คุณนายเฟิงได้ฟังคำพูดนี้ ก็ดีดเด้งลุกขึ้นมาทันที แม้แต่เสื้อคลุมก็ไม่ได้สวม รีบร้อนไปที่บ้านใหม่ทันที
เฟิงซู่เดินตามหลังไป ถึงอย่างไรก็เป็นลูกคนแรกของตระกูลเฟิงของพวกเขา
“ซือหยี่ คุณเป็นอย่างไรบ้าง? หมอล่ะ? เรียกหมอแล้วหรือยัง?”
คุณนายเฟิงเข้าไปในห้อง ฉับพลันก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“คุณน้าหมิง คุณอย่างกังวลเลย เรียกหมอมาแล้ว”
ลู่ซือหยี่มองสีหน้าที่เป็นห่วงของคุณนายเฟิง ฉับพลันในสายตาก็ตื้นตันใจ จึงพูดปลอบให้สบายใจ
คุณนายเฟิงได้ฟังก็โล่งใจอย่างมาก แล้วถามว่า : “โอเคๆ แล้วคุณล้มได้ยังไง?”
ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำนี้ ก็คอตกซึมเศร้า
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ตอบ แต่ความเสียใจที่แผ่ออกมาก็ทำให้คุณนายเฟิงเข้าใจ
“ซือหยี่ คุณอย่าเสียใจไปเลย ตอนนี้ฉันจะให้จิ่งเหยากลับมา”
เธอปลอบลู่ซือหยี่ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์โทรหาเฟิงจิ่งเหยา
“มีธุระอะไร?”
ไม่นาน เสียงที่เยือกเย็นและแหบพร่าของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นในโทรศัพท์ เหมือนกับคนที่เพิ่งตื่นนอน
และเรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
เวลานี้เขาพักผ่อนอยู่กับกู้ฉางฉิง
เพราะว่าเสียงโทรศัพท์นี้ ทั้งสองคนจึงถูกปลุกขึ้นมา
คุณนายเฟิงไม่รับรู้ พอได้ยินคำถามของเขาก็ชี้แจงวัตถุประสงค์โดยตรง
“เมื่อกี้นี้ซือหยี่หกล้ม คนก็ไม่สบาย คุณกลับมาเดี๋ยวนี้เลย”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว คิดแล้วก็ปฏิเสธไป : “อาการไม่สบายของเธอเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน? ไม่ไป”
พูดจบ เขาก็วางสายไป
พอดีกับที่เขาเตรียมจะวางโทรศัพท์ ก็รู้สึกว่าชุดนอนของเขาถูกดึง
เดิมทีกู้ฉางฉิงก็ได้ยินอะไรแว่วๆอยู่ข้างๆ
จะบอกว่าลู่ซือหยี่ล้มจริงๆ เธอก็ไม่เชื่อ
เพียงแต่เธอเข้าใจว่า นี่เป็นอุบายที่ทั้งสองคนบีบบังคับให้เฟิงจิ่งเหยากลับไป
ถ้าพวกเขาปฏิเสธ เกรงว่าพวกเธอยังจะคิดหาวิธีอื่น ยอมกลับไปดูอย่างที่พวกเธอต้องการน่าจะดีกว่า
คิดเช่นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะพูดเกลี้ยกล่อม : “จิ่งเหยา เรากลับไปดูๆกันหน่อยเถอะ”
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ ได้ฟังคำพูดนี้ ก็คิ้วขมวด
“ทำไม คุณอยากให้ฉันกลับไปหรอ?”
กู้ฉางฉิงเห็นความไม่พอใจในดวงตาของเขา ยิ้มแล้วพูดว่า : “วางใจเถอะ ไม่ใช่คุณครเดียว ฉันจะไปกับคุณด้วย อีกทั้งครั้งนี้เราไม่ไป ครั้งหน้าพวกเธอก็จะคิดหาวิธีให้คุณกลับไปอีกแน่นอน กลับไปดูๆหน่อยน่าจะดีกว่า”
เธอพูดจบ ก็เริ่มลุกขึ้นเริ่มจัดการตนเอง
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ก็รู้สึกมีเหตุผล งั้นก็ถือโอกาสให้เธอกลับไปด้วยกันกับตนเองเลย กลับกันก็ไม่ได้ต่อต้านเหมือนตอนก่อน
……
และเวลานี้ ที่ตระกูลเฟิง
คุณนายเฟิงที่ถูกวางสายไป สีหน้าก็ไม่ค่อยดีนัก
ลู่ซือหยี่ให้ความสนใจกับเธอตลอด เป็นธรรมดาที่จะพบสีหน้าที่ไม่สบายใจของเธอ ในใจก็หม่นหมองลง
เห็นได้ชัดว่าพี่จิ่งเหยาปฏิเสธคำขอร้องของคุณน้าหมิง
กำลังคิดอยู่ หมอก็มาแล้ว
ลู่ซือหยี่สีหน้าหดหู่ให้ความร่วมมือกับการตรวจนี้
“คุณลู่ไม่เป็นอะไรมาก น่าจะไม่ระวังจึงล้มลงไป ครรภ์เลยไม่สงบ เดี๋ยวฉันจะให้ยาสงบครรภ์ ก็พอแล้ว”
หมอรายงานผลง่ายๆ คุณนายเฟิงจึงโล่งใจ วางใจลง
เธอกำลังเตรียมปลอบโยนลู่ซือหยี่ให้ดูแลครรภ์ให้ดีๆ อาหวางก็เดินเข้ามาจากดเนนอก
“คุณนาย คุณชายกลับมาแล้ว”
พอพูดคำนี้ออกมา ลู่ซือหยี่ที่เดิมทีห่อเหี่ยวก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาในชั่วพริบตา
เธอมองไปยังสาวใช้ด้วยจิตสำนึก ในสายตาเต็มไปด้วยความชมเชยเธอ
สีหน้าที่เศร้าหมองของคุณนานเฟิงในเวลานี้ก็ผ่อนคลายลงมาไม่น้อย บ่นพึมพำว่า: “ยังถือว่าเจ้าหมอนี้มีจิตสำนึกบ้าง”
กำลังพูดพลาง เฟิงจิ่งเหยาก็พากู้ฉางฉิงเข้ามาในห้อง
“พี่จิ่งเหยา……กู้ฉางซิน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”
เสียงที่อ่อนหวานของลู่ซือหยี่ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็เปลี่ยนเป็นดุเดือดขึ้นมา
เธอจ้องมองกู้ฉางฉิงอย่างโกรธเคือง แทบอยากจะทำให้ผู้หญิงคนนี้หายสาบสูญไปจากตรงหน้าทันที
กู้ฉางฉิงเลิกคิ้ว ในใจก็หัวเราะเยาะไม่หยุด
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริงๆ ถ้าพูดตามความจริงแล้ว ตอนนี้เธอยังเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเฟิง แต่ผู้หญิงคนนี้คล้ายกับจะแต่งตั้งตนเองเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลเฟิงแล้ว
คิดแบบนี้แล้ว กู้ฉางฉิงก็มองไปยังเฟิงจิ่งเหยาด้วยจิตสำนึก
เฟิงจิ่งเหย่สัวเกตเห็นถึงสายตาของเธอ แล้วก็มองลู่ซือหยี่ที่เหมือนคนที่ไม่ได้เป็นอะไร กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาว่า: “เห๊อะ พูดจาได้คล่องแคล่วขนาดนี้ ดูท่าจะไม่ได้เป็นอะไร”
ลู่ซือหยี่ถูกคำพูดเสียดสีนี้ทำให้นิ่งอึ้งไป หลังจากนนั้นก็โต้ตอบกลับมา มองไปยังคุณนายเฟิงด้วยความรู้สึกน้อยใจ
“คุณน้าหมิง……”
คุณนายเฟิงเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวตำหนิด้วยท่าทีที่ไม่ดี: “จิ่งเหยา คุณเป็นอะไร ก็รู้ชัดเจนว่าซือหยี่ไม่สบาย ไม่สามารถทนรับการกระตุ้นได้ แล้วเอาเธอมาด้วยทำไม?”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ก็รู้สึกขำในความหน้าด้านของพวกเธอซะจริงๆ
เธอไม่รอให้เฟิงจิ่งเหยาช่วยเธอพูด ก็ชิงพูดเสียดสีก่อนว่า: “แม่ คุณพูดแบบนี้ ก็ไม่ถูกนะ ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ เดิมทีฉันก็อยู่บ้านกับจิ่งเหยาอยู่แล้ว ตอนนี้ฉันก็ยังเป็นภรรยาของจิ่งเหยา ถึงแม้ฉันอยากจะอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ? อีกอย่างตอนนี้ฉันก็เพียงแค่กลับบ้านด้วยกันกับจิ่งเหยา ทำไมคุณถึงว่านี่ทำไม่ได้ล่ะ?”
พอพูดออกมา คุณนายเฟิงก็เหมือนถูกอุดปากสีหน้าแดงกร่ำ จ้องมองกู้ฉางฉิงอย่างเถียงไม่ออก
สุดท้าย เธอก็ทำได้เพียงยกสถานะขึ้นมากล่าวตำหนิ
“กู้ฉางซิน นี่คือท่าทีที่คุณพูดจากับฉันหรอ?”
กู้ฉางฉิงอมยิ้มไม่พูดจา แต่กลับไม่มองไปยังเฟิงจิ่งเหยา
เขามองลู่ซือหยี่ด้วยสายตาที่เย็นชาทีหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า: “ในเมื่อพวกคุณไม่ต้องการเห็นแบบนี้ ฉันก็จะพากู้ฉางซินออกไป ส่วนบ้านหลังนี้ แม่อยากให้ใคร ก็ให้ได้เลย ฉันไม่มีข้อโต้แย้ง”
พูดจบ เขาก็ดึงกู้ฉางฉิงทำท่าทางจะออกไป
ลู่ซือหยี่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ คว้าแขนของเฟิงจิ่งเหยาจากด้านบนลงมา
“พี่จิ่งเหยา ไม่ต้องไปได้ไหม? หรือว่าคุณไม่สนใจลูกของเราสักนิดเลยหรอ? เมื่อกี้เขาเกือบจะตายแล้วนะ”
เธอมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยสีหน้าโศกเศร้า
เฟิงจิ่งเหยาอารมณ์ไม่สะทกสะท้าน หันกลับไปมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออก แล้วก็ไม่โกรธ เพียงแต่ค่อยๆดึงมือกลับ
“คุณลู่ ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้ฉันพูดชัดเจนมากแล้วนะ ถ้าเด็กเป็นลูกของฉัน ฉันก็ต้องสนใจอย่างแน่นอน แต่ข้อเสนอแรกคือ เขาต้องเป็นลูกของฉัน”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดไปชั่วขณะ แล้วจึงกล่าวต่อไปว่า: “แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ยังไม่รู้ รอให้ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ก็จะรู้ ตอนนี้คุณก็พักผ่อนไปก่อน ในเมื่อเข้ามาอยู่แล้ว ต้องการอะไร ก็สั่งพ่อบ้าน รักษาร่างกายของตนเองให้ดีซะก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เขาพูดจบ ก็ไม่สนใจว่าลู่ซือหยี่จะมีหรือไม่ทีคำพูด ดึงกู้ฉางฉิงออกไปโดยตรง
ลู่ซือหยี่เห็นภาพด้านหลังของพวกเขาออกไป ก็ตกตะลึง
คุณนายเฟิงเป็นห่วงเธอเล็กน้อย เข้าไปเรียกคน
“ซือหยี่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ลู่ซือหยี่ดึงสติกลับมา เธอมองทางเดินก็ไม่เห็นคนแล้ว จึงยิ้มตอบกลับมา: “คุณน้าหมิง ฉันไม่เป็นอะไร”
เธอพูดพลาง หันเดินไปยังข้างเตียง
คุณนายเฟิงเห็นเช่นนี้ ก็คิดว่าเธอไม่สบายใจ อยากจะเอ่ยปากกล่าวปลอบโยนว่า แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
แต่ไม่รู้ว่า ที่ๆเธอมองไม่เห็น ในสายตาของลู่ซือหยี่ก็ปรากฎความเด็ดเดี่ยวออกมา
เด็กจะต้องเป็นลูกของพี่จิ่งเหยาแน่นอน…..ถึงแม้จะไม่ใช่ เธอก็ต้องทำให้เขาใช่!