สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 210 อย่าให้ตนเองบาดเจ็บ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ลู่ซือหยี่มีการรับปากของคุณนายเฟิง ทันทีก็หยุดร้องไห้ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “เช่นนั้นก็ขอบคุณน้าหมิง เพียงแต่คุณน้าหมิงไม่ต้องรุนแรงกับพี่จิ่งเหยานะ”

คุณนายเฟิงได้ยินว่าถึงเวลานี้แล้วเธอยังไม่ลืมที่จะช่วยเฟิงจิ่งเหยาพูด ในใจก็พึงพอใจอย่างมาก

“สบายใจได้ ไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอก”

เธอกล่าวปลอบใจ หลังจากนั้นก็พูดอีกสองสามคำ ก็วางสายโทรศัพท์แล้วโทรไปหาเฟิงจิ่งเหยา

“มีเรื่องอะไร?”

อย่างรวดเร็ว โทรศัพท์ก็รับสาย เสียงที่เย็นชาของเฟิงจิ่งเหยาดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์

“มีเรื่องอะไร? คุณยังมาถามฉันอย่างไม่ละอายใจได้อีกหรอ?”

คุณนายเฟิงได้ฟังคำพูดของเขา ทันใดก็กล่าวตำหนิขึ้นมาอย่างไม่พอใจ: “ฉันไม่สนใจว่าตอนนี้คุณจะอยู่ที่ไหน ตอนนี้คุณต้องกลับมาหาฉันทันที ซือหยี่รอคุณอยู่ที่บ้านมาครึ่งค่อนวันแล้ว”

เฟิงจิ่งเหยาได้ยินคำพูดนี้แล้ว ในสายตาก็เย็นชาไปชั่วขณะ

“ฉันไม่ได้ใช้ให้เธอรอ”

คุณนายเฟิงกลัดกลุ้มใจ แต่นึกถึงว่าเธอรับปากกับลู่ซือกยี่ไว้ ก็ยังอดทนต่อความโกรธและพูดดีๆว่า: “ใช่ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ให้รอ แต่ตอนนี้คุณก็น่าจะเลิกงานแล้ว ควรจะกลับมาใช่ไหมล่ะ ครอบครัวต้องทานข้าวด้วยกันไม่ใช่หรอ?”

ทำไมเฟิงจิ่งเหยาจะไม่รู้เจตนามี่เธอพูดแบบนี้ กล่าวปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

“แม่ ฉันรู้ว่าคุณจะเรียกร้องความสนใจอะไร เพียงแต่ฉันไม่เห็นด้วย บ้านหลังนั้น ในเมื่อคุณอยากให้คนอยู่ อย่างนั้นก็มอบให้พวกคุณ จากนี้ต่อไปฉันกับฉางซินจะอยู่ข้างนอก”

เขาพูดจบ ก็ไม่รอให้คุณนายโต้แย้ง วางสายไปโดยตรง

คุณนายเฟิงเห็นว่าโทรศัพท์ถูกตัดสาย ก็โมโหไม่หยุด

เธออยากจะโทรไปอีกครั้ง แต่เฟิงจิ่งเหยาปิดเครื่องไปแล้ว

สุดท้ายก็หมดหนทาง คุณนายเฟิงทำได้เพียงพูดความจริงกับลู่ซือหยี่

“คุณน้าหมิง คุณบอกว่าพี่จิ่งเหยาพากู้ฉางซินไปอยู่ข้างนอกหรอ?”

ยังไงลู่ซือหยี่ก็คาดไม่ถึงว่าเธอวางแผนมานานขนาดนี้แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะจบลงแบบนี้

เดิมทีเธอก็คิดว่าเข้ามาอยู่ในตระกูลเฟิง ก็จะสามารถอยู่กับพี่จิ่งเหยาได้ตลอด บ่มเพาะความรักความผูกพันธ์ ทำให้พี่จิ่งเหยาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเธอ

เธอคิดวางแผนเสียดิบดีแต่พลาดจนได้ ไม่คาดคิดว่าพี่จิ่งเหยาจะพากู้ฉางซินหญิงชั่วคนนั้นออกไปอยู่ข้างนอก!

เวลาหนึ่ง ในใจของเธอก็ถาโถมความโกรธอย่างรุนแรงและไม่ยินยอม

เพียงแต่ตอนเผชิญหน้ากับคุณนายเฟิง เธอก็ไม่ได้แสดงออกมา กลับในยิ้มอย่างเบิกบานแล้วกล่าวว่า: “คุณน้าหมิง ฉันไม่เป็นไร ฉันสามารถรอให้พี่จิ่วเหยายอมรับฉันได้”

คุณนายเฟิงไม่รู้ความคิดในใจเธอเลยแม้แต่น้อย

เธอเห็นลู่ซือหยี่รู้จักวางตัวเช่นนี้ ก็ทุกข์ใจขึ้นมาทันที รับปากซ้ำว่าจะต้องให้เฟิงจิ่งเหยากลับมาเป็นเพื่อนคุณให้ได้

ลู่ซือหยี่ไม่ได้นำคำรับปากของเธอเอามาใส่ใจ พูดคร่าวๆสองสามคำก็วางสายไป

เธอวางสายโทรศัพท์แล้ว แต่ความโกรธเคืองในใจก็ยากที่จะระงับ

โดยเฉพาะมองไปที่อาหารที่เต็มโต๊ะ ก็ยิ่งรู้สึกขัดตาอย่างอธิบายไม่ถูก

“อ้าก——”

‘เพล้ง’

เธอกรีดร้องออกมา ที่มาพร้อมกับเสียงของเธอคือเสียงของเครื่องลายครามที่แตกสลาย

ห้องอาหารที่เดิมทีสะอาดเรียบร้อยเปลี่ยนเป็นระเกะระกะทันที

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้กู้ฉางฉิงไม่รับรู้

เธอยืนอยู่ที่ห้องรับแขกมองเฟิงจิ่งเหยาถือมือถือกลับมาจากสวนดอกไม้ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง กล่าวถามด้วยความเป็นห่วงว่า: “แม่โทรมาหรอ?”

เฟิงจิ่งเหยาไม่พูดจา แต่คำตอบก็ชัดเจนมากแล้ว

กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนทั้งสองจบไม่สวยอย่างแน่นอน

เธอคิดๆแล้วก็กล่าวถามว่า: “พวกเราย้ายออกมาแบบนี้มันไม่ค่อยดีหรือเปล่า?”

เฟิงจิ่งเหยาเงยหน้ามองไปยังเธอ เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: “หรือว่าคุณหวังให้ฉันกลับไป?”

กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไป ส่ายหน้าด้วยจิตสำนึก

“ไม่ใช่แน่นอน”

เฟิงจิ่งเหยาถอนหายใจเบาๆทีหนึ่ง: “ในเมื่อไม่ใช่ ก็ไม่ต้องถามเรื่องที่ไม่มีประโยชน์เหล่านี้ หลังจากนี้ไปพวกเราจะอยู่ที่นี่”

กู้ฉางฉิงเบ้ปาก ทว่าไม่ได้พูดอะไร

เธอเริ่งพินิจพิเคราะห์ไปรอบๆ ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ไปสักพัก

“เอ๊ะ ในตู้เย็นยังมีวัตถุดิบหรือเปล่า?”

เมื่อเธอเห็นผลไม้สดผักและเนื้อสัตว์ยัดไส้ในตู้เย็นไว้ ก็อดตกใจไม่ได้

“แม้ว่าทางด้านนี้จะมาน้อยมาก แต่ยังให้คนรับใช้มาทำความสะอาดเป็นประจำ แล้วก็จัดซื้อของเติมไว้”

เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดของเธอ ก็เดินเข้ามา

กู้ฉางฉิงเข้าใจชัดเจน ยิ้มแล้วพูดว่า : “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อาหารค่ำนั้นก็นับว่ามีที่พึ่งพิงแล้ว”

เธอพูดจบ ก็เริ่มค้นหาวัตถุดิบในตู้เย็น

“เราสองคน ฉันทำกับสามอย่าง แล้วแกงอีกหนึ่งอย่าง คุณว่าเป็นอย่างไร?”

ดูเหมือนเธอจะถามโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าทำให้หัวใจของเฟิงจิ่งเหยาอบอุ่นขึ้นมา

“คุณดูๆแล้วทำก็พอ ฉันไม่เกี่ยงหรอก”

เขายากที่จะปกปิดความอ่อนโยนในแววตา พูดอย่างเบาๆ

เป็นธรรมดาที่กู้ฉางฉิงจะพบการเปลี่ยนแปลงในสายตาของเขา ชั่วขณะก็ตกตะลึงเล็กน้อย ใจก็เต้นรัวราวกับกลอง

เธอละสายตาอย่างไม่สบายใจ กระแอมเบาๆพูดว่า : “ฉันไปรอฉันด้านนอกเถอะ อีกสักพักผัดผักแล้วที่นี่จะมีแต่ควัน”

เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ใบหน้าเธอที่ดูเขินอาย ใจก็รู้ว่าเธอเบี่ยงเบนตัวเอง

“โอเค ฉันออกไปก่อน ตัวคุณเองก็ระวังหน่อยนะ อย่าให้ตนเองบาดเจ็บล่ะ”

เขาหัวเราะเบาๆ แล้วก็ออกไป

กู้ฉางฉิงมองเขาที่ออกไป ในแววตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ

เธอบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง จากนั้นก็เริ่มทำอาหารเย็นของพวกเขา

กับสามแกงหนึ่ง ดูไม่มาก แต่เธอก็เสียเวลาไปไม่น้อย

แต่โดยรวมแล้วผลลัพธ์ยังคงเป็นที่น่าพอใจมากสำหรับเธอ

เธอวางอาหารจานเด็ดสามอย่างลงบนโต๊ะ แล้วก็เรียกเฟิงจิ่งเหยามาทานอาหาร

“อาหารค่ำเสร็จแล้ว ทานได้แล้ว”

เฟิงจิ่งเหยามาตามเสียงเรียก เมื่อเขาเห็นอาหารรสเลิศสามจานที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอม แววตาก็เป็นประกาย

“กลิ่นไม่เลว”

เขานั่งลง ลองชิมดู ก็เลิกคิ้วแล้วชื่นชม

กู้ฉางฉิงเห็นเขาชื่นชม ก็ยิ้มไม่หยุด

เธอพูดอย่างทะนงตัวว่า : “ไหน ก็ไม่ดูล่ะว่าใครเป็นคนทำ”

พูดจบ เธอก็นั่งลงตรงข้ามเฟิงจิ่งเหยาแล้วเริ่มรับประทานอาหาร

เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอนั่งประจำที่ เดิมทีดวงตาที่หม่นหมองก็เปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้น

เขานึกถึงข้อมูลที่เขาได้ตรวจสอบหลายครั้งก่อนหน้านี้

ตามหลักในข้อมูลบอกว่ากู้ฉางซินคือคุณหนูที่นิ้วมือทั้งสอบไม่ได้สัมผัสแสงแดดและน้ำเลย แต่คนตรงหน้านี้กลับตรงกันข้าม ในใจอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ จึงเอ่ยถามออกมา

“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาของฉันทำอาหารได้ ยังทำอร่อยขนาดนี้ ทำให้ฉันประหลาดใจมากๆเลย”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ เดิมทีที่ทานข้าวอยู่ก็หยุดชะงัก ก้นบึ้งของหัวใจยิ่งยุ่งเหยิงวุ่นวาย

“เอ่อ……คุณไม่รู้มันก็ปกติมาก แม้แต่พ่อของฉันก็ยังไม่รู้ว่าฉันทำอาหารได้”

เธออดทนต่อความตึงเครียดในใจ เงยหน้าขึ้นมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยรอยยิ้ม : “อีกทั้งตอนก่อนที่อยู่ข้างนอก คนอื่นจะเห็นอีกด้านหนึ่งของฉัน ในส่วนตัวฉันเป็นอย่างไร เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้ อีกอย่างฉันมีคนที่ต้องดูแล เรื่องเหล่านี้ฉันก็ไม่มีโอกาสได้ทำ แล้วก็ค่อยๆที่ไม่ชอบจะทำมันแล้ว”

เธอพยายามใช้สมองแบบอย่างขอไปที ท้ายที่สุดก็พูดถึงอดีต

ก็เพราเช่นนี้เฟิงจิ่งเหยาจึงไม่คิดอะไรมาก กำจัดความสงสัยในใจไป

ทั้งสองคนทานอาหารเสร็จ อีกทั้งไม่มีอะไรทำ ก็เลยไปเดินเล่นด้านนอก

ต้องบอกว่า ยามค่ำคืนทะเลทางคฤหาสน์ด้านนี้มีกลิ่นอายความพิเศษอยู่

เสียงคลื่นที่ดังมาพร้อมกับสายลม พัดมาโดนตัวคน แม้ว่าจะมีกลิ่นคาวเล็กน้อย ทว่าอดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย

กู้ฉางฉิงมองไปที่ทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด มองไปในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้านบน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท