับไป แต่ก็ได้รับโทรศัพท์จากกู้หงเซิน ให้เธอเข้าไปพบเขา
ในก้นบึ้งของหัวใจกู้ฉางฉิงคือไม่อยากไปพบ แต่จะเป็นการขัดกับข้อตกลงในตอนแรก
“เรื่องอะไร?”
เธอไปตามนัดที่ร้านกาแฟ มุ่งตรงเข้าไปนั่ง ก็ไม่ได้ทักทายคนมุ่งตรงเข้าประเด็นสำคัญ
กู้หงเซินมองท่าทีนี้ของเธอ ขมวดคิ้ว
“นี่คุณทำท่าทีอะไร พบคนก็ไม่รู้จักทักทายหรอ?”
เขาแสดงท่าทีเป็นผู้อาวุโสเพื่อต้องการสั่งสอน กู้ฉางฉิงตัดบทด้วยความรำคาญ
“ถ้าคุณจะเรียกฉันมา เพื่อสั่งสอนฉัน ต้องขอโทษด้วยฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้น”
เธอพูดจบ ก็ทำท่าทางลุกขึ้นเตรียมจะออกไป
กู้หงเซินโมโหมาก: “หยุด!”
กู้ฉางฉิงหยุดชะงัก เลิกคิ้วมองเขา: “คุณกู้อยากพูดแล้วหรอคะ?”
กู้หงเซินอึดอัดกลัดกลุ้ม แต่คิดถึงเรื่องที่จะกล่าวต่อไป ก็ทำได้เพียงอดกลั้นความโกรธไว้
“นั่งลง!”
เขามองกู้ฉางฉิงด้วยสีหน้าเฉียบขาดแล้วกล่าวสั่ง
กู้ฉางฉิงก็ไม่ดื้อรั้น นั่งลงตามคำสั่ง
ถึงอย่างไรการทะเลาะกันก็ไม่สบายใจจริงๆ คนที่เสียเปรียบก็คือเธอ
“พูดเถอะ อยากพบฉันเรื่องอะไร?”
เธอกล่าวถามอย่างเย็นชาอีกครั้ง
กู้หงเซินมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา พูดถึงวัตถุประสงค์ในการมาวันนี้
“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของกู้ฉางซิน วันเกิดเธอทุกปีฉันจะจัดงานให้เธออย่างยิ่งใหญ่ ปีที่แล้วแต่งงานเข้าตระกูลเฟิงไป ก็ยิ่งใหญ่!”
เขาพูดถึงตรงนี้ ก็หยุดชะงักลง: “ดังนั้นปีนี้คงจะต้องไม่แตกต่าง ที่พิเศษคือเฟิงจิงเหยากลับมาแล้ว จะต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน ถึงเวลานั้นก็จะต้องเชิญคนมีเชื่อเสียงของเมืองหลวงเข้ามา ด้วยชื่อเสียงของตระกูลเฟิง ไม่ต้องกลัวว่าบุคคลเหล่านั้นจะไม่รับคำเชิญ”
กู้ฉางฉิงฟังเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดที่เขาพูด ในใจก็ไม่มีความรู้สึกความเข้าใจ
ชัดเจนว่าเป็นลูกสาวของเขาเหมือนกัน แต่คนนึงคือฟ้า คนนึงคือดิน ถูกเขาปฏิบัติอย่างแตกต่าง เขายังไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย
เธอบอกกับตัวเอง ไม่ต้องไปใส่ใจมาก ถึงอย่างไรเรื่องนี้เธอก็มองเห็นชัดมาตั้งนานแล้ว
แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยาะเย้ยอยู่ในใจ
เธอมองกู้หงเซินอย่างเย็นชา กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: “คุณพูดกับฉันตั้งมากมายล้วนไม่มีประโยชน์ ขณะนี้ฉันแต่งงานเข้าตระกูลเฟิง นี่คือเรื่องที่ตระกูลเฟิงต้องกังวล ถึงที่สุดจะพะวักพะวงยังไง ก็ยังต้องให้คุณนายเฟิงที่เป็นแม่หลักของตระกูลพูดถึงจะถูก”
กู้หงเซินได้ยินคำพูดที่ตอกหน้าเล็กน้อย
หลังจากคิดๆแล้วก็จริง ถึงอย่างไรตอนนี้กู้ฉางฉิงก็เป็นลูดสะใภ้ของตระกูลเฟิง ตระกูลเฟิงคงไม่สามารถไม่ใส่ใจเรื่องนี้ได้
กู้ฉางฉิงเห็นว่าเขาเห็นด้วยกับคำพูดของตนเอง ตัดบทความคิดชี้ให้เห็นอย่างกระจ่างชัดเกี่ยวกับงานวันเกิดแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
ไม่เช่นนั้นทำตามคำเรียกร้องแบบนี้ของเขาต่อไป เกรงว่าเธอกลับไปก็จะถูดคุณนายเฟิงพวกเธอพูดฉีกหน้าอีก
เธอคิดพลาง ก็นึกถึงเรื่องอีกเรื่องนึง เม้มปากแล้วกล่าวว่า: “แล้วก็ วันเกิดวันนั้น ฉันอยากไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล”
กู้หงเซินได้ฟังถึงคำพูดนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ปฏิเสธโดยไม่คิด
“ไม่ได้ คุณอย่าลืมฐานะของคุณตอนนี้ แล้วเรื่องก่อนหน้านี้ก็เกือบจะถูกเปิดโปงอีก!”
กู้ฉางฉิงกัดริมฝีปาก พยายามจะขอให้ได้ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ถูกกู้หงเซินตัดบท
“อีกทั้งวันนั้นเป็นวันสำคัญของกู้ฉางซิน ตอนนี้คุณแสดงเป็นเธอ อย่าทำเรื่องผิดพลาดจนทำให้เกิดช่องโหว่เด็ดขาด!”
เขาพูดจบ ก็ใช้น้ำเสียงที่เหมือนให้ทานกล่าวต่อไปว่า: “จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่บารมีของฉางซิน คุณจะได้มีงานเลี้ยงวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน ฉันคิดว่าคุณคงทำได้แบบนี้ครั้งเดียว เสพสุขให้ดีๆเถอะ อย่าคิดจะไปทำบ้าๆบอๆ ก่อเรื่องให้ฉันเดือดร้อน”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดที่ทำให้อับอายขายหน้านี้ ก็โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
เธอคว้ากระเป๋าถือ ลุกขึ้นจากโซฟาทันที ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าวกับกู้หงเซินว่า: “ต้องขอโทษจริงๆ เรื่องเหล่านี้ที่คุณพูด ฉันไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดเดียว!”
พูดจบ เธอก็ไม่สนใจสีหน้าที่เคร่งขรึมของกู้หงเซิน มุ่งตรงออกไป
ตลอดทางกลับถึงตระกูลเฟิงเธอโกรธจนหายใจไม่ทัน อารมณ์ยังคงไม่ดี
โดยเฉพาะคือนึกถึงคำพูดที่ทำให้อับอายเหล่านั้นของกู้หงเซิน ทำให้เธอโกรธแม้แต่ข้าวก็ทานไม่ลง ไปนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ศาลาสวนดอกไม้ด้านหลัง
เธอกำลังคิดว่า เธอเริ่มต้นก็ผิดแล้วหรือเปล่า
ไม่ควรจะไปหาผู้ชายคนนั้น
แต่ไม่ไปหาเขา เธอก็ไม่มีลู่ทางที่จะช่วยชีวิตแม่โดยสิ้นเชิง
และอีกอย่าง ที่ในตอนแรกรับปากผู้ชายคนนั้นเพื่อมาแทนกู้ฉางซิน เธอก็รู้ว่านี่คือความร่วมมือที่ไม่เสมอภาคอย่างนึง
ดังนั้นขณะนี้จะได้รับความอับอายขายหน้าอะไรก็ตาม ล้วนไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของเธอ เธอไม่ได้มีความเศร้าเสียใจอะไร ไม่ใช่หรอ?
ก็ไม่รู้ว่านี่คือการปลอบใจตนเองหรือเปล่า ความโกรธภายในใจกู้ฉางฉิงก็ค่อยๆสงบลงมา
จริงๆก็หวังว่าเวลาจะผ่านไปเร็วหน่อย สามารถทำให้เธอจบสิ้นกับความร่วมมืออันสุดที่จะทนนี้โดยเร็ว
เธอเงยหน้ามองความมืดยามคำคืนแล้วก็ทอดถอนใจ
มองบนท้องฟ้านั้น ดาวเต็มท้องฟ้า ดูสวยอย่างยิ่ง
เธอจ้องมองสถานที่ที่อยู่ไกลโพ้น ข้างกายมีลมพัดเย็นสบาย พัดกระจายความกลัดกลุ้มในใจของเธอได้ไม่น้อย
พอดีที่เธอคิดว่าจะเดินกลับไปช้า แต่ก็ได้เห็นรูปร่างสูงยาวเข่าดีเดินมุ่งตรงมายังเธอ
เพียงเห็นคนๆนั้นที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ ก็ปรากฎให้เห็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขา
แสงไฟทางเดินที่สลัวด้านหลังส่องมาบนร่างกายของเขา ราวกับข้ามผ่านแสงสีทอง ทำให้คนละสายตาไปไม่ได้
กู้ฉางฉิงมองอย่างลุ่มหลง จนกระทั่งคนๆนั้นเดินมาถึงตรงหน้า
“ได้ยินพ่อบ้านบอกว่า เมื่อเย็นคุณไม่ทานข้าวอีกแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า?”
กู้ฉางฉิงดึงสติกลับมา ในสายตาขัดเคือง
ชัดเจนว่าก็เห็นกันอยู่ทุกวัน ทำไมเธอมองผู้ชายคนนี้อย่างใจลอยอีกแล้วนะ
เธอแสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วกล่าวว่า: “ไม่เป็นไร ก็คือสร้างผลงานเมื่อตอนกลางวัน ไม่มีแรงบันดาลใจอะไร อารมณ์เลยหงุดหงิดเล็กน้อย”
เฟิงจิงเหยาก็ไม่ได้สงสัย เขารู้ดีว่าพวกนักออกแบบจะรู้สึกโมโหมากเวลาที่แรงบันดาลใจติดขัด
“คุณไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆทำ ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทก็คงที่แล้ว อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป”
เขากล่าวปลอบโยน กู้ฉางฉิงรู้ว่าเขากำลังเป็นห่วงตนเอง กระแสไออุ่นก็หลั่งไหลเข้ามาในใจอีกครั้ง
“ฉันรู้”
เธอพยักหน้าตอบรับ
พอดีที่เธอกำลังคิดที่จะกลับไปด้วยกันกับเฟิงจิงเหยา ก็ได้ยินเขาเอ่ยเรื่องวันเกิดขึ้นมาทันที
“เออใช่ วันเกิดคุณ ฉันได้สั่งให้พ่อบ้านไปดำเนินการแล้วนะ คุณมีอะไรที่ต้องการไหม?”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไป มองความตั้งใจในสายตาของเขา ส่ายหน้าอย่างพูดไม่ออกว่ารู้สึกอะไรภายในใจ
“ไม่ต้องการอะไร คุณให้พ่อบ้านจัดการเถอะ”
เฟิงจิงเหยาฟังถึงคำพูดนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับว่าไม่ค่อยพอใจกับคำตอบครั้งนี้เล็กน้อย
รู้สึกมาตลอดว่าท่าทีของกู้ฉางฉิงกับงานเลี้ยงวันเกิดไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนกับที่เขียนไว้ในข้อมูล
แต่กู้ฉางฉิงไม่ได้ใส่ใจ เวลานี้เธอกำลังตกอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของตนเองอย่างจนปัญญาที่จะถอนตัว
ชัดเจนว่าเฟิงจิงเหยาจัดการงานเลี้ยงวันเกิดให้เธอ เธอควรจะดีใจ แต่เธอก็จนปัญญาที่จะยิ้มออกมา
เพราะเธอรู้ว่า สาเหตุที่เฟิงจิงเหยาดำเนินการให้ ทั้งหมดก็เพราะว่าเธอคือกู้ฉางซิน และไม่ใช่เธอกู้ฉางฉิง
เธอคิดถึงตรงนี้ ในใจก็รู้สึกหดหู่เสียใจขึ้นมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้
เดี๋ยวนะ กู้ฉางฉิงคุณจะรู้สึกหดหู่ทำไม? เสียใจทำไม?
เธอรู้สึกว่าตนเองป่วยไม่เบาเลยจริงๆ อินกับบทมากเกินไป ก็รู้ชัดเจนอยู่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นของเธอ แต่ก็ยังคิดเพ้อเจ้อ
กู้ฉางฉิง อย่าคิดเลย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นของคุณโดยสิ้นเชิง!
ไม่ว่าเฟิงจิงเหยาคนๆนี้ หรือว่างานเลี้ยงวันเกิด ล้วนไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะวาดฝัน
อีกทั้งปีที่แล้วๆมาเธอและแม่สองคนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ ทำไมตอนนี้เปลี่ยนเป็นความโลภได้ขนาดนี้ล่ะ?