ความกลัดกลุ้มใจที่กู้ฉางฉิงอัดอั้นไว้ทั้งวันเวลานี้ก็หายไปในที่สุด
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชายที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นชายคนนั้นยืนอยู่ในแสงสียามราตรี
ใบหน้าหล่อเหลาประณีตที่ระบายด้วยแสงยามค่ำคืนยิ่งดูลึกลับมากขึ้น ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะหลงใหล
สักพักกาลเวลาก็สงบนิ่งไป เพียงแต่ถูกโจมตีด้วยสายลมอ่อนๆ
ยามค่ำคืนยิ่งนานยิ่งดึกขึ้น ลมทะเลยิ่งนานยิ่งแรง
กู้ฉางฉิงสวมใม่แค่ชุดบางๆ เดิมทีก็ไม่สามารต้านทานความเย็นได้
ไม่นาน ก็จามไม่หยุด
“ฮัดเช้ย……”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเสียงนี้ ก็ขมวดคิ้วถอดเสื้อโค้ทของตนเองส่งให้
“สวมซะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด”
กู้ฉางฉิงเห็นเสื้อตรงหน้า ก็ไม่ได้อิดออดปฏิเสธ
เฟิงจิ่งเหยารอเธอสวมเสร็จ มองร่างเล็กๆของเธอห่อหุ้มด้วยเสื้อโค้ทตัวใหญ่ของตน หัวใจก็เหมือนถูกเติมจนเต็ม อบอุ่นใจ
“ไปเถอะ เวลาดึกมากแล้ว ควรพักผ่อนแล้ว”
เขาพูดจบ ก็จูงมือกู้ฉางฉิงแล้วเดินกลับ
กู้ฉางฉิงตามหลังเขาอย่างตกตะลึง จากนั้นสายตาก็ตกลงอยู่กับมือที่จับกันของทั้งสองคน บนตัวเธอปลายจมูกยังได้กลิ่นที่เป็นของชายคนนี้
ไม่ได้ปฏิเสธ ว่าเวลานี้เธอตัดใจไม่ลงกับชีวิตเช่นนี้ รวมถึงผู้ชายตรงหน้าด้วย
แต่ว่าในใจเธอก็ชัดเจน ถ้ากู้ฉางซินกลับมาในอนาคต เธอก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
เธอนึกถึงตรงนี้ หัวใจก็เหมือนถูกกรีดด้วยมีดทื่อ มันอึดอัดมากจนเธอหายใจไม่ออก
เฟิงจิงเหยาเขากลับมาที่คฤหาสน์จึงพบว่าตอนนี้อารมณ์ผิดปกติ ขมวดคิ้วถามว่า : “คุณเป็นอะไร?”
กู้ฉางฉิงสติกลับมา ก็ปิดบังอำพรางทันที : “ไม่เป็นไร”
พูดจบ เธอก็พูดว่า : “ไม่ได้บอกว่าต้องการจะพักผ่อนหรอ? คุณไปล้างหน้าบ้วนปากก่อนเถอะ”
เฟิงจิ่งเหยา มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร หันกลับห้องไป
กู้ฉางฉิงเห็นเขาหายไปจากทางเข้า ใบหน้าก็ยิ้มร่าทันที
เธอมาที่บาร์ในห้องรับแขก อดไม่ได้ที่จะเปิดไวน์หนึ่งขวดแล้วดื่ม
หวังว่าจะใช้แอลกอฮอลล์ทำให้เธอมึนเมา เพื่อไม่ให้เธอคิดมาก
เธอไม่ได้ดื่มนาน และดูเวลาที่จะขึ้นไปชั้นบน
แต่ดื่มได้สองสามแก้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอเมาแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงไวน์ที่ถูกเฟิงจิ่งเหยาวางไว้ชั้นบน ทั้งหมดเป็นไวน์ที่ดี มีคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง
เห็นเธอเดินโซซัดโซเซกลับไปที่ห้อง ชนกับเฟิงจิ่งเหยาที่อาบน้ำเสร็จมาพอดี คลุมผมออกมา
“อือ……ทำไมคุณไม่เป่าผม ฉันจะเอาไดร์เป่าผมมาให้คุณ”
เธอเห็นเฟิงจิ่งเหยา ก็เป็นห่วงเป็นใยโดยจิตใต้สำนึก
พูดจบ ก็ไปหาไดร์เป่าผม
เฟิงจิ่งเหยามองท่าทางเธอที่เมาอย่างเห็นได้ชัด ขมวดคิ้วแน่น กำลังอยากจะพูดอะไร ด้านกู้ฉางฉิงนั้นก็หาไดร์เป่าผมเจอแล้วเดินกลับมา
“ทำไมคุณยังยืนอยู่ล่ะ มานั่งทางด้านนี้ ฉันจะช่วยเป่าผมให้คุณ”
เธอดึงเฟิงจิ่งเหยานั่งลงตรงหัวเตียง ก็ไม่ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็เริ่มหยิบไดร์เป่าผมมาเป่าผมให้
เฟิงจิงเหยาสามารถมองเห็นใบหน้าที่จริงจังของเธอผ่านโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ตรงข้ามได้ นิ้วขาวและเรียวยาวยังคงเคลื่อนไปมาบนเส้นผมหนาแน่นของเขาไม่หยุด ด้วยกำลังที่สวายๆทำให้คิ้วของเขาที่เดิมทีขมวดอยู่ก็ค่อยๆคลายออก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลาย นึกถึงภาพที่ไม่สามารถบรรยายได้
เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างผิดปกติกับกู้ฉางฉิงในคืนนี้ จนถึงเธอทำบางสิ่งบางอย่างให้แก่เขา
ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แววตาเป็นประกาย ทันใดนั้นคว้าข้อมือของกู้ฉางฉิง ฉับพลันก็ดึงมาไว้ในอ้อมกอด ก้มหน้าลงไปถามว่า : “คุณเป็นอะไร?”
กู้ฉางฉินเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้มากๆ รวมถึงดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นที่ทำให้เธออาลัยอาวรณ์ เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ก็ยิ้มออกมาทันที
เธอปล่อยไดร์เป่าผมในมือ โอบคอของเฟิงจิ่งเหยา นั่งลงในอ้อมกอดของเขา
และการเข้าใกล้อย่างกะทันหันของเธอ พร้อมกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์บนบนเรือนร่างของเธอ ทำให้เฟิงจิงเหยาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ดวงตาสีดำขลับก็เปลี่ยนเป็นลึกซึ้ง
“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำอะไร?”
เขากล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
กู้ฉางฉิงเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วหัวเราะ ทันใดนั้นก็เข้าใกล้ข้างหูแล้วกล่าวว่า: “รู้อยู่แล้ว ฉันต้องการคุณ…….”
พูดจบ เธอก็มองเฟิงจิ่งเหยาทำตาเยิ้มเล็กน้อย คล้ายกับว่าเชื้อเชิญอย่างเงียบๆ
เฟิงจิ่งเหยาจะคัดค้านได้อย่างไร ในชั่วพริบตา สัตว์ร้ายในร่างกายที่หลับสนิทก็ถูกเธอปลุกให้ตื่นขึ้น
ท้องฟ้าปั่นป่วนผืนดิรแปรปรวนฉับพลัน เหมือนดั่งหมาป่าที่หิวโหยที่กำลังวิ่งหาอาหารมันจับริมฝีปากที่เย้ายวนนั้นได้อย่างแม่นยำ
กู้ฉางฉิงก็เปลี่ยนจากท่าทีที่สงบเสงี่ยมก่อนหน้านี้ เคลื่อนไหวตอบกลับด้วยความเร่าร้อน กระตุ้นให้เฟิงจิ่งเหยาต้องการมันครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งสุดท้ายเธอก็อ่อนระโหยโรยแรงสลบไป จึงปล่อยเธอ
……
วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นมาอย่างซมซาน ปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัว แต่ศีรษะก็ยิ่งรู้สึกไม่สบาย
โดยเฉพาะที่แก้ม แดงมากจนผิดปกติ
เฟิงจิ่งเหยาเห็นได้โดยธรรมชาติ ขมวดคิ้วแน่น
“คุณเป็นไข้แล้ว”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ใช้มือคลำๆหน้าผาก
“คล้ายกับว่าจะเป็นไข้จริงๆ”
เธอมองเฟิงจิ่งเหยาอย่างงุนงง คล้ายกับว่าไม่รู้จะทำยังไง
เฟิงจิ่งเหยาถูกสายตาของเธอมองอย่างอาลัยอาวรณ์แบบนี้ ในใจก็อ่อน กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า: “วันนี้คุณอยู่บ้านพักผ่อนเถอะ ฉันจะไปด้านนอกลองดูว่ามียาลดไข้ไหม”
พูดพลาง เขาก็เดินออกจากห้องไป
ไม่นาน ก็พบว่าเขาถือน้ำอุ่นมาแก้วหนึ่งและยาลดไข้เดินเข้ามา
“คุณทานยาก่อน ตอนเย็นฉันจะให้หมอประจำครอบครัวเข้ามาอีกทีหนึ่ง”
กู้ฉางฉิงรับยามา แต่ปฏิเสธข้อเสนอของเขา เธอไม่อยากรบกวนเขาเพิ่ม
“ขอบคุณ แต่ไม่ต้องให้หมอประจำครอบครัวมาหรอก ทานยาแล้วหลับอีกสักครู่หนึ่ง ถ้าไข้ไม่ลด ฉันค่อยเรียกหมอมา”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอยืนกราน ก็เลยต้องเห็นด้วย
แต่เขาก็ยังโทรศัพท์ไปหาพ่อบ้านที่ทางด้านบ้านใหม่นั้น ให้เขาจัดคนสองสามคนให้เข้ามาดูแลกู้ฉางฉิง แล้วถือโอกาสให้เอาเสื้อผ้าและของใช้ประจำวันของเขาและกู้ฉางฉิงเข้ามาด้วย ต่อไปนี้จะให้พวกเขาทำงานที่นี่
“คุณชายวางใจ ฉันจะจัดการทางนี้ให้”
พ่อบ้านรับคำสั่ง วางสายแล้วเริ่มจัดเตรียม
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พ่อบ้านเก็บของกำลังเตรียมออกจากบ้าน คาดไม่ถึงว่าจะถูกลู่ซือหยี่ที่อยู่ด้านนอกกลับมาเห็น
เธอกวาดสายตามองของที่พ่อบ้านถืออยู่ในมือล้วนเป็นของใช้ของเฟิงจิ่งเหยาและกู้ฉางฉิง รีบเข้าไปขวางแล้วซักถามทันที
“พ่อบ้าน นี่คุณวางแผนจะไปหาพี่จิ่งเหยาหรอ? คุณรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้พี่จิ่งเหยาอยู่ที่ไหน?”
พ่อบ้านไม่ได้กล่าวปฏิเสธ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ใช่ครับ คุณชายบอกว่าในเมื่อคุณลู่ชอบบ้านหลังนี้ก็ให้คุณลู่ไป เขาจะพาคุณนายรองไปอยู่ข้างนอก ให้พวกเราเข้าไปดูแลทางด้านนั้นในวันนี้”
ลู่ซือหยี่ฟังคำพูดของเขาจบ หน้าก็ดำคร่ำเครียด ในสายตาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แต่ทว่าพ่อบ้านก็ไม่ได้สนใจว่าเธอจะโมโหมากแค่ไหน หลังจากชี้แจงเสร็จ ก็กวักมือเรียกคนใช้เหล่านั้นให้ออกไปกับเขา
พวกเขาออกไปแล้ว บ้านใหม่ก็โล่งเตียนขึ้นมาในชั่วพริบตา
ลู่ซือหยี่มองห้องที่โล่งเตียน โมโหจนอกสั่นไม่หยุด
พูดได้ว่า สิ่งนี้กับผลลัพธ์ที่เธอคิดล่วงหน้าไว้ไม่เหมือนกันเลยโดยสิ้นเชิง
แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าเฟิงจิ่งเหยาจะตัดขาดไมตรีกับเธอเช่นนี้ แม้กระทั่งไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด
ทันใดนั้น ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความโกรธเคืองอย่างรุนแรง ตลอดจนพาลใส่คนอื่น
แน่นอนว่าต้องเป็นกู้ฉางซินหญิงชั่วคนนั้นที่ยุยงให้พี่จิ่งเหยาย้ายออกไป