สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 217 อย่าปล่อยให้คนหาโอกาสใช้ประโยชน์ได้

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ตระกูลลู่ ลู่ซือหยี่รู้ว่าที่โรงพยาบาลมีคนจับจ้องอยู่มาก เวลาในการดูผลยิ่งใกล้เข้ามา เธอยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น

“พ่อ ตอนนี้เราสามารถติดสินบนหมอคนนั้นแล้วใช่ไหม?”

เธอมาที่ห้องหนังสือของพ่อลู่ แล้วถามอย่างร้อนใจ

“ตอนนี้มีคนของตระกูลเฟิงและคนของพี่นิ่งเหยาอยู่ในทุกที่ของโรงพยาบาล เราจะทำอย่างไรถึงจะๆม่ถูกเปิดโปง?”

พ่อลู่ได้ฟังคำพูดของเธอจบ สีหน้าก็เคร่งขรึม

เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สถานการณ์ของโรงพยาบาล ก็ชัดเจนว่าเขาต้องเข้มงวดเรื่องนี้

เขาไม่ใช่ไม่เตรียมการ

เขาคิดถึงตรงนี้ สายตาก็ฉาบไปด้วยแผนการ

“ซือหยี่ ไม่ต้องกังวลหรอก ถึงแม้พวกเขาจะจับตาดูอยู่ เราก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง”

ลู่ซือหยี่มองไปที่พ่อของเขาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม นี่จึงจิตใจสงบขึ้นเล็กน้อย

“พ่อ คุณมีวิธีอะไรหรอ?”

เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ

พ่อลู่หรี่ตามองแล้วหัวเราะ : “คุณยังจำเพื่อนเก่าคนนั้นของพ่อได้ไหม?”

ลู่ซือหยี่ตกตะลึง ความเบิกบานใจก็กลับมา : “คุณหมายถึงคุณลุงจางเหิงที่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียงนะหรอ?”

พ่อลู่พยักหน้า

“ไม่เลว ได้ยินมาว่าเขากำลังจะไปโรงพยาบาลแห่งนั้นเพื่อตรวจโรคชั่วคราวในอีกสองวัน และแพทย์ที่รับผิดชอบในการตรวจ DNA ของคุณก็เป็นลูกศิษย์ของเขา”

ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำพูดนี้ ในใจก็พอจะคาดเดาแผนการของพ่อได้

เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา แต่ว่ามองไปทางพ่อลู่ด้วยความดีใจ รอให้เขาเอ่ยปากด้วยตนเอง

“วางใจเถอะ ฉันแจ้งลุงจางของคุณไว้ดีแล้ว ถึงเวลาที่รายงานผลจะไม่เกิดปัญหาใดๆ”

พ่อลู่รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ ก็เลยบอกแผนการออกมาโดยตรง

ลู่ซือหยี่ฟังจบ ความกังวลในใจก็ปล่อยวางลงทันที

“พ่อ คุณดีจริงๆเลย”

เธอจับมือของพ่อลู่แล้วออดอ้อน สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

……

ในเวลาเดียวกัน ที่เฟิงซื่อกรุ๊ป

เฟิงจิ่งเหยารู้การเคลื่อนไหวนอกโรงพยาบาล เรียกชวี่ยี่มากำชับด้วยเสียงเคร่งขรึม

“สองวันนี้คุณส่งคนไปจับตาดูทางด้านโรงพยาบาลนั้นอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้ครเล่นกลอุบายได้”

เขาพูดถึงตรงนี้ ก็หรี่ตาขึ้นมาอย่างอันตราย : “โดยเฉพาะหมอท่านนั้น ใครก็ตามที่เข้ามาติดต่อกับเขาต้องตรวจสอบ อย่าปล่อยให้คนหาโอกาสใช้ประโยชน์ได้!”

ชวี่ยี่พยักหน้า พูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “ท่านประธานวางใจเถอะ ฉันจะจัดการให้ดี”

พูดจบ เขาก็ออกไปในทันที

และในเวลาเดียวกันพวกเขาดำเนิน ตระกูลเฟิง อาหวางก็ถามคุณนายเฟิง

“คุณนาย ผลกำลังจะออกมา เราต้อง……”

เธอยังพูดไม่จบ เพียงแต่เธอรู้ว่าคุณนายเฟิงจะเข้าใจความหมายได้

แต่เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้

คุณนายเฟิงได้ฟังคำพูดของเธอที่พูดแค่ครึ่งหนึ่ง ก็รู้ว่าหมายความว่าอะไร

สายตาเคร่งขรึมไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เป็นเวลานาน จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณทำให้พวกเขาจับจ้องฉันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมากพอ ใครก็ไม่สามารถใช้กลอุบายอะไรได้”

แม้ว่าอาหวางจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณนายเฟิงถึงสั่งเช่นนี้ แต่ก็ยังคงทำตามคำสั่ง

สองวันต่อมา นี่คือเวลาของคลื่นใต้น้ำ

แต่วันนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จางเหิงมาที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง

โรงพยาบาลให้ความสำคัญกับการตรวจโรคชั่วคราวนี้มาก ผู้อำนวยการมาต้อนรับด้วยตนเอง ตรวจสอบหมอเพราะเป็นลูกศิษย์ของเขา ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากผู้อำนวยการให้เป็นผู้ช่วยชั่วคราวของจางเหิง

พอเริ่มคนของโรงพยาบาลทั้งหมดที่ให้ความสนใจต่างสนใจคนทั้งสอง

เพียวแต่พวกเขาก็ค้นพบได้อย่างรวดเร็วว่าคนทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ธรรมดาๆ เนื้อหาบทสนทนาก็คือมีความเกี่ยวข้องกับเคสคนไข้ จึงค่อยๆสูญเสียความสนใจกับพวกเขาไป

แต่ไม่รู้ว่า หลังจากพวกเขายกเลิกการเฝ้าดูแล้ว จางเหิงได้ค้นพบทั้งหมด ในสายตาก็มีรอยยิ้มที่เหยียดหยาม สั่งหมอให้ไปที่ห้องทำงานของเขาเฉพาะกาล

“อาจารย์ มีอะไรหรอ?”

หลังจากหมอเข้าไป ก็กล่าวถามด้วยความงุนงง

จางเหิงเห็นเช่นนี้ ก็เลยพูดความต้องการของเขาออกมาอย่างตรงประเด็น

ฉันได้ยินมาว่าคุณได้รับใบรายงานผลการตรวจDNAแล้ว ฉันต้องการให้คุณเปลี่ยนผลการตรวจสอบ เข้าใจความหมายของฉันไหม?”

ดวงตาของเขามองหมออย่างเคร่งขรึม

หมอแปลกใจ จ้องมองจางเหิงริมฝีปากขมุบขมิบ

แต่ไม่รอให้เขาได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินการใช้อำนาจคุดคามของจางเหิง

“ฉันจำได้ว่าปลายปีคุณจะต้องคัดเลือกสิบอันดับต้นแบบผู้เชี่ยวชาญทางวืชาชีพ ถ้าคุณทำงานอย่างเชื่อฟัง เรื่องนี้ฉันจะให้คุณทำให้สำเร็จ คิดๆดูแล้วเมื่อถึงเวลา ตำแหน่งหน้าที่ของคุณก็จะสูงขึ้นได้เล็กน้อย”

หมอได้ยินคำพูดนี้ เดิมทีคำพูดอยู่ในปากแต่กลับพูดออกมาไม่ได้

เขามองใบหน้าที่เยือกเย็นของจางเหิงแล้ว ในใจก็รู้ว่าเรื่องนี้เขาไม่ทีทางเลือก

“ฉันเข้าใจแล้ว”

สุดท้าย ระหว่างความเป็นมนุษย์และความเป็นจริง เขาเลือกความเป็นจริง

จางเหิงพอใจอย่างมากกับการเลือกของเขา หลังจากที่เขากำลับไปรอบหนึ่ง ก็ให้หมอออกไป

บ่ายวันเดียวกัน ผลตรวจDNAก็ออกมา

วินาทีแรกคุณหมอก็นำผลตรวจมายังห้องทำงาน

เขาดูรายงานผลการตรวจ ในสายตาก็แปลกใจ

บวกกับบทสนทนาของคนในบ้านนั้นที่ได้ยินในวันนั้น เขาก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดอาจารย์ถึงต้องการให้เขาเปลี่ยนผลการรายงานนี้

คิดถึงตรงนี้ เขามองผลการรายงานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน

ก็ไม่รู้ว่าเพราะเป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องฝ่าฝืนต่อจรรยาบรรณอาชีพหรือเปล่า เมื่อเขากำลังเปลี่ยนผลการรายงาน มือก็สั่นไม่หยุด หยิบของปลอมใส่ในซองเองสารอยู่หลายต่อหลายครั้ง

หลายนาทีผ่านไป เขาจึงทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้สำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าการกระทำของเขาจะถูกจับจ้องอยู่ในสายตาของพยาบาลคนหนึ่งที่อยู่นอกห้อง

เธอรอให้คุณหมอวางใบรายงานผลให้เสร็จเรียบร้อย แล้วรออีกสักครู่ จึงเดินไปเคาะประตูแล้วเข้าไป

“คุณหมอ คนไข้ที่เพิ่งมาเมื่อกี้ ต้องการให้คุณไปดูด้วยตนเอง”

“โอเค ฉันรู้แล้ว”

คุณหมอได้ฟังก็ไม่ได้คิดมาก ลุกขึ้นออกไปโดยตรง

หลังจากพยาบาลรอให้เขาเดินออกไปแล้ว ก็รีบมายังข้างโต๊ะทำงานของเขาทันที นำใบผลการรายที่เข้าเพิ่วเปลี่ยนเมื่อกี้นี้เปลี่ยนกลับมาอีกครั้ง ทำทุกอย่างให้กลับคืนเป็นปกติแล้วเดินออกจากห้องทำงานอย่างไม่ตื่นตระหนก

และใบรายงานผลการตรวจDNAที่ถูกเปลี่ยนกลับมาแล้ว เวลาบ่ายสี่โมงก็ส่งมาถึงตระกูลเฟิง

เวลานี้คนทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่ตระกูลเฟิง

นายท่านเฟิงนั่งอยู่บนที่นั่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ทางด้านขวามือของเขาคือพ่อเฟิงซู่ ทางด้านขวาคือเฟิงจิ่งเหยาที่ใบหน้าเย็นชา

ส่วนคนของตระกูลลู่ นั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา

ลู่ซือหยี่อยู่ข้างพ่อแม่ เพราะรู้การเตรียมการที่พ่อทำ เธอจึงไม่ตึงเครียด ตรงกันข้ามดวงตาที่เต็มไปด้วยความยินดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ต้องการเพียงประกาศผลการตรวจ พี่จิ่งเหยาก็จะต้องแต่งงานกับเธอ

ส่วนกู้ฉางซิน เธอก็จะไม่ปล่อยไว้แน่นอน จะทำให้เธอร้องขอชีวิตไม่ได้ขอความตายก็ไม่ได้!

กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าลู่ซือหยี่กำลังหวังลมๆแล้งๆที่จะแต่งงานเข้าตระกูลเฟิงแล้วหลังจากนั้นก็จะจัดการเธอ

เธอรู้ว่าวันประกาศผลตรวจคือวันนี้ แต่ด้วยเพราะเรื่องของบริษัท เธอจนปัญญาที่จะปลีกตัวกลับมา

และด้วยเหตุนี้ เธอไม่มีจิตใจที่จะทำงานเลยสักนิด ความห่วงทั้งหมดในใจคือผลการตรวจ

อย่าคิดว่าการแสดงออกของเธอที่สงบนิ่ง วางใจ แต่เมื่อถึงเวลานี้จริงๆแล้ว เธอก็กังวลใจขึ้นมา

ถึงอย่างไรอุบายของลู่ซือหยี่และคุณนายเฟิงเธอก็เคยได้พบเจอแล้ว

เธอคิดถึงตรงนี้ ก็เดินไปยังหน้าต่างที่ยาวจรดพื้นในห้องทำงานอย่างไม่สบายใจ รอพวกเขาแจ้งผลการตรวจด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

จะว่าไปแล้วอันที่จริงเรื่องนี้เธอไม่มีอะไรต้องกังวลใจ

ถึงแม้เธิจะไม่ใช่กู้ฉางซินตัวจริง แต่กู้กงเซินก็ไม่ละทิ้งต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลเฟิงนี้ไปเด็ดขาด ไม่ยอมให้อนาคตดีๆของกู้ฉางซินต้องพังพินาศ!

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท