กู้ฉางฉิงมองไปที่พ่อลูกตรงหน้า เม้มปากพูดว่า : “บริษัทเฉลิมฉลองอยู่ที่นี่”
พูดจบเธอก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้ กวาดสายตาไปมองห้องวีไอพีด้านหลัง พูดต่อว่า : “เฟิงจิ่งเหยาก็อยู่ข้างใน”
กู้หงเซินกับกู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ ก็คิ้วขมวดเล็กน้อย
ไม่รอให้กู้หงเซินได้เอ่ยปาก กู้หงเซินก็พูดก่อนเลยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณก็มาที่ห้องวีไอพีของพวกเราก่อนเถอะ”
เธอพูดจบ ก็ส่งสัญญาณให้กู้หงเซินออกไป
ก็ฉางฉิงเห็นเธอออกไปก่อน หันกลับมามองเฟิงจิ่งเหยาที่อยู่ที่ห้องวีไอพี ท้ายที่สุดก็ออกไป
บนเส้นทาง กู้ฉางฉิงก็โอ้อวดอย่างยิ่ง เธอกับกู้หงเซินพูดคุยหัวเราะกัน
“พ่อ รู้สึกว่ากลับมาครั้งนี้เมืองหลวงเปลี่ยนไปมากเลย”
รอให้หลังจากคุณกลับมาแล้ว พ่อจะไปเดินเป็นเพื่อนคุณทุกที่เลย”
“เอาเถอะ เมื่อถึงเวลาฉันต้องการซื้อของเยอะมาก ของก่อนหน้านั้นฉันรู้สึกว่ามันสกปรกไปแล้ว”
“โอเค คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย!”
กู้หงเซินเอ็นดูอย่างสุดๆ
ในเวลาเดียวกันที่เขาตอบกลับกู้หงเซิน สายตาก็กวาดมามองกู้ฉางฉิงที่อยู่ข้างหลัง ด้วยแววตาเหยียดหยาม
ก็ใช่ พูดเกี่ยวกับความสนิทสนมของพวกเขา กู้ฉางฉิงก็จะทำตัวเงียบไม่พูดจา
และเนื่องจากนิสัยที่น่ารักอ่อนโยนนี้ ทำให้ไม่เข้าตากู้หงเซินกับกู้ฉางซินอย่างมาก
ไม่นาน ทั้งสามคนก็เข้าไปในห้องวีไอพี
กู้ฉางซินนั่งลงสั่งอาหารอย่างเป็นธรรมชาติมาก กู้หงเซินก็นั่งลงข้างๆเธอ เตรียมอุปกรณ์ทานอาหารให้เธอ
กู้ฉางฉิงนั่งอยู่ตรงข้ามคนทั้งสองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เห็นกู้หงเซินเป็นห่วงเป็นใยทุกๆด้านก็ได้แต่มองข้ามไป
รอให้สั่งอาหารเสร็จ กู้ฉางซินก็หันมามองกู้ฉางฉิน
“เดิมทีก็อยากจะนัดคุณออกมาพรุ่งนี้ แต่ในเมื่อบังเอิญเจอกันแล้ว ก็เลยถือโอกาสพบปะกันเลย”
เธอพิงพนักเก้าอี้ สองมือกอดอก พูดด้วยท่าทีหยิ่งยโส
กู้ฉางฉิงขมวดคิ้ว กำลังจะถามว่าพวกเขามีธุระอะไร ก็เห็นกู้ฉางซินมองตนเองหัวจรดเท้า
“จะว่าไปเราก็ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว”
กู้ฉางซินดูเหมือนว่าจะนึกถึงอะไรอยู่
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ก็อดตกตะลึงไม่ได้
เธอมองกู้ฉางซิน ก็อดที่จะคิดขึ้นมาไม่ได้
ใช่สิ พวกเธอไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว
ฉันยังจำตอนที่เราแยกจากกันได้ พวกเธอเพิ่งจะห้าหกขวบเอง
แต่กู้ฉางซินดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงเป็นตัวของตัวเองเช่นนั้น โอหังเย่ หยิ่ง
เธอยังจำตอนเด็กๆได้ กู้ฉางซินชอบแย่งของของตนตลอด ทุกๆครั้งเธอไม่เคยแย่งกู้ฉางซินได้ ท้ายที่สุดก็ได้แต่ร้องไห้
จากนั้นพ่อก็จะออกมา ทุกๆครั้งจะดุด่าเธอว่าไร้ประโยชน์ แต่กู้ฉางซินกลับได้รับคำชื่นชม
ก็เป็นเพราะเช่นนี้ แม่ได้เพียงแต่เข้ามาปลอบโยนเธอ
เธอนึกถึงแม่ ท้ายที่สุดสีหน้าก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองกู้ฉางซิน
“ใช่ไม่ได้เจอกันนานเลย”
กู้ฉางซินมองเธอแล้วเบ้ปาก : “ไม่เจอกันนานขนาดนี้ ดูคุณไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังคงทำกิริยาเหมือนเป็นคนดี”
กู้ฉางฉิงขมวดคิ้ว ไม่ชอบการดูถูกของเธออย่างมาก
แต่ก็มู้ว่ากู้ฉางซินจงใจหรือไม่เห็น หลังจากเธอพูดจบ ก็มองกู้ฉางฉิงด้วยใบหน้าที่เห็นใจ
“จะพูดไปแล้วตอนนี้คุณก็เหมือนขโมยความสุขของฉันไป ได้เป็นลูกสะใภ้คนหนึ่งของตระกูลที่ร่ำรวย รู้สึกเป็นยังไง? สำราญมากเลยใช่ไหม?”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในสายตามีความโกรธรวมตัวกันอย่างเบาบาง
ยังไม่ทันรอให้เธอโต้แย้ง กู้ฉางซินก็กล่าวต่อไปว่า: “ก็ใช่ ถึงอย่างไรประสบการณ์แบบนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวในชีวิต คว้าโอกาสไว้ดีๆเถอะ พี่สาวแสนดีของฉัน รอฉันกลับมา คุณก็หมดโอกาสแล้ว”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดเยาะเย้ยนี้ของเธอจบ ก็โมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว
ถ้าไม่ใช่สติปัญญาความมีเหตุผลทำให้เธอใจเย็น เวลานี้เธอก็อยากที่จะลุกขึ้นมาแล้วพูดว่าจะไม่คอยรับใช้แล้วจริงๆ
แต่เธอรู้ว่า เธอทำไม่ได้
เพราะว่าแม่ยังจำเป็นต้องใช้เงินเงินพวกเขารักษา
เพราะท่าทีของเธอที่โมโหแต่ไม่กล้าพูดนี้ ก็ยิ่งทำให้กู้ฉางซินไม่พอใจ
เธอมองกู้ฉางฉิงอย่างถากถาง เบ้ปากแล้วกล่าวว่า: “ดูแล้วเวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่มีประโยชน์เลยสักนิด สั่งสอนคุณได้เหลวแหลกเช่นนี้”
กู้ฉางฉิงเดิมทีก็อดทนต่องความอับอายขายหน้าของตนเองได้ แต่เวลานี้เธอได้ฟังคำพูดที่ทำให้แม่เธออับอายขายหน้า ก็โมโหทันที
“คุณพูดแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า? เธอก็เป็นแม่ของคุณนะ”
กู้ฉางซินคาดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะตอบโต้ ความประหลาดใจในดวงตา ทันทีก็ถูกเธอระงับไว้ ยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า: “ไม่ ฉันไม่มีแม่แบบนั้น”
เธอพูดพลาง ก็อดไม่ได้ที่จะร้องเชอะเบาๆ: “อีกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นจะเหมาะสมที่จะเป็นแม่ฉันได้ยังไง ฉันเป็นคุณหนูของตระกูลกู้ แต่คุณไม่ใช่ ฉะนั้นอย่ามาเกี่ยวข้องตรงนี้ ตอนนี้ฉันกับคุณเพียงแค่ทำธุรกิจร่วมกัน ตอนนี้คุณเป็นเจ้าของ เพียงแค่ฉันบริจาคทานให้คุณ”
กู้ฉางฉิงถูกเธอพูดแบบนี้ก็โมโหไม่หยุด แต่จนปัญญาที่จะโต้แย้ง
ใช่ เธอคือหุ้นส่วนพี่คนโตที่พ่อพูดยอมรับด้วยตนเอง แต่เธอและแม่เมื่อสิบเก้าปีก่อนถูกพ่อกำจัดออก
เธอกำหมัดแน่น เล็บมือจิกเข้าไปในเนื้อ ความเจ็บปวดแทงใจแพร่ขยายออกไป นี่จึงทำให้เธออดทนอดกลั้นต่อความโกรธอย่างรุนแรงภายในใจ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตนเองมองกู้ฉางซินอย่างสงบ
“พูดจบแล้วหรือยัง?”
กู้ฉางซินยกคิ้วขึ้น: “ยัง แต่คุณอยากพูดอะไรล่ะ? ฉันหยุดฟังก็ได้”
กู้ฉางฉิงมองเธอที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ ยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า: “กู้ฉางซิน คุณไม่รู้สึกว่าคำพูดของคุณมันขัดแย้งกันบ้างหรอ? เมื่อกี้ที่คุณบอกฉัน ระหว่างพวกเราคือการทำธุรกิจร่วมกัน ตอนนี้คุณยังมาพูดอีกว่าบริจาคทานให้ เห๊อะ ฟังคำพูดเหล่านี้ของคุณจบแล้ว ฉันว่ามันแปลกประหลาดมากจริงๆ คุณมีจุดประสงค์อะไรที่มาให้ฉันปลอมตัวเป็นคุณล่ะ?”
กู้ฉางซินไม่ได้คาดคิดว่ากู้ฉางฉิงจะกล้าตอบโต้กลับ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ว่าจะจุดประงสงค์อะไร นี่ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
เธอพูดจบ ก็ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ส่งสายตามองกู้ฉางฉิงอย่างเงียบๆ
“ดูท่าพ่อจะไม่ได้แกล้งพูด คุณเปลี่ยนไปจริงๆ”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ในสายตาก็มองไปยังกู้หงเซินอย่างไม่เข้าใจ
ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก ก็เห็นกู้ฉางซินเปลี่ยนท่าทีแสดงออก กล่าวอย่างหยิ่งยโสว่า: “เจอหน้ากันครั้งนี้ นอกจากพบคุณ ที่สำคัญก็คือจะบอกคุณว่า อย่าเพ้อฝันของที่ไม่ได้เป็นของตนเอง กู้ฉางฉิง ทางที่ดีที่สุดคุณควรได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริงหน่อย ที่คุณมีอยู่ตอนนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ฉันให้ แต่ฉันก็จะริบมันกลับคืนมาโดยเร็ว ดังนั้นจะเตือนคุณไว้คำหนึ่งว่า ทำตัวดีๆหน่อย ปฏิบัติกับทุกคนให้ดีๆ!”
เธอพูดจบ ความโกรธที่กู้ฉางฉิงระงับไว้ไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป
ตั้งแต่เธอตกลงร่วมมือกันมา คำพูดเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอได้ยินมากที่สุด
“ต้องการทำให้คุณผิดหวัง สิ่งเหล่านี้ที่คุณพูดแต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยคิดเลย ถ้าวันนี้ที่พบกันคุณต้องการพูดสิ่งนี้ งั้นฉันก็คิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องเจอกันต่อไปแล้ว”
พูดจบ เธอก็หันเดินไปยังประตูโดยตรง
กู้ฉางซินมอง_พด้านหลังของเธอที่ออกไปก็ไม่ได้ขัดขวาง ในดวงตาที่เป็นประกาย ทันทีก็กล่าวเยาะเย้ยอย่างเยือกเย็นว่า “พวกเธอยังคงทำให้คนผิดหวังจริงๆ ยังคิดว่าหลายปีขนาดนี้แล้ว น่าจะมีการพัฒนาบ้าง”
กู้หงเซินยิ้มอย่างเย็นชาเงียบๆ: “ก็ผู้หญิงคนนั้น เดิมทีก็ไม่มีความสามารถอะไร เธอสอนลูกออกมา จะมุ่งหวังความสำเร็จอะไรได้”
กู้ฉางซินฟังจบก็คิดว่ามีเหตุผล เบ้ๆปากแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก