สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 224 เขาชอบเธอ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ถึงแม้ว่าคำพูดของชายคนนั้นจะยังพูดไม่จบ แต่ลู่ซือหยี่ยังคงฟังความอันตรายจากข้างในออก

โดยเฉพาะก่อนหน้านี้เกือบจะถูกผู้ชายคนนี้บีบคอจนหายใจไม่ออก

ชั่วขณะนั้น เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้อยากจะฆ่าเธอจริงๆ

เธอนึกถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

ถ้ามีปัญหามากวนใจขนาดนี้ เธอยังจะมีชีวิตที่ดีได้อีกหรอ?

เธออดไม่ได้ที่จะลังเลขึ้นมาในใจ

ณ ขณะนี้ แวบหนึ่งในสมองของเธอทำให้เธอแทบจะเป็นตะคริวที่หน้า ฉับพลันก็ทำให้เธอระวัง

เธอบังคับไม่ให้ตนเองกลัว ให้สายตามองที่ชายคนนั้น

พูดจริงๆ กับผู้ชายคนนี้ นอกจากอุปนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนแล้ว อื่นๆก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี

โดยเฉพาะฐานะของเขาไม่ได้แย่ไปกว่าพี่จิ่งเหยา และที่สำคัญกว่านั้น คือเขาชอบเธอ

มีเขาแล้ว เธอคิดจะจัดการกู้ฉางซินที่ทำลายเรื่องดีๆของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าคงไม่ง่าย?

คิดเช่นนี้ เธอก็มีแผนการในใจ

“ให้ฉันติดตามคุณไม่ใช่ไม่ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข ฉันต้องการให้คุณช่วยทำลายคนคนหนึ่ง

เธอพูดอย่างโหดเหี้ยม ดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้านและแค้นอาฆาต

ชายคนนั้นมองเธอแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างชั่วร้ายว่า : “ช่วยคุณ? นี่ก็ต้องดูการกระทำของคุณ ถ้าคุณเชื่อฟังฉันอย่างดี ฉันก็จะช่วยคุณอย่างแน่นอน”

ลู่ซือหยี่กัดฟัน แต่ยังคงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นมาจากพื้น เดินทีละก้าวๆไปหาผู้ชายคนนั้น

……

สองวันต่อมา ท้ายที่สุดก็คลื่นสงัดลมสงบ

วันนี้ต้องร่วมงานกับจี้อี้ กู้ฉางฉิงเพื่อแสดงออกว่าให้ความสำคัญ เธอไปติดตามฝ่ายบุคคลด้วยตนเอง อีกทั้งยังจัดการห้องทำงานดีๆให้ แล้วหาผู้ช่วยให้

“นี่คือเสี่ยวหวัง หากรุ่นพี่จี้มีอะไรไม่คุ้นเคยก็สอบถามเธอได้ หรือว่าไม่พอใจอะไรมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไขก็บอกกับฉันได้เลย”

เมื่อเธอกำลังพูดอย่างสุภาพเกรงใจ ฉับพลันชีเสี่ยวจิ่วก็เดินเข้ามา

“อาจารย์ นักออกแบบซูทางด้านนั้นรอคุณอยู่ที่ห้องทำงานแล้ว”

กู้ฉางฉิงพยักหน้าแสดงออกว่ารับทราบแล้ว

“ขอโทษด้วย รุ่นพี่จี้ ทางนี้ฉันยังคงมีธุระ ขอตัวสักครู่”

จี้อี้พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร สายตามองส่งเธอจากไป

กู้ฉางฉิงกลับมาที่ห้องทำงาน ซูตี้ก็พูดขึ้นมาทันที

“หน้าร้านทางด้านนั้นตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสื้อผ้าสำเร็จรูปชุดแรกก็ขนส่งไปแล้ว ฉันให้คนเริ่มจัดการแล้ว คุณคิดว่าจะเปิดกิจการเมื่อไหร่ดี?”

เดิมที่ตลอดทางกู้ฉางฉิงก็คาดเดาเจตนาการมาครั้งนี้ของธอได้ จึงพยักหน้าพูดว่า : “กำลังคิดอยู่เลย เพียงแต่ฉันจำเป็นต้องคุยกับทางบริษัท รอการยืนยันแล้ว ฉันจะแจ้งคุณให้ทราบ”

ซูตี้เห็นเช่นนี้ ก็ไม่พูดอะไรอีก

จากนั้นทั้งสองก็พูดเรื่องงทนนิดหน่อย จึงแยกย้าย

หลังจากกู้ฉาวฉิงรอเธอออกไป ก็ไปที่ห้องทำงานผู้จัดการใหญ่

เธอยังคงพูดถึงเรื้องการเปิดหน้าร้าน

“ผู้จัดการใหญ่ ฉันเพิ่งจะดูปฏิทิน วันพุธหน้าเป็นวันที่ดี”

หลี่ม่านครุ่นคิดสักครู่ก็เห็นด้วย

“ในเมื่อคุณบอกว่าพุธหน้าเป็นวันดี งั้นก็กำหนดเป็นวันพุธเถอะ เตรียมให้พร้อม นี่คือหน้าร้านแห่งแรกของแบรนด์ใหม่ของเรา”

กู้ฉางฉิงพยักหน้าเข้าใจ

จากนั้นไม่กี่วันผ่านไป ก็ถึงวันเปิดกิจการ

เพราะว่าเป็นหน้าร้านแห่งแรกของแบรนด์ใหม่ บริษัทจึงให้ความสำคัญมาก

แม้กระทั่งมู่จิ่นก็รีบเดินทางกลับประเทศมาเพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะ

เช้าในวันนั้น ด้านนอกหน้าร้าน พรมดอกไม้สดสีแดงถูกโปรยไปจนสุดถนน

โดยรอบยังมีนักข่วจำนวนมากที่มาถ่ายภาพและสัมภาษณ์

เมื่อเวลาเปิดกิจการใกล้เข้ามา บล็อกเกอร์แฟชั่นบรรณาธิการนางแบบและคนอื่น ๆ ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ก็มาถึงเช่นกัน

พวกกู้ฉางฉิงมาถึงในร้านแต่เช้าตรู่แล้ว

ในเวลานี้เธอพาพนักงานไปพบแขกทุกคนที่มาถึง

“ขอแสดงความยินดีด้วย ขอให้พวกคุณขายดิบขายดี”

“ขอบคุณ!”

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย”

ช่วงเวลาเดียวในร้านก็ล้วนมีแต่คำสรรเสริญเยินยอ

เวลาผ่านไป พิธีการเปิดกิจการก็จะเริ่มขึ้นแล้ว

พิธีกรดำเนินงานก็เดินเข้ามา แจ้งให้กู้ฉางฉิงและพวกเขาเตรียมพร้อม

ไม่นาน คนทั้งหมดก็รวมตัวกันนอกร้านตัดเย็บเสื้อผ้า

“ขอบคุณทุกท่านที่มาเข้าร่วมพิธีเปิดกิจการในครั้งนี้ ตอนนี้ฉันจะประกาศให้ทราบว่า เริ่มประกอบกิจการอย่างเป็นทางการ!”

ภายใต้การประกาศของเจ้าภาพ หลี่ม่านและคนอื่นๆได้ปลดริบบิ้นที่ผูกติดกับประตูออก

ในเวลาเดียวกันคนทั้งหมดก็เดินเข้าไปยังในร้าน ร่วมด้วยนักข่าวจำนวนไม่น้อย

กู้ฉางฉิงและซูตี้ในฐานะนักออกแบบหลักของของเสื้อผ้า จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่เพื่อทำการกล่าวอธิบาย

ประกอบกับการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ กล่าวได้ว่าพิธีเปิดประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

กู้ฉางฉิงและพวกเขายุ่งจนเท้าแทบไม่แตะพื้น กระทั่งไม่มีเวลาทานข้าว

แต่ผลจากการยุ่งมากก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี

หนึ่งวันจบลง ใบสั่งสินค้าของพวกเขาสูงมากพอดูทีเดียว กระทั่งการเจรจาความร่วมมือประสบความสำเร็จไม่น้อย

“ใกล้เคียงแล้ว กลับกันไปก่อนเถอะ วันนี้ลำบากทุกคนแล้ว”

ส่งแขกคนสุดท้ายไปแล้ว หลี่ม่านรวบรวมทุกคนเข้าด้วยกันและประกาศให้ทราบ

ดูเหมือนคนทั้งหลายถอนหายใจโล่งอก แต่ละคนก็หมดแรงและวางแผนที่จะจากไป

มู่จิ่นมองไปยังกู้ฉางฉิง ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “ฉางซิน ดึกแล้ว ฉันส่งคุณกลับไหม?”

เพียงเขาพูดคำนี้ออกมา เดิมทีซูตี้ที่เดินไปไม่ไกลก็หยุดชะงัก

เธอเอียงหน้สโดยจิตสำนึก ก็เห็นภาพเงาคนสองคนคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยอยู่ไม่ไกล

กู้ฉางฉิงไม่ได้เห็ยว่าเธอยังอยู่ แต่ก็กล่าวปฏิเสธด้วยจิตสำนึก

“ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งรถกลับไปเองได้”

กำลังพูดพลาง มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา เธอเห็นว่าเป็นเบอร์ของเฟิงจิ่งเหยา สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนโยนขึ้นมา

“มีอะไรหรอ?”

เธอส่งสายตาแสดงความรู้สึกผิดให้กับมู่จิ่น เดินไปด้านข้างแล้วกดรับ

“ทำงานเสร็จแล้วหรือยัง?”

คำพูดห่วงใยของเฟิงจิ่งเหยาดังขึ้นในโทรศัพท์

“เพิ่งเสร็จ กำลังเตรียมจะกลับไป”

กู้ฉางฉิงไม่ได้ปิดบัง แจ้งให้ทราบตามความเป็นจริง

“อืม งั้นคุณไปรอที่ประตูทางเข้าสักครู่ ฉันจะไปรับคุณ”

พอเขาพูดคำนี้ออกมา มุมปากกู้ฉางฉิงก็ยิ้มไม่หยุด

“โอเค งั้นฉันจะรอคุณ คุณขับรถดีๆนะ”

เฟิงจิ่งเหยาอืมเบาๆคำหนึ่ง แล้วก็วางสาย

กู้ฉางฉิงเห็นมือถือถูกวางสายไปแล้ว มีความอ่อนโยนในดวงตาอยู่ชั่วขณะ

เธอคิดถึงว่าอีกสักครู่เฟิงจิ่งเหยาจะมาถึง ก็รีบเก็บข้าวของ ในเวลาเดียวกันก็กล่าวลาทุกคน

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เฟิงจิ่งเหยาก็มารับกู้ฉางฉิง

เพราะยุ่งอยู่จนดึกดื่น กู้ฉางฉิงเลยไม่ทันได้ทานข้าว หลังจากเฟิงจิ่งเหยาทราบ ก็พาเธอไปทานอาหารมื้อดึกก่อนแล้วจึงกลับตระกูลเฟิง

หลังจากกลับไป กู้ฉางฉิงก็ไม่ไม่ทีกำลังจะพลิกตัวเลยโดยสิ้นเชิง หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เอนกายลงบนเตียงแล้วไม่นานก็หลับไป

เฟิงจิ่งเหยาอาบน้ำเสร็จออกมา เห็นกู้ฉางฉิงที่นอนหลับไปแล้ว จึงขึ้นเตียงโอบกอดเธอขณะหลับโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นถึงสายตาที่รักและเอ็นดูของตัวเขาเอง

……

วันต่อมา นิตยสารแฟชั่นและหนังสือพิมพ์ทั่วเมืองหลวง กล่าวชื่นชมพิธีเปิดเมื่อวานนี้

โดยเฉพาะรูปแบบเสื้อผ้าแบรนด์ที่กู้ฉางฉิงและซูตี้ร่วมมือกันทำ ยิ่งได้รับการชมเชยของคนจำนวนไม่น้อย

เมื่อกู้หงเซินกำลังรับประทานอาหารก็เห็นข่าวเหล่านี้ ทันใดนั้นก็พบลูกสาวคนนี้ที่เขามองว่าไร้ประโยชน์มาเสมอ คล้ายกับยังมีประโยชน์เล็กน้อย

ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่าที่สุกยังไง มือถือที่ข้างตัวก็ดังขึ้นมา

เขากวาดสายตามองรายชื่อ ใบหน้าที่เดิมทีเยือกเย็นก็เปลี่ยนเป็นรักใคร่เอ็นดูขึ้นมาทันที

“ฉางซิน ทำไมวันนี้ติดต่อพ่อมาแต่เช้าเลยล่ะ?”

พอได้ยินเสียงในสายดังขึ้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “พ่อ เร็วๆนี้ฉันอยากจะกลับประเทศสักครั้งหนึ่ง!”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท