ู้ฉางฉิงถูกดึงโดยไม่มีการบอกล่วงหน้าแม้แต่น้อย โซซัดโซเซไปสองสามเก้าจึงได้สติกลับมา
เธอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้าเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไป
ไม่อยากเห็นสายตาของลู่ซือหยี่ที่จ้องมองเธออย่างดุดัน
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกยิ้มมุมปากของเธอเพื่อเหยียดหยาม แล้วตามเฟิงจิ่งเหยาออกไปทันที
ลู่ซือหยี่เห็นรอยยิ้มที่ยั่วยุเช่นนั้น ก็โกรธจนแทบระเบิด
แต่เป็นเพราะนายท่านเฟิงอยู่ด้วย เธอก็ได้แค่อดกลั้นความโกรธไว้
เธอเพียงแต่ปฏิญาณในใจ รอให้เรื่องนี้ผ่านไป เธอจะทำให้นังสารเลวนี่ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!
อีกด้านหนึ่ง กู้ฉางฉิงยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะการยั่วยุของเธอ ทำให้ลู่ซือหยี่โกรธอย่างที่ที่สุด
หลังจากที่เธอออกจากห้องรับรองมากับเฟิงจิ่งเหยา เฟิงจิ่งเหยาใบหน้าเคร่งขรึมตลอดทาง ทำให้น่าตกใจกลัวอย่างมาก
“เอาน่า อย่าโกรธเลย”
เธออดไม่ได้ที่จะปลอบเขา ทำให้เฟิงจิ่งเหยามองมา
เฟิงจิ่งเหยาเห็นกู้ฉางฉิงสีหน้าปกติ ก็คิ้วขมวดเล็กน้อย
“เกิดเรื่องเช่นนี้ คุณไม่โกรธเลยหรอ?”
กู้ฉางฉิงรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ก็ตกตะลึงเล็กน้อย ยิ้มเบาๆพูดว่า : “ใครบอกว่าไม่โกรธล่ะ”
เธอพูดจบ น้ำเสียงก็เปลี่ยนไป พูดอย่างจนปัญญาว่า : “แต่เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการโกรธ ยังจะหาโทษมาให้ตนเอง ใจเย็นๆน่าจะดีกว่านะ”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังเหตุผลข้างๆคูๆของเธอ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ : “คุณนี่ใจกว้างดี”
กู้ฉางฉิงยักไหล่ : “ก็คุณไม่ได้พูดหรอ ว่ารอสามสัปดาห์ หลังจากสามสัปดาห์ ทุกอย่างก็จะเห็นผลเอง อีกอย่างฉันก็เชื่อคุณ”
ประโยคสุดท้าย เธอจ้องมองเฟิงจิ่งเหยาแล้วพูด
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ดวงตาที่จริงจังของเธอ ในใจก็ไม่รู้ว่าทำไม ถึงหวั่นไหวไปแล้ว
ผู้หญิงซื่อบื้อคนนี้……
เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ มองผู้หญิงตรงหน้า กวาดสายตามองไปที่งานเลี้ยงแสนคึกคักที่อยู่ไม่ไกล ฉับพลันก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เขาดึงหูกระต่ายออก มองกู้ฉางฉิง สายตาที่เคลื่อนไหวจนกู้ฉางฉิงมองอารมณ์ไม่ออก
กู้ฉางฉิงตกตะลึง เมื่อน้ำเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้นข้างๆหู
“เป็นวันเกิดที่หาได้ยากของคุณ ทว่ากลับเกิดเรื่องที่ไม่มีความสุขเช่นนี้ ไปเถอะ ฉันจะพาคุณไปเดินเล่นข้างนอก”
กู้ฉางฉิงสติกลับมา นึกถึงเรื่องเมื่อกี้นี้ ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ต่อไปอีกแล้ว
แต่เธอมองไปที่งานเลี้ยงที่คึกคักข้างหน้า พูดอย่างกังวลใจว่า : “เราไปกันเช่นนี้ แม่จะไม่ว่าอะไรหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาทำน้ำเสียงไม่พอใจ ไม่ได้ตอบเธอกลับ แต่ลากเธอเดินออกไปโดยตรง
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็เข้าใจความหมายของเขา ชั่วขณะความไม่สบายใจในใจก็ถูกโยนทิ้งไว้ข้างหลัง
เธอเดินตามเฟิงจิ่งเหยาออกไปจากโรงแรมอย่างเงียบๆ
เดิมทีเธอคิดว่าชายคนนี้จะพาเธอไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าในระแวกนั้น ใครจะรู้ว่าชายคนนี้จะขับรถออกมาไกล เธอมองไปที่ถนนด้านนอกที่มืดสนิท อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจขึ้นมา
“นี่เราจะไปไหนกัน?”
เฟิงจิ่งเหยาหันมามองเธอ พูดอย่างลึกลับว่า : “รอให้ไปถึง แล้วคุณจะรู้เอง”
พูดจบ เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดเสริมว่า : “ถ้าหากว่าล้า คุณก็เอนนอนไปสักพักได้นะ”
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจริงๆ ก็เลยเอนเบาะหลังหลับตาพัก
เฟิงจิงเหยามองไปที่ใบหน้าที่หลับใหลของเธอ ค่อยๆปรับความเร็วรถให้คงที่ ในเวลาเดียวกันก็ปรับอุณหภูมิในรถให้สูงขึ้นเล็กน้อย
สิ่งเหล่านี้กู้ฉางฉิงไม่ได้สังเกตุเห็น
เดิมทีเธอแค่อยากพักผ่อนสักพัก ก็ไม่รู้ว่าเพราะคนข้างๆเป็นเฟิงจิ่งเหยาหรือเปล่า ทำให้เธอสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จึงได้หลับไป
ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เฟิงจิงเหยาขับรถขึ้นไปบนยอดเขาในเขตชานเมือง จากนั้นก็หยุดรถและมองไปที่คนข้างๆ
เห็นกู้ฉางฉิงเอนกายนอนหลับพิงพนักเก้าอี้โดยไม่ได้ระวังเลยแม้แต่น้อย แก้มนวลๆขาวอมชมพูรางกับเยลลี่ กลิ่นหอมๆฟุ้งออกมาในเวลาเดียวกันก็ทำให้คนอดไม่ได้ที่อยากจะกัดสักคำหนึ่ง
เฟิงจิ่งเหยามองดูอย่างหลงใหล กู้ฉางฉิงที่หลับอยู่ ก็รู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งกำลังจ้องมองตนเองอยู่
ในชั่วพริบตา เธอลืมตามาก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่ขยายใหญ่ ก็ตกใจจนกระโดด
“ฟู่……เฟิงจิ่งเหยา รู้ไหมว่าตกใจแทบตายเลย!”
หลังจากที่เธอเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า เธอก็โกรธจนอารมณ์เสีย
เฟิงจิ่งเหยาสติกลับมา ชั่วขณะก็มีสีหน้าไม่สบายใจ แต่ก็รีบหยุดยั้งไว้
“ใครจะรู้ว่าจู่ๆคนจะตื่นขึ้นมา”
เขาพูดอย่างเย็นชา แต่ในน้ำเสียงยังคงมีรอยยิ้มที่ปิดบังไว้
ดูเหมือนว่าเมื่อเห็นกู้ฉางฉิงตื่นตกใจแล้ว ทำให้อารมณ์เขาดีขึ้นไม่น้อย
แน่นอนว่ากู้ฉางฉิงยังคงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้
เธอทำท่าผลักเฟิงจิงเหยาด้วยท่าทางโกรธเพื่อลงจากรถ ทว่าเห็นเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ก็อดประหลาดใจไม่ได้
“ทำไมคุณมาบนภูเขาล่ะ?”
เฟิงจิ่งเหยามองความหลาดใจในแววตาของเธอ เลิกคิ้วพูดว่า : “ไม่ได้บอกว่าพวกผู้หญิงชอบดูดาวหรอ?”
เขาพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองบนหัว เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า กระพริบระยิบระยับสวยงาม
เป็นธรรมดาที่กู้ฉางฉิงจะถูกปรากฏการณ์ทำให้ประหลาดใจ
เดิมทีอารมณ์ที่หงุดหงิดในเวลานี้ก็ผ่อนคลายลงมาก
จะมีก็แต่เรื่องที่บกพร่องเล็กๆน้อยๆ เวลานี้เธอสวมชุดราตรีอยู่ ลมพัดผ่านโดยรอบ ไม่นาน เธอก็หนาวจนตัวสั่น
ในเวลานี้ เสื้อโค้ทอุ่นๆก็ถูกคลุมไว้บนตัวเธอ
กู้ฉางฉิงหันกลับไปมอง ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สองมือล้วงกระเป๋ายืนอยู่ข้างๆเธอ
เธอมองดูแล้ว ก็อดหัวเราะไม่ได้
“คุณหัวเราะอะไร?”
เฟิงจิ่งเหนาได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ ก็มองไปอย่างสงสัย
กู้ฉางฉิงกระพริบตา อมยิ้มพูดว่า : “อืม……ไม่ได้หัวเราะอะไร ก็แค่รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย”
เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้ว ในแววตาก็สงสัยมากขึ้น
กู้ฉางฉิงหัวเราะพูดว่า : “ก็ไม่ใช่ว่าคุณพาฉันมาดูดาวหรอ? ฉันรู้สึกว่านี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณสามารถจะทำได้สักนิด”
เฟิงจิ่งเหยียนได้ยิน ก็หัวเราะเบาๆ
“นี่จะมีอะไร บางครั้งฉันมีบางอย่างที่ต้องคิดเงียบๆ ก็จะมาที่นี่”
กู้ฉางฉิงไก้ฟังคำพูดนี้ ไม่รู้ว่าทำไม ในใจก็แอบมีความสุขเล็กน้อย
นี่นับว่าเธอได้แอบมาถึงฐานที่ลับของเฟิงจิ่งเหยาแล้วใช่ไหม?
เธอกำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว
ไม่นาน ก็ดึกมากแล้ว และวันเกิดของกู้ฉางฉิงก็ผ่านไปแล้ว
กู้ฉางฉิงถูกลมเย็นๆพัดมา อดไม่ได้ที่จะจาม
“เป็นหวัดหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยามองเธออย่างเป็นห่วง
“น่าจะไม่นะ”
กู้ฉางฉิงพูดอย่างลังเล
เฟิงจิ่งเหยาเม้มปาก ตัดสินใจกลับ
กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงอย่างไรเวลาก็ดึกมากแล้ว
เมื่อพวกเขากลับไปที่เขตเมือง ทว่ากู้ฉางฉิงก็หิวเล็กน้อย
“อือ……ฉันหิวนิดหน่อย เราไปหาอะไรกินกันหน่อยดีไหม?”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ปฏิเสธ เอ่ยถามว่า : “คุณอยากกินอะไรล่ะ?”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ ก็อดที่จะครั่นคิดไม่ได้
เวลานี้ เกรงว่าหลายๆร้านจะปิดหมดแล้ว
“ช่างเถอะ จุดนี้น่าจะไม่มีร้านอะไรเปิดแล้ว เรากลับไปทำอาหารกินเองเถอะ”
เธอพูดอย่างยอมแพ้ ใครจะรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ขับรถกลับไป แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
เขาวางสายไป แล้วเขาขับรถพากู้ฉางฉิงไปที่ร้านอาหารตะวันตกระดับไฮเอนด์
เห็นว่าร้านอาหารตกแต่งอย่างวิจิตรและหรูหรามาก ในความหรูหราก็ไม่สูญเสียสไตล์ไป
ที่สำคัญคือในร้านมีพวกเขาแค่สองคน อีกทั้งโดยรอบดูเหมือนจัดวางไว้อย่างดี จุดเทียนไว้จำนวนมาก มีกุหลาบโปรยปรายอยู่ในนั้น
เฟิงจิ่งเหยาจูงกู้ฉางฉิงเดินเข้าไปในห้องอาหารแล้วนั่งลง บริกรที่รออยู่ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารในเวลานี้
เสิร์ฟทีละจานๆจนครบ ไวโอลินก็เดินเข้ามาแสดงสดข้างๆพวกเขาด้วยเสียงดนตรีเบาๆอย่างไพเราะ
กู้ฉางฉิงจ้องมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความงุนงง ถูกสภาพแวดล้อมราวกับฝันเช่นนี้ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่หยุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาตรงหน้า เดิมทีทะเลที่เงียบสงบในใจก็เริ่มก่อคลื่นกระเพื่อมขึ้นมา
ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่ปรารถนาที่จะตื่นจากความฝันนี้เลย