กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่ากู้ฉางซินโทรมาอีกครั้ง
หลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอก็ตรงไปบริษัทเลย
เปิดกิจการร้านเมื่อวาน ได้รับออเดอร์ไม่น้อย มีงานมากมายรอให้เธอจัดการ
เธอยุ่งตลอดทั้งเช้า ยากลำบากทนทรมานจนถึงเที่ยงเลยคิดว่าจะทานข้าวแล้วพักผ่อน ทว่าก็ได้รับโทรศัพท์ของกู้หงเซิน
“ฉันอยู่ที่ร้านกาแฟตรงข้ามบริษัทของพวกคุณ คุณมาที่นี่หน่อย”
เขาพูดจบอย่างเย็นชา ไม่สนว่ากู้ฉางฉิงจะมีเวลาว่างหรือไม่ แล้ววางสายไป
กู้ฉางฉิงจ้องไปที่โทรศัพท์ด้วยสีหน้าหม่นหมอง
เธอไม่อยากไปเจอกู้หงเซิน อย่างไรเสียทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้เรียกให้เธอออกมามันไม่มีเรื่องดีเลย
มันคือความจริงที่เธอไม่สามารถเลือกได้
ท้ายที่สุดเธอยังคงเดินออกจากบริษัทไป มาที่ร้านกาแฟตรงข้าม
“พูดเถอะ มีเรื่องอะไร?”
เธอนั่งลง ไม่สั่งกาแฟ ถามอย่างตรงไปตรงมา
กู้หงเซินกวาดสายตามอง ไม่ได้สนใจ น้ำเสียงเคร่งขรึมพูดว่า : “อีกสองวัน กู้ฉางซินต้องการจะกลับมา”
คำพูดสั้นๆสองประโยค ทว่าทำให้กู้ฉางซินตกตะลึง รู้สึกใจหายวูบ
“ทำไมเร็วขนาดนี้?”
เธอถามโดยจิตใต้สำนึก พูดจบจึงรู้สึกว่าตนเองดู้เหมือนจะลืมตัวไปหน่อย รีบถามเกินไป
“เอ่อ……ฉันหมายความว่าระยะเวลาหนึ่งปีไม่ใช่หรอ? นี่ยังไม่ถึงหนึ่งปีเลย พวกคุณคิดจะยกเลิกสัญญา คิดจะไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่ฉันใช่ไหม?”
เธอบังคับตัวเองให้สงบลง แต่มือที่วางอยู่บนต้นขาสั่นเบาๆอย่างควบคุมไม่ได้
แม้ว่าเธอจะปกปิดมันไว้อย่างดี แต่กู้หงเซินมองออกว่าเธอตื่นตระหนก
เพียงแต่เขาคิดว่ากู้ฉางซินกลัวว่าแม่จะไม่ได้รับการรักษา จึงยั้งสติไม่อยู่เช่นนี้
“รีบร้อนอะไร? กู้ฉางซินแค่กลับมาดูๆเท่านั้น เพลิดเพลินสักสองวันแล้วก็ไป”
เขาตำหนิอย่างอารมณ์เสีย ทว่ากู้ฉางฉิงก็อดไม่ได้ที่จะโล่งอก
แค่เพลินเพลินสองวัน ไม่ใช่ให้เธอจากไป
เธอคิดถึงตรงนี้ ก็นึกออกอีกหนึ่งเรื่อง อดขมวดคิ้วไม่ได้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นคุณอย่าลืมบอกกู้ฉางซินด้วย กลับมาต้องระวังหน่อย อย่าไปเจอกับคนตระกูลเฟิง!”
กู้หงเซินไม่ชอบท่าทางการพูดของเธอเล็กน้อย พูดอย่างหงุดหงิด : “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้คุณบอกหรอก ฉางซินรู้จักคิดมากกว่าคุณ”
กู้ฉางฉิงเห็นเขาพูดถึงกู้ฉางซินในฐานะพ่อลูกกตัญญูคู่หนึ่ง ถึงจะเห็นชัดเจนแล้ว ในใจยังคงไม่สบายใจอย่างมาก
“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันจะกลับไปแล้ว ตอนบ่ายมีงานต้องทำ”
เธอยืนขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา กู้หงเซินก็ไม่ได้ขัดขวาง เลยเดินออกไปเลย
กู้ฉางฉินกลับมาถึงบริษัท ก็ยังคงคิดถึงข่าวกู้ฉางซินที่กำลังจะกลับมา
โดยเฉพาะนึกถึงการพูดคุยเมื่อกี้นี้ เธอคิดว่ากู้หงเซินต้องการจะไล่เธอออกไป ให้กู้ฉางซินมาแทนที่
และในขณะนั้น สมองของเธอก็เต็มไปด้วยเฟิงจิ่งเหยา ตัดใจที่จะเดินออกไปไม่ลง ยิ่งอาลัยอาวรณ์ที่จะจากเขาไป
เธอ……นี่คือถูกข้าศึกยึดครองแล้วใช่ไหม?
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
เห็นได้ชัดว่าเธอปกป้องตัวเองได้ดีมากแล้ว!
เธอไม่กล้าจินตนาการถ้าเธอต้องจากไปในอนาคต เธอควรจะทำอย่างไร?
ชั่วขณะ กู้ฉางฉินก็สับสนอลหม่าน
โดยเฉพาะนึกถึงว่าไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องจากไป ออกไปจากเฟิงจิ่งเหยา หัวใจก็เหมือนถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบจนแน่น มันทำให้เธอเจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
แม้กระทั่งช่วงเวลานี้ เธอคาดหวังว่าจะดีแค่ไหนหากเธอได้เป็นกู้ฉางซินไปตลอด
แต่ว่าความคิดนี่เธอคิดๆแล้วก็โยนมันทิ้งไปทันที แล้วก็ได้สติขึ้นมา
ชั่วชีวิตนี้เธอไม่สามารถเป็นกู้ฉางซินตลอดไปได้…….
เธอนึกถึงตรงนี้ ก็ยิ่งเพิ่มความอึดอัดใจในอก คนก็หงุดหงิดขึ้นมา
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ วันเวลาก็ต้องดำเนินต่อไป
……
สองวันต่อมา สนามบินนานาชาติ
เห็นแขกวีไอพีที่ทางออก สาวน้อยที่มีเสน่ห์ออกมาพร้อมแว่นกันแดดที่ปิดใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง
ใบหน้าเล็กเท่าขนาดฝ่ามือถูกบดบังไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถจะซ่อนใบหน้าที่เธอตกแต่งมาได้
ปลายจมูกที่งอนขึ้น ทาริมฝีปากแดงราวกับเปลวเพลิง รวมกับผมหางม้าหลวมๆ มองแล้วโดดเด่นอย่างมาก
โดยเฉพาะเสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้นที่เธอสวมใส่ เผยให้เห็นเรือนร่างที่งามเฉิดฉายของเธอ สีหน้าก็งดงามมั่นใจอย่างมาก
เธอมองไปรอบๆที่หน้าประตูอย่างหยิ่งยโสรอบหนึ่ง ไม่นานก็มองเห็นสิ่งๆนั้น ริมฝีปากสีแดงยิ้มเล็กน้อยแล้วก็วิ่งเหยาะๆเข้าไป
เห็นเธอเดินมายังด้านหน้ารถเก๋งคันสีดำ เปิดประตูขึ้นรถอย่างดีอกดีใจ
“พ่อ ฉันคิดถึงคุณจัง!”
หลังจากเธอขึ้นรถ ทันทีก็โอบกอดกู้หงเซินยกใหญ่
ใช่ คนนี้ที่กลับมาคือกู้ฉางซิน
เธอมองดูกู้หงเซินอย่างละเอียด กล่าวอย่างน่ารักว่า: “พ่อ คุณไม่ได้ทานข้าวตรงตามเวลาใช่ไหม รู้สึกว่าคุณจะผอมไปกว่าเมื่อก่อนไม่น้อยเลย!”
กู้หงเซินเห็นน้ำเสียงที่เธอแสร้งทำออกมา บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเอ็นดูและปลื้มใจ
“ได้ยังไง? พ่อฟังคำพูดคุณทานอาหารดีๆมาโดยตลอด”
กู้ฉางซินย่นๆจมูก กล่าวอย่างเผยให้เห็นฟัน: “ทางที่ดีที่สุดก็คือแบบนี้ ไม่เช่นนั้นคอยดูฉันว่าจะจัดการคุณยังไง”
กู้หงเซินเห็นเช่นนี้ ทำได้เพียงแค่หันไป แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เออใช่ คฤหาสน์บนเซียงซานฉันให้คนทำความสะอาดเร็ยบร้อยแล้ว เพราะครั้งนี้คุณกลับมาอย่างเป็นความลับ การเดินทางก็ต้องปิดเป็นความลับ ดังนั้นสองวันนี้คุณก็พักอยู่ที่นี่”
กู้ฉางซินเข้าใจถึงความเหมาะสม ไม่ได้มีการโต้แย้ง
“ฉันรู้แล้ว”
กู้หงเซิงเห็นเธอไม่ได้ไม่พอใจ จึงชี้แจงต่อไปว่า: “แล้วก็ หลังจากคุณกลับมา ก็พยายามอย่าพบปะกับคนที่เคยรู้จักในอดีต โยเฉพาะทางด้านตระกูลเฟิง”
กู้ฉางซินได้ฟังคำสั่งของเขาที่พูดฉอดๆไม่หยุด ทันใดก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปากขึ้นมา
“พ่อ คุณหยุดพูดเถอะ พูดแบบนี้ต่อไป ฉันจะคิดว่าตนเองเป็นคนทำผิดกฎหมาย กลับบ้านครั้งหนึ่งยังต้องหลบๆซ่อนๆ นี่มันทำให้คนไม่สบายใจจริงๆ”
กู้หงเซินมองใบหน้าที่ไม่พอใจของเธอ กล่าวอย่างประนีประนอมทันทีว่า: “นี่ก็ไม่ใช่จนปัญญา ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ……เอาล่ะๆ ไม่พูดแล้ว ถึงอย่างไรทางด้านตระกูลเฟิงนั้นก็มีกู้ฉางฉิงรับมืออยู่ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาก็ให้เธอจัดการ”
กู้ฉางซินเห็นเขาเอ่ยถึงกู้ฉางฉิง คิดถึงแผนการของพวกเธออีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะยิ้ม
“ใช่ เรื่องเกล่านี้ล้วนไม่ใช่ปัญหาของฉัน ดังนั้นพ่อก็อย่ามาพร่ำกับฉัน”
เธอพูดพลาง คล้ายกับนึกถึงอะไร แล้วค่อยยิ้มมุมปากขึ้นมา
“พูดไปแล้ว ฉันก็น่าจะโชคดีนะที่มีพี่สาวคนหนึ่งที่ดีขนาดนี้ ไม่เช่นนั้นฉันก็คงจนปัญญาที่จะทำเรื่องที่ตัวฉันเองอยากจะทำ พ่อ วันหลังนัดเวลากัน ให้ฉันกับพี่สาวฉันที่แสนดีคนนั้น ทานข้าวด้วยกันสักมื้อสิ”
พูดจบ ความเยือกเย็นของสายตาเธอไม่เหมือนกับความตั้งใจดีแบบที่เธอพูดนั้น
แน่นอนว่ากู้หงเซินก็รู้ว่าเธอไม่ได้อยากจะทานข้าวกับกู้ฉางฉิงธรรมดาๆ เกรงว่าจะเป็นการฉวยโอกาสเตือนสติ
เพียงแต่ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ ก็ไม่ได้คิดจะยับยั้ง
ถึงอย่างไรช่วงเวลานี้ ท่าทีที่กู้ฉางฉิงผู้หญิงคนนั้นทำกับเขาก็ควรจะสั่งสอนจริงๆ
“อืม ฉันรู้แล้ว วันหลังฉันจะนัดให้เธอออกมา”
กู้ฉางซินดีอกดีใจ เปลี่ยนเป็นพูดด้วยคำพูดที่น่าฟังกับกู้หงเซิน
“รู้อยู่แล้วว่าพ่อรักฉันมากที่สุด”
กู้หงเซินตบเบาๆที่หลังมือของเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
“ฉันไม่รักคุณแล้วจะรักใคร? คุณอะ ถึงเวลาแล้วอย่าก่อเรื่องทีไม่น่าดูเกินไปนะ อย่าลืมว่าตอนนี้ยังต้องพึ่งพาให้เธอช่วยเหลือที่ตระกูลเฟิง”
ถึงแม้ว่ากู้ฉางซินจะไม่สบายใจ แต่เพื่อสถานการณ์โดยรวม เธอก็ยังต้องฝืนใจเห็นด้วย
“รู้แล้ว ฉันมีความพอดีหรอกน่า”