ตระกูลลู่ ลู่ซือหยี่รู้ว่าที่โรงพยาบาลมีคนจับจ้องอยู่มาก เวลาในการดูผลยิ่งใกล้เข้ามา เธอยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น
“พ่อ ตอนนี้เราสามารถติดสินบนหมอคนนั้นแล้วใช่ไหม?”
เธอมาที่ห้องหนังสือของพ่อลู่ แล้วถามอย่างร้อนใจ
“ตอนนี้มีคนของตระกูลเฟิงและคนของพี่นิ่งเหยาอยู่ในทุกที่ของโรงพยาบาล เราจะทำอย่างไรถึงจะๆม่ถูกเปิดโปง?”
พ่อลู่ได้ฟังคำพูดของเธอจบ สีหน้าก็เคร่งขรึม
เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สถานการณ์ของโรงพยาบาล ก็ชัดเจนว่าเขาต้องเข้มงวดเรื่องนี้
เขาไม่ใช่ไม่เตรียมการ
เขาคิดถึงตรงนี้ สายตาก็ฉาบไปด้วยแผนการ
“ซือหยี่ ไม่ต้องกังวลหรอก ถึงแม้พวกเขาจะจับตาดูอยู่ เราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง”
ลู่ซือหยี่มองไปที่พ่อของเขาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม นี่จึงจิตใจสงบขึ้นเล็กน้อย
“พ่อ คุณมีวิธีอะไรหรอ?”
เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ
พ่อลู่หรี่ตามองแล้วหัวเราะ : “คุณยังจำเพื่อนเก่าคนนั้นของพ่อได้ไหม?”
ลู่ซือหยี่ตกตะลึง ความเบิกบานใจก็กลับมา : “คุณหมายถึงคุณลุงจางเหิงที่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียงนะหรอ?”
พ่อลู่พยักหน้า
“ไม่เลว ได้ยินมาว่าเขากำลังจะไปโรงพยาบาลแห่งนั้นเพื่อตรวจโรคชั่วคราวในอีกสองวัน และแพทย์ที่รับผิดชอบในการตรวจ DNA ของคุณก็เป็นลูกศิษย์ของเขา”
ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำพูดนี้ ในใจก็พอจะคาดเดาแผนการของพ่อได้
เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา แต่ว่ามองไปทางพ่อลู่ด้วยความดีใจ รอให้เขาเอ่ยปากด้วยตนเอง
“วางใจเถอะ ฉันแจ้งลุงจางของคุณไว้ดีแล้ว ถึงเวลาที่รายงานผลจะไม่เกิดปัญหาใดๆ”
พ่อลู่รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ ก็เลยบอกแผนการออกมาโดยตรง
ลู่ซือหยี่ฟังจบ ความกังวลในใจก็ปล่อยวางลงทันที
“พ่อ คุณดีจริงๆเลย”
เธอจับมือของพ่อลู่แล้วออดอ้อน สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
……
ในเวลาเดียวกัน ที่เฟิงซื่อกรุ๊ป
เฟิงจิ่งเหยารู้การเคลื่อนไหวนอกโรงพยาบาล เรียกชวี่ยี่มากำชับด้วยเสียงเคร่งขรึม
“สองวันนี้คุณส่งคนไปจับตาดูทางด้านโรงพยาบาลนั้นอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้ครเล่นกลอุบายได้”
เขาพูดถึงตรงนี้ ก็หรี่ตาขึ้นมาอย่างอันตราย : “โดยเฉพาะหมอท่านนั้น ใครก็ตามที่เข้ามาติดต่อกับเขาต้องตรวจสอบ อย่าปล่อยให้คนหาโอกาสใช้ประโยชน์ได้!”
ชวี่ยี่พยักหน้า พูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “ท่านประธานวางใจเถอะ ฉันจะจัดการให้ดี”
พูดจบ เขาก็ออกไปในทันที
และในเวลาเดียวกันพวกเขาดำเนิน ตระกูลเฟิง อาหวางก็ถามคุณนายเฟิง
“คุณนาย ผลกำลังจะออกมา เราต้อง……”
เธอยังพูดไม่จบ เพียงแต่เธอรู้ว่าคุณนายเฟิงจะเข้าใจความหมายได้
แต่เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้
คุณนายเฟิงได้ฟังคำพูดของเธอที่พูดแค่ครึ่งหนึ่ง ก็รู้ว่าหมายความว่าอะไร
สายตาเคร่งขรึมไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เป็นเวลานาน จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณทำให้พวกเขาจับจ้องฉันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมากพอ ใครก็ไม่สามารถใช้กลอุบายอะไรได้”
แม้ว่าอาหวางจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณนายเฟิงถึงสั่งเช่นนี้ แต่ก็ยังคงทำตามคำสั่ง
สองวันต่อมา นี่คือเวลาของคลื่นใต้น้ำ
แต่วันนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จางเหิงมาที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง
โรงพยาบาลให้ความสำคัญกับการตรวจโรคชั่วคราวนี้มาก ผู้อำนวยการมาต้อนรับด้วยตนเอง ตรวจสอบหมอเพราะเป็นลูกศิษย์ของเขา ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากผู้อำนวยการให้เป็นผู้ช่วยชั่วคราวของจางเหิง
พอเริ่มคนของโรงพยาบาลทั้งหมดที่ให้ความสนใจต่างสนใจคนทั้งสอง
เพียวแต่พวกเขาก็ค้นพบได้อย่างรวดเร็วว่าคนทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ธรรมดาๆ เนื้อหาบทสนทนาก็คือมีความเกี่ยวข้องกับเคสคนไข้ จึงค่อยๆสูญเสียความสนใจกับพวกเขาไป
แต่ไม่รู้ว่า หลังจากพวกเขายกเลิกการเฝ้าดูแล้ว จางเหิงได้ค้นพบทั้งหมด ในสายตาก็มีรอยยิ้มที่เหยียดหยาม สั่งหมอให้ไปที่ห้องทำงานของเขาเฉพาะกาล
“อาจารย์ มีอะไรหรอ?”
หลังจากหมอเข้าไป ก็กล่าวถามด้วยความงุนงง
จางเหิงเห็นเช่นนี้ ก็เลยพูดความต้องการของเขาออกมาอย่างตรงประเด็น
ฉันได้ยินมาว่าคุณได้รับใบรายงานผลการตรวจDNAแล้ว ฉันต้องการให้คุณเปลี่ยนผลการตรวจสอบ เข้าใจความหมายของฉันไหม?”
ดวงตาของเขามองหมออย่างเคร่งขรึม
หมอแปลกใจ จ้องมองจางเหิงริมฝีปากขมุบขมิบ
แต่ไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินการใช้อำนาจคุดคามของจางเหิง
“ฉันจำได้ว่าปลายปีคุณจะต้องคัดเลือกสิบอันดับต้นแบบผู้เชี่ยวชาญทางวืชาชีพ ถ้าคุณทำงานอย่างเชื่อฟัง เรื่องนี้ฉันจะให้คุณทำให้สำเร็จ คิดๆดูแล้วเมื่อถึงเวลา ตำแหน่งหน้าที่ของคุณก็จะสูงขึ้นได้เล็กน้อย”
หมอได้ยินคำพูดนี้ เดิมทีคำพูดอยู่ในปากแต่กลับพูดออกมาไม่ได้
เขามองใบหน้าที่เยือกเย็นของจางเหิงแล้ว ในใจก็รู้ว่าเรื่องนี้เขาไม่ทีทางเลือก
“ฉันเข้าใจแล้ว”
สุดท้าย ระหว่างความเป็นมนุษย์และความเป็นจริง เขาเลือกความเป็นจริง
จางเหิงพอใจอย่างมากกับการเลือกของเขา หลังจากที่เขากำลับไปรอบหนึ่ง ก็ให้หมอออกไป
บ่ายวันเดียวกัน ผลตรวจDNAก็ออกมา
วินาทีแรกคุณหมอก็นำผลตรวจมายังห้องทำงาน
เขาดูรายงานผลการตรวจ ในสายตาก็แปลกใจ
บวกกับบทสนทนาของคนในบ้านนั้นที่ได้ยินในวันนั้น เขาก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดอาจารย์ถึงต้องการให้เขาเปลี่ยนผลการรายงานนี้
คิดถึงตรงนี้ เขามองผลการรายงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
ก็ไม่รู้ว่าเพราะเป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องฝ่าฝืนต่อจรรยาบรรณอาชีพหรือเปล่า เมื่อเขากำลังเปลี่ยนผลการรายงาน มือก็สั่นไม่หยุด หยิบของปลอมใส่ในซองเองสารอยู่หลายต่อหลายครั้ง
หลายนาทีผ่านไป เขาจึงทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้สำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าการกระทำของเขาจะถูกจับจ้องอยู่ในสายตาของพยาบาลคนหนึ่งที่อยู่นอกห้อง
เธอรอให้คุณหมอวางใบรายงานผลให้เสร็จเรียบร้อย แล้วรออีกสักครู่ จึงเดินไปเคาะประตูแล้วเข้าไป
“คุณหมอ คนไข้ที่เพิ่งมาเมื่อกี้ ต้องการให้คุณไปดูด้วยตนเอง”
“โอเค ฉันรู้แล้ว”
คุณหมอได้ฟังก็ไม่ได้คิดมาก ลุกขึ้นออกไปโดยตรง
หลังจากพยาบาลรอให้เขาเดินออกไปแล้ว ก็รีบมายังข้างโต๊ะทำงานของเขาทันที นำใบผลการรายที่เข้าเพิ่วเปลี่ยนเมื่อกี้นี้เปลี่ยนกลับมาอีกครั้ง ทำทุกอย่างให้กลับคืนเป็นปกติแล้วเดินออกจากห้องทำงานอย่างไม่ตื่นตระหนก
และใบรายงานผลการตรวจDNAที่ถูกเปลี่ยนกลับมาแล้ว เวลาบ่ายสี่โมงก็ส่งมาถึงตระกูลเฟิง
เวลานี้คนทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่ตระกูลเฟิง
นายท่านเฟิงนั่งอยู่บนที่นั่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ทางด้านขวามือของเขาคือพ่อเฟิงซู่ ทางด้านขวาคือเฟิงจิ่งเหยาที่ใบหน้าเย็นชา
ส่วนคนของตระกูลลู่ นั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา
ลู่ซือหยี่อยู่ข้างพ่อแม่ เพราะรู้การเตรียมการที่พ่อทำ เธอจึงไม่ตึงเครียด ตรงกันข้ามดวงตาที่เต็มไปด้วยความยินดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องการเพียงประกาศผลการตรวจ พี่จิ่งเหยาก็จะต้องแต่งงานกับเธอ
ส่วนกู้ฉางซิน เธอก็จะไม่ปล่อยไว้แน่นอน จะทำให้เธอร้องขอชีวิตไม่ได้ขอความตายก็ไม่ได้!
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าลู่ซือหยี่กำลังหวังลมๆแล้งๆที่จะแต่งงานเข้าตระกูลเฟิงแล้วหลังจากนั้นก็จะจัดการเธอ
เธอรู้ว่าวันประกาศผลตรวจคือวันนี้ แต่ด้วยเพราะเรื่องของบริษัท เธอจนปัญญาที่จะปลีกตัวกลับมา
และด้วยเหตุนี้ เธอไม่มีจิตใจที่จะทำงานเลยสักนิด ความห่วงทั้งหมดในใจคือผลการตรวจ
อย่าคิดว่าการแสดงออกของเธอที่สงบนิ่ง วางใจ แต่เมื่อถึงเวลานี้จริงๆแล้ว เธอก็กังวลใจขึ้นมา
ถึงอย่างไรอุบายของลู่ซือหยี่และคุณนายเฟิงเธอก็เคยได้พบเจอแล้ว
เธอคิดถึงตรงนี้ ก็เดินไปยังหน้าต่างที่ยาวจรดพื้นในห้องทำงานอย่างไม่สบายใจ รอพวกเขาแจ้งผลการตรวจด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
จะว่าไปแล้วอันที่จริงเรื่องนี้เธอไม่มีอะไรต้องกังวลใจ
ถึงแม้เธิจะไม่ใช่กู้ฉางซินตัวจริง แต่กู้กงเซินก็ไม่ละทิ้งต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลเฟิงนี้ไปเด็ดขาด ไม่ยอมให้อนาคตดีๆของกู้ฉางซินต้องพังพินาศ!