สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 226 ได้รู้จักความไร้น้ำใจของเธอ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ในวันนั้น กู้หงเซินจัดการที่พักใหกู้ฉางซินเรียบร้อยแล้ว ก็หาโอกาสโทรไปหากู้ฉางฉิง

“ฉางซินกลับมาแล้ว คุณอยู่ที่ตระกูลเฟิงก็ระวังหน่อย อย่าปล่อยให้คนพบปัญหา หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ก็ฉลาดหน่อย อย่าให้ถูกคนสงสัยได้”

กู้ฉางฉืงได้ยินว่ากู้ฉางซินกลับมาแล้ว ก็ทึ่มทื่อไปหมด ฉับพลันหัวใจก็ตึงแน่นขึ้น

เธอไม่ได้สนใจคำพูดด้านหลังที่กู้หงเซินพูดเลย จนกระทั่งกู้หงเซินวางสายไป เธอจึงได้สติกลับมา

ที่ผู้ชายคนนี้โทรหาเธอ ไม่เพียงแค่บอกว่ากู้ฉางซินกลับมาแล้ว ยังต้องการให้เธอเตรียมเก็บกวาดเรื่องยุ่งๆของกู้ฉางซินทุกเวลา

เธอนึกถึงตรงนี้ ในใจก็เหมือนถูกยัดด้วยปุยฝ้ายจนอึดอัดไม่สบายใจ

กู้ฉางฉิง อย่าคิดไปเลย ไม่ใช่ว่าเคยเห็นความไร้น้ำใจของชายคนนี้มาก่อนแล้วหรอ?

เธอสะบัดๆหัว สลัดความไม่สบายใจในใจทิ้ง แล้วกลับไปทำงานเหมือนเดิม

ด้วยงานยุ่ง เธอก็ค่อยๆลืมความไม่สบายใจที่กู้หงเซินนำมาให้ แล้วดีใจกับผลงานที่ดีของบริษัท

เพราะว่าเป็นหน้าร้านแห่งแรกที่ประสบความสำเร็จ ในช่วงสองวันที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดหน้าร้านหลายแห่งติดต่อกัน อีกทั้งยอดขายก็ไม่เลว

พูดได้ว่า นับว่าแบรนด์ใหม่ของพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในครั้งนี้

เห็นผลเช่นนี้ นักออกแบบทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้น

“ผู้จัดการแผนกกู้ วันดีๆเช่นนี้ คุณไปยื่นขอผู้จัดการใหญ่เอางบบริษัทมาเพื่อใช้จ่าย ให้ทุกคนได้เฉลิมฉลองกันหน่อย”

ซูตี้เห็นว่าทุกคนมีความสุข จึงเสนอต่อกู้ฉางฉิง

กู้ฉางฉิงเห็นทุกคนมองมาด้วยสายตาดีใจ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ท้ายที่สุดแล้วความสำเร็จนี้ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง

“โอเค ฉันจะไปเลย”

เธอพูดจบ ก็เดินไปที่ห้องทำงานของหลี่ม่าน

และหลี่ม่านก็ทราบวัตถุประสงค์ที่เธอมา ไม่ได้โต้แย้ง ยังชมเชยว่าเธอคิดรอบครอบ

“ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองจริงๆ เช่นนี้ คุณก็ไปรับเงินค่าใช้จ่าล่วงหน้ากับฝ่ายการเงินเลย จองห้องโถงใหญ่โรงแรมเซิ่งกง แล้วแจ้งทุกคนในบริษัท”

“โอเค”

กู้ฉางฉิงรับคำสั่งแล้วจะออกไปทำ ผลคือเดินยังไม่ถึงสองก้าว ก็ถูกหลี่ม่านเรียก

“ใช่สิ ผู้จัดการแผนกกู้ คุณถามท่านประธานด้วยว่าต้องการจะเข้าร่วมหรือเปล่า”

กู้ฉางฉิงตกใจเล็กน้อย อยากจะพูดว่าทำไมผู้จัดการใหญ่ไม่ถามด้วยตนเอง ผลคือเห็นสายตาเหย้าแหย่ของหลี่ม่าน ชั่วขณะก็ทำให้เธอมึนตึ๊บ

เธอเกือบจะลืมไป ผู้จัดการใหญ่รู้สถานะของเธอ

“ฉันทราบแล้ว”

เธอทำอะไรไม่ถูกได้แต่กลับออกไปที่แผนกออกแบบ

รอเธอแจ้งข่าวการร่วมรับประทานอาหารตอนค่ำออกไป จึงกลับไปที่ห้องทำงานแล้วติดต่อเฟิงจิ่งเหยา

“มีอะไรหรอ?”

ไม่นาน เสียงเย็นชาของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นในโทรศัพท์

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะไม่อ่อนโยน ทว่าทำให้ความไม่สบายใจที่เก็บซ่อนไว้ได้คลายออกไป

“นี่ไม่ใช่ว่าความร่วมมือกับRCประสบความสำเร็จเป็นที่หน้าพอใจแล้วหรอ? ผู้จัดการใหญ่จึงได้วางแผนจะเลี้ยงฉลอง แล้วให้ถามว่าคุณจะมาด้วยไหม?”

เธอกระซิบถาม ทว่าไม่เห็นท่าทางความดีใจที่สะท้อนอยู่บนกระจก

“อืม ฉันทราบแล้ว ฉันจะไป”

……

ในคืนวันนั้น ที่โรงแรมเซิ่งกง

“ว้าว เป็นโรงแรมระดับห้าดาวอย่างที่คิดไว้ การตกแต่งนี้ ราคานี้ ถ้าไม่ใช่ว่ายืมชื่อเสียงของบริษัท ฉันเกรงว่าชั่วชีวิตนี้สักครั้งก็จะไม่ได้มา”

“ใช่ ต่อไปพวกเราทำงานได้ดี รางวันแบบนี้ต้องมีให้ไม่น้อยอย่างแน่นอน”

พนักงานไม่น้อยเม้าท์มอยอยู่ด้านหลัง

กู้ฉางฉิงฟังจบก็ยิ้ม ไม่นานก็ให้บริกรหาห้องวีไอพีที่พวกเขาจองไว้

ทุกคนก็เดินตามบริกรไปที่ห้องวีไอพี

เพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน เฟิงจิ่งเหยาก็มา

“จิ่งเหยา มาทางด้านนี้”

จี้อี้เห็นเช่นนี้ก็กวักมือเรียกเฟิงจิ่งเหยา

เฟิงจิ่งเหยาหันมองไปที่กู้ฉางฉิงด้วยจิตสำนึก ก็เห็นที่นั่งทั้งสองข้างของกู้ฉางฉิงนั้นมีคนอยู่

และคนทั้งหมดรู้ว่าจี้อี้คุ้นเคยกับท่านประธานของพวกเขา ดังนั้นหลังจากจี้อี้เอ่ยปาก บางคนก็รู้ตัวว่าต้องหลีกที่นั่งให้

สุดท้ายก็จนปัญญา เฟิงจิ่งเหยาทำได้เพียงนั่งข้างๆจี้อี้

“รุ่นพี่”

เขากล่าวทักทายอย่างสุภาพ แต่จี้อี้ไม่รู้ว่างจงใจหรือไม่จงใจ แสร้งทำเป็นยกแก้วเหล้าอย่างสนิทสนมแล้วพูดหยอกล้อกับเขาว่า: “ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญที่สุดในค่ำคืนนี้ มาสายก็ควรจะลงโทษตัวเองสักสามแก้วใช่ไหม?”

เดิมทีเฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วรับแก้วเหล้ามา

“เรื่องที่รุ่นพี่พูด ฉันมาสายแล้ว ดังนั้นต้องลงโทษตนเอง”

พูดจบ เขาก็ดื่มเหล้าในแก้วจนหมด แล้วก็ดื่มติดต่อกันวามแก้ว

“ความสามารถในการดื่มของท่านประธานดีจริงๆ ดูท่าคืนนี้จะมีการดื่มแล้ว

ซูตี้ยกแก้วเหล้าขึ้นอย่างออดอ้อนแล้วชนแก้วกับเฟิงจิ่งเหยา

แต่ทว่าเฟิงจิ่งเหยาคล้ายกับว่าไม่ได้มองเห็น วางแก้วเหล้าลงแล้วประกาศกับทุกคนว่า: “ในช่วงเวลานี้ลำบากทุกคนแล้ว บริษัทประสบความสำเร็จดีขนาดนี้ ที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอนคือความทุมเทของพวกคุณ คืนนี้ทุกคนไม่ต้องสงวนท่าที กินเล่นให้มีความสุข เช็คบิลกับบริษัท”

“ขอบคุณท่านประธาน!”

ทุกคนตอบรับอย่างดีใจ

ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งก็กินดื่มกัน

เฟิงจิ่งเหยาก็นั่งลงอีกครั้ง เขามองไปยังกู้ฉางฉิงด้วยจิตสำนึก

สุดท้ายยังไม่ทันได้มองเห็นคน ก็ถูกจี้อี้ดึงไปพูดเรื่องงาน

คนทั้งสองก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน ต่างก็หัวเราะต่อกระซิก สีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาก็นุ่มนวล สายตามองจี้อี้อย่างจนใจ

ท่าทีนั้น เมื่อคนภายนอกมองมาดูเหมือนแฟนหนุ่มที่อดทนต่อปัญหาที่ไม่มีเหตุผลของแฟนสาว

เพียงช่วงเวลาหนึ่งคนจำนวนไม่น้อยต่างเข้าใจผิด รวมถึงคนเหล่านั้นที่พูดคุยกับจี้อี้ล้วนเคารพนบนอบขึ้นมา

“จุ๊ๆ ดูท่านักออกแบบจี้จะเป็นแฟนสาวของท่านประธานพวกเราแน่เลย”

“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าท่านประธานพวกเราไม่ได้สนิทสนมกับผู้หญิง อยู่บริษัทมาตั้งนานแล้ว นอกจากคุณลู่คนก่อนหน้านี้แล้ว ฉันก็เห็นเพียงคุณจี้คนนี้แหละที่ทำให้ท่านประธานมีทีท่าที่อ่อนโยน”

“ได้ยินพวกคุณพูดแบบนี้แล้ว ฉันคิดว่านักออกแบบจี้คนนี้ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยของพวกเราก็เป็นได้”

การสนทนาของพวกเธอยิ่งพูดยิ่งสนุกสนาน แต่กู้ฉางฉิงฟังแล้วก็น่าขำขัน ส่ายหน้าอย่างจนใจ

เธอไม่เข้าไปร่วมสนทนาเรื่องเหล่านี้ แต่รับประทานอาหารอย่างสงบเงียบ

ช่วงเวลางานเลี้ยง เธอรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย วางแผนที่จะไปล้างหน้าในห้องน้ำ

ใครจะรู้ว่าพอเปิดประตู ก็ได้พบกับใบหน้าที่เหมือนกันกับเธอ

เธอตกตะลึง และชัดเจนว่าฝ่าตรงข้ามก็ตกใจ นิ่งอึ้งอยู่กับที่ มองตรงไปยังเธอ

เวลานี้กู้ฉางฉิงก็ดึงสติกลับมา

และในใจก็คาดเดาถึงผู้หญิงตรงหน้าคนนี้

คนๆนี้ก็คือกู้ฉางซินที่เพิ่งกลับมาไม่นาน

เธอคิดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะพินิจพิเคราะห์กู้ฉางซินอย่างละเอียด

ก็พบว่าการแต่งหน้าของเธอละเอียดงดงาม ดูเหมือนจะเผยให้เห็นลักษณะท่าทางของคน หลังที่ยืดตรงแสดงออกถึงความเย่อหยิ่ง

และดวงตาทั้งคู่ของเธอนั้นดูคล้ายกับส่าแฝงไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เหมือนกันกับที่เล่ากันว่าเธออวดดีอำนาจบาตรใหญ่อย่างมาก

ขณะเดียวกันที่กู้ฉางฉิงกำลังพินิจพิเคราะห์กู้ฉางซิน กู้ฉางซินก็กำลังพินิจพิเคราะห์เธอ

เหมือนกัน กู้ฉางซินก็เดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือกู้ฉางฉิง

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย สังเกตขึ้นลงอย่างละเอียดเพื่อจับผิดกู้ฉางฉิง ในสายตาไม่ปิดบังความรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังคิดจะพูดอะไร ดวงตาก็กวาดไปเห็นถึงคนที่อยู่ด้านหลังของเธอ

เพียงเห็นกู้หงเซินที่ไม่รู้ว่ามาปรากฎตัวที่ระเบียงทางเดินเมื่อไร ในมือถือกระเป๋าผู้หญิงใบหนึ่ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านั่นคือกู้ฉางซิน

กู้ฉางฉิงมองอย่างเยาะเย้ยเล็กน้อย เธอดูแลลูกสาวอีกคนหนึ่ง ช่างเป็นพ่อยอดกตัญญูจริงๆเลย

ยังไม่รอให้เธอกล่าวทักทาย กู้หงเซินก็พบว่าเธออยู่ตรงนี้ ทันใดก็ตกตะลึงเล็กน้อย

“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท