ลู่ซือหยี่มีการรับปากของคุณนายเฟิง ทันทีก็หยุดร้องไห้ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “เช่นนั้นก็ขอบคุณน้าหมิง เพียงแต่คุณน้าหมิงไม่ต้องรุนแรงกับพี่จิ่งเหยานะ”
คุณนายเฟิงได้ยินว่าถึงเวลานี้แล้วเธอยังไม่ลืมที่จะช่วยเฟิงจิ่งเหยาพูด ในใจก็พึงพอใจอย่างมาก
“สบายใจได้ ไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอก”
เธอกล่าวปลอบใจ หลังจากนั้นก็พูดอีกสองสามคำ ก็วางสายโทรศัพท์แล้วโทรไปหาเฟิงจิ่งเหยา
“มีเรื่องอะไร?”
อย่างรวดเร็ว โทรศัพท์ก็รับสาย เสียงที่เย็นชาของเฟิงจิ่งเหยาดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์
“มีเรื่องอะไร? คุณยังมาถามฉันอย่างไม่ละอายใจได้อีกหรอ?”
คุณนายเฟิงได้ฟังคำพูดของเขา ทันใดก็กล่าวตำหนิขึ้นมาอย่างไม่พอใจ: “ฉันไม่สนใจว่าตอนนี้คุณจะอยู่ที่ไหน ตอนนี้คุณต้องกลับมาหาฉันทันที ซือหยี่รอคุณอยู่ที่บ้านมาครึ่งค่อนวันแล้ว”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินคำพูดนี้แล้ว ในสายตาก็เย็นชาไปชั่วขณะ
“ฉันไม่ได้ใช้ให้เธอรอ”
คุณนายเฟิงกลัดกลุ้มใจ แต่นึกถึงว่าเธอรับปากกับลู่ซือกยี่ไว้ ก็ยังอดทนต่อความโกรธและพูดดีๆว่า: “ใช่ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ให้รอ แต่ตอนนี้คุณก็น่าจะเลิกงานแล้ว ควรจะกลับมาใช่ไหมล่ะ ครอบครัวต้องทานข้าวด้วยกันไม่ใช่หรอ?”
ทำไมเฟิงจิ่งเหยาจะไม่รู้เจตนามี่เธอพูดแบบนี้ กล่าวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
“แม่ ฉันรู้ว่าคุณจะเรียกร้องความสนใจอะไร เพียงแต่ฉันไม่เห็นด้วย บ้านหลังนั้น ในเมื่อคุณอยากให้คนอยู่ อย่างนั้นก็มอบให้พวกคุณ จากนี้ต่อไปฉันกับฉางซินจะอยู่ข้างนอก”
เขาพูดจบ ก็ไม่รอให้คุณนายโต้แย้ง วางสายไปโดยตรง
คุณนายเฟิงเห็นว่าโทรศัพท์ถูกตัดสาย ก็โมโหไม่หยุด
เธออยากจะโทรไปอีกครั้ง แต่เฟิงจิ่งเหยาปิดเครื่องไปแล้ว
สุดท้ายก็หมดหนทาง คุณนายเฟิงทำได้เพียงพูดความจริงกับลู่ซือหยี่
“คุณน้าหมิง คุณบอกว่าพี่จิ่งเหยาพากู้ฉางซินไปอยู่ข้างนอกหรอ?”
ยังไงลู่ซือหยี่ก็คาดไม่ถึงว่าเธอวางแผนมานานขนาดนี้แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะจบลงแบบนี้
เดิมทีเธอก็คิดว่าเข้ามาอยู่ในตระกูลเฟิง ก็จะสามารถอยู่กับพี่จิ่งเหยาได้ตลอด บ่มเพาะความรักความผูกพันธ์ ทำให้พี่จิ่งเหยาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเธอ
เธอคิดวางแผนเสียดิบดีแต่พลาดจนได้ ไม่คาดคิดว่าพี่จิ่งเหยาจะพากู้ฉางซินหญิงชั่วคนนั้นออกไปอยู่ข้างนอก!
เวลาหนึ่ง ในใจของเธอก็ถาโถมความโกรธอย่างรุนแรงและไม่ยินยอม
เพียงแต่ตอนเผชิญหน้ากับคุณนายเฟิง เธอก็ไม่ได้แสดงออกมา กลับในยิ้มอย่างเบิกบานแล้วกล่าวว่า: “คุณน้าหมิง ฉันไม่เป็นไร ฉันสามารถรอให้พี่จิ่วเหยายอมรับฉันได้”
คุณนายเฟิงไม่รู้ความคิดในใจเธอเลยแม้แต่น้อย
เธอเห็นลู่ซือหยี่รู้จักวางตัวเช่นนี้ ก็ทุกข์ใจขึ้นมาทันที รับปากซ้ำว่าจะต้องให้เฟิงจิ่งเหยากลับมาเป็นเพื่อนคุณให้ได้
ลู่ซือหยี่ไม่ได้นำคำรับปากของเธอเอามาใส่ใจ พูดคร่าวๆสองสามคำก็วางสายไป
เธอวางสายโทรศัพท์แล้ว แต่ความโกรธเคืองในใจก็ยากที่จะระงับ
โดยเฉพาะมองไปที่อาหารที่เต็มโต๊ะ ก็ยิ่งรู้สึกขัดตาอย่างอธิบายไม่ถูก
“อ้าก——”
‘เพล้ง’
เธอกรีดร้องออกมา ที่มาพร้อมกับเสียงของเธอคือเสียงของเครื่องลายครามที่แตกสลาย
ห้องอาหารที่เดิมทีสะอาดเรียบร้อยเปลี่ยนเป็นระเกะระกะทันที
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้กู้ฉางฉิงไม่รับรู้
เธอยืนอยู่ที่ห้องรับแขกมองเฟิงจิ่งเหยาถือมือถือกลับมาจากสวนดอกไม้ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง กล่าวถามด้วยความเป็นห่วงว่า: “แม่โทรมาหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาไม่พูดจา แต่คำตอบก็ชัดเจนมากแล้ว
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนทั้งสองจบไม่สวยอย่างแน่นอน
เธอคิดๆแล้วก็กล่าวถามว่า: “พวกเราย้ายออกมาแบบนี้มันไม่ค่อยดีหรือเปล่า?”
เฟิงจิ่งเหยาเงยหน้ามองไปยังเธอ เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: “หรือว่าคุณหวังให้ฉันกลับไป?”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไป ส่ายหน้าด้วยจิตสำนึก
“ไม่ใช่แน่นอน”
เฟิงจิ่งเหยาถอนหายใจเบาๆทีหนึ่ง: “ในเมื่อไม่ใช่ ก็ไม่ต้องถามเรื่องที่ไม่มีประโยชน์เหล่านี้ หลังจากนี้ไปพวกเราจะอยู่ที่นี่”
กู้ฉางฉิงเบ้ปาก ทว่าไม่ได้พูดอะไร
เธอเริ่งพินิจพิเคราะห์ไปรอบๆ ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ไปสักพัก
“เอ๊ะ ในตู้เย็นยังมีวัตถุดิบหรือเปล่า?”
เมื่อเธอเห็นผลไม้สดผักและเนื้อสัตว์ยัดไส้ในตู้เย็นไว้ ก็อดตกใจไม่ได้
“แม้ว่าทางด้านนี้จะมาน้อยมาก แต่ยังให้คนรับใช้มาทำความสะอาดเป็นประจำ แล้วก็จัดซื้อของเติมไว้”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดของเธอ ก็เดินเข้ามา
กู้ฉางฉิงเข้าใจชัดเจน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อาหารค่ำนั้นก็นับว่ามีที่พึ่งพิงแล้ว”
เธอพูดจบ ก็เริ่มค้นหาวัตถุดิบในตู้เย็น
“เราสองคน ฉันทำกับสามอย่าง แล้วแกงอีกหนึ่งอย่าง คุณว่าเป็นอย่างไร?”
ดูเหมือนเธอจะถามโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าทำให้หัวใจของเฟิงจิ่งเหยาอบอุ่นขึ้นมา
“คุณดูๆแล้วทำก็พอ ฉันไม่เกี่ยงหรอก”
เขายากที่จะปกปิดความอ่อนโยนในแววตา พูดอย่างเบาๆ
เป็นธรรมดาที่กู้ฉางฉิงจะพบการเปลี่ยนแปลงในสายตาของเขา ชั่วขณะก็ตกตะลึงเล็กน้อย ใจก็เต้นรัวราวกับกลอง
เธอละสายตาอย่างไม่สบายใจ กระแอมเบาๆพูดว่า : “ฉันไปรอฉันด้านนอกเถอะ อีกสักพักผัดผักแล้วที่นี่จะมีแต่ควัน”
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ใบหน้าเธอที่ดูเขินอาย ใจก็รู้ว่าเธอเบี่ยงเบนตัวเอง
“โอเค ฉันออกไปก่อน ตัวคุณเองก็ระวังหน่อยนะ อย่าให้ตนเองบาดเจ็บล่ะ”
เขาหัวเราะเบาๆ แล้วก็ออกไป
กู้ฉางฉิงมองเขาที่ออกไป ในแววตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
เธอบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง จากนั้นก็เริ่มทำอาหารเย็นของพวกเขา
กับสามแกงหนึ่ง ดูไม่มาก แต่เธอก็เสียเวลาไปไม่น้อย
แต่โดยรวมแล้วผลลัพธ์ยังคงเป็นที่น่าพอใจมากสำหรับเธอ
เธอวางอาหารจานเด็ดสามอย่างลงบนโต๊ะ แล้วก็เรียกเฟิงจิ่งเหยามาทานอาหาร
“อาหารค่ำเสร็จแล้ว ทานได้แล้ว”
เฟิงจิ่งเหยามาตามเสียงเรียก เมื่อเขาเห็นอาหารรสเลิศสามจานที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอม แววตาก็เป็นประกาย
“กลิ่นไม่เลว”
เขานั่งลง ลองชิมดู ก็เลิกคิ้วแล้วชื่นชม
กู้ฉางฉิงเห็นเขาชื่นชม ก็ยิ้มไม่หยุด
เธอพูดอย่างทะนงตัวว่า : “ไหน ก็ไม่ดูล่ะว่าใครเป็นคนทำ”
พูดจบ เธอก็นั่งลงตรงข้ามเฟิงจิ่งเหยาแล้วเริ่มรับประทานอาหาร
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอนั่งประจำที่ เดิมทีดวงตาที่หม่นหมองก็เปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้น
เขานึกถึงข้อมูลที่เขาได้ตรวจสอบหลายครั้งก่อนหน้านี้
ตามหลักในข้อมูลบอกว่ากู้ฉางซินคือคุณหนูที่นิ้วมือทั้งสอบไม่ได้สัมผัสแสงแดดและน้ำเลย แต่คนตรงหน้านี้กลับตรงกันข้าม ในใจอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ จึงเอ่ยถามออกมา
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาของฉันทำอาหารได้ ยังทำอร่อยขนาดนี้ ทำให้ฉันประหลาดใจมากๆเลย”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ เดิมทีที่ทานข้าวอยู่ก็หยุดชะงัก ก้นบึ้งของหัวใจยิ่งยุ่งเหยิงวุ่นวาย
“เอ่อ……คุณไม่รู้มันก็ปกติมาก แม้แต่พ่อของฉันก็ยังไม่รู้ว่าฉันทำอาหารได้”
เธออดทนต่อความตึงเครียดในใจ เงยหน้าขึ้นมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยรอยยิ้ม : “อีกทั้งตอนก่อนที่อยู่ข้างนอก คนอื่นจะเห็นอีกด้านหนึ่งของฉัน ในส่วนตัวฉันเป็นอย่างไร เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้ อีกอย่างฉันมีคนที่ต้องดูแล เรื่องเหล่านี้ฉันก็ไม่มีโอกาสได้ทำ แล้วก็ค่อยๆที่ไม่ชอบจะทำมันแล้ว”
เธอพยายามใช้สมองแบบอย่างขอไปที ท้ายที่สุดก็พูดถึงอดีต
ก็เพราเช่นนี้เฟิงจิ่งเหยาจึงไม่คิดอะไรมาก กำจัดความสงสัยในใจไป
ทั้งสองคนทานอาหารเสร็จ อีกทั้งไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปเดินเล่นด้านนอก
ต้องบอกว่า ยามค่ำคืนทะเลทางคฤหาสน์ด้านนี้มีกลิ่นอายความพิเศษอยู่
เสียงคลื่นที่ดังมาพร้อมกับสายลม พัดมาโดนตัวคน แม้ว่าจะมีกลิ่นคาวเล็กน้อย ทว่าอดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย
กู้ฉางฉิงมองไปที่ทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด มองไปในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้านบน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา