กู้ฉางฉิงก็รับรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ไม่ได้โต้แย้งอะไร พยักหน้าเห็นด้วย
“ก็ได้ ฉันจะไปรอคุณที่ร้านกาแฟ”
เธอพูดจบ ก็หันกลับออกไป
จี้เฟิงหนุนมองไปยังเธอที่จากไป มองกู้ฉางซินอีกครั้ง เม้มๆปาก แล้วเดินตามกู้ฉางฉิงออกไป
กู้ฉางซินจ้องมองดูพวกเขาที่ออกไปไกล ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตามืดครึ้ม แล้วกลับไปที่งานเลี้ยงทันที
เธอเดินผ่านฝูงชนไปเรื่อยๆ แต่หาคนที่ได้พบกันไม่เจอ
ทว่าไม่รู้เลย เวลานี้ทุกการเคลื่อนไหวของเธอถูกจับตาโดยเฟิงจิ่งเหยาที่อยู่ไม่ไกล ความสงสัยในแววตาก็มากยิ่งขึ้น
รู้สึกอยู่ตลอดว่าคืนนี้กู้ฉางซินเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เขาคิดถึงสิ่งเหล่านี้ วางแผนจะพิสูจน์ความคิดในใจเล็กน้อย ก็เลยเดินเข้าไปที่กู้ฉางซิน
“คุณหาใครอยู่หรอ?”
กู้ฉางซินได้ยินน้ำเสียงนี้ ร่างกายก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ ไม่นานก็กลับมายิ้มอย่างเป็นธรรมชาติและหันมาอย่างสง่างาม
“ใช่ หาคนอยู่”
เธอพูดจบ มองไปที่เฟิงจิงเหยาโดยไม่แสดงท่าทีเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย : “คุณต้องการช่วยฉันหาไหมล่ะ?”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้ว แต่ยังคงพยักหน้าเห็นด้วย
กู้ฉางซินคาดหวังเรื่องนี้มานานแล้ว ดังนั้นจึงยักไหล่และพาเฟิงจิ่งเหยาไปรอบๆ ฝูงชน
และเวลานี้ กู้ฉางฉิงก็ไปถึงร้านกาแฟด้านนอกโรงแรม
“ขอโทษนะ เป็นเพราะฉันคุณเลยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
กู้ฉางฉิงนึกถึงงานเลี้ยงเมื่อกี้นี้ กู้ฉางซินด่าทอจี้เฟิงหยุน ก็พูดขอโทษ
“ไม่เป็นอุปสรรค ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าสุดท้ายพวกคุณมีแผนการอะไร แต่ฉันคิดว่าคุณทำแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะลำบากใจ”
จี้เฟิงหยุนรู้ว่ากู้ฉางฉิงไม่เต็มใจที่จะบอกตน ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอีก ก็เข้าใจคลายกังวล
พูดได้ว่า ความเข้าใจนี้ของเขาทำให้กู้ฉางฉิงโล่งใจมาก
เพราะเรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร พูดออกมาบางทีหลายๆคนอาจจะไม่เข้าใจ
“ขอบคุณนะ”
เธอถือกาแฟแล้วขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
จี้เฟิงหยุนหยิบกาแฟขึ้นมาและชนแก้วกับเธอ : “เพียงแต่ฉันรู้สึกกังวลใจเล็กน้อยเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น หวังว่าเธอจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนในงานเลี้ยงนะ”
กู้ฉางฉิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกตะลึง
“ก็หวังว่านะ”
เธอก็หวังว่ากู้ฉางซินจะไม่ก่อปัญหา แต่เธอเข้าใจดี ตามนิสัยกู้ฉางซินนั้น ต้องการให้เธอปลอดภัยและไม่สร้างความเดือดร้อน นั่นเป็นไปไม่ได้
ในความเป็นจริงมันก็เป็นไปตามที่กู้ฉางฉิงคิด เธอจากไปไม่นาน กู้ฉางซินก็เจอเรื่องทางด้านนี้
เดิมทีเธอก็พาเฟิงจิ่งเหยาเดินไปรอบๆงานเลี้ยง แล้ววางแผนจะหาโอกาสสลัดทิ้งอีกที ใครจะรู้ว่ามู่เฉาเกอจะเข้ามาในเวลานี้ ไม่ทันระวังเลยสะดุดเท้า
“ระวังหน่อย”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นมู่เฉาเกอที่จะล้มมิล้มแหล่ ก็เข้าไปประคองโดยจิตใต้สำนึก
มู่เฉาเกอรับรู้ได้ถึงแขนแกร่งที่รอบเอว ความเขินอายก็ฉายบนใบหน้า ยิ้มพูดว่า : “ขอบคุณค่ะ”
ถึงแม้เธอจะพูดขอบคุณ แต่ไม่ได้ออกมาจากอ้อมแขนของเฟิงจิ่งเหยา
กู้ฉางซินยืนกอดอกดูอยู่ข้างๆ
เธอเหลือยไปมองเฟิงจิ่งเหยา และมองใบหน้าที่เขินอายของมู่เฉาเกอ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเย็นชา
“หึ ฉันว่าพอแล้วล่ะ นี่คุณแสร้งทำเป็นอ่อนแออยู่หรอ?”
เห็นว่าฉับพลันเธอก็เดินเข้ามา ทำให้มู่เฉาเกอออกจากในอ้อมกอดของเฟิงจิ่งเหยาทันที อีกทั้งยังใช้แรงผลักเล็กน้อย
มู่เฉาเกอไม่ได้เตรียมป้องกัน ถูกเธอดึงออกมา เลยโซเซถอยหลังไป เหมือนว่าจะล้มอีกครั้ง โชคดีที่ได้การตอบสนองที่ว่องไวของเฟิงจิ่งเหยาทำให้ตั้งตัวได้
“กู้ฉางซิน คุณทำอะไร?”
เฟิงจิ่งเหยาถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
การกระทำที่ฉับพลันของกู้ฉางซินทำให้มู่เฉาเกอตกใจ
เธอตกตะลึงมองไปที่กู้ฉางซิน เป็นเวลานานสติจึงกลับมา ขมวดคิ้วพูดว่า : “คุณกู้นี่คุณไม่พอใจอะไรฉันหรอ?’
กู้ฉางซินมองเธอ พูดถากถางว่า : “ไม่พอใจอย่างมาก!”
เธอพูดจบ ก็มองไปทางเฟิงจิ่งเหยา
“คุณก็ไม่อายที่จะถามว่าฉันทำอะไร ไม่ว่าอย่างไรคุณก็เป็นสามีฉัน มาโอบกอดผู้หญิงอื่นต่อหน้าฉันได้ยังไง?”
เฟิงจิ่งเหยาคาดไม่ถึงว่ากู้ฉางซินจะพูดคำนี้ออกมา สีหน้าก็เคร่งขรึม
“ฉันแค่ประคองเธอก็เท่านั้น”
เขาอธิบายด้วยเสียงเย็นชา แต่กู้ฉางซินไม่ตอบสนอง
“ประคองเล็กน้อยแล้วต้องโอบไว้ในอ้อมกอด แล้วนานแล้วก็ยังไม่ปล่อยมือหรอ?”
เธอกล่าวเสียดสี น้ำเสียงก็ไม่เบา ดึงดูดให้คนโดยรอบมองเข้ามา
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ สีหน้ามืดครึ้มจนจะกลายเป็นหยดหมึก
มู่เฉาเกอเห็น ถึงแม้ว่าในใจจะแปลกใจกับท่าทีของกู้ฉางซิน แต่ยังหยัดเป็นคนไกล่เกลี่ย
“คุณกู้ คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ เมื่อกี้ฉันสะดุดเท้า ไม่มีการตอบสนองไปชั่วขณะ จึงทำให้เสียเวลานานแบบนั้น”
กู้ฉางซินฟังคำพูดที่นุ่มนวลของเธอ ก็ไม่หลงกลเธอ กล่าวเหน็บแนมว่า: “ต่อหน้าฉันเสแสร้งดัดจริตให้น้อยๆหน่อย ฉันไม่หลงกลเธอหลอก มีใจไม่มีใจ ในใจของตัวพวกคุณเองรู้ดี”
เอพูดจบ เสียงวิพากย์วิจารณ์ของคนโดยรอบก็ดังขึ้นมาไม่น้อย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อกี้ได้ยินผู้หญิงคนนี้พูดว่า เธอเป็นภรรยาของประธานเฟิง อีกทั้งประธานเฟิงก็ไม่ได้กล่าวปฏิเสธ นี่…..”
“ใช่ ฉันก็ได้ยิน ประธานเฟิงแต่งงานตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“ถ้าแต่งงานแล้วจริงๆ งั้นตอนนี้…….”
คำพูดเหล่านั้นยังไม่จบ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหยุดลงแล้ว แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ยังเข้าใจความหมายในนั้น
ช่วงเวลาหนึ่ง เฟิงจิ่งเหยาและมู่เฉาเกอที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ชัดเจนว่าอับอายขายหน้าอย่างมาก
เฟิงจิ่งเหยาก็ยิ่งเยือกเย็นไปทั่วทั้งตัว
แต่ทว่ากู้ฉางซินก็ไม่หวาดหวั่น เผชิญสายตา
“ทำไม คิดว่าฉันพูดไม่ถูกหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นท่าทีของเธอที่ไม่รู้จักเก็บอาการ ความเยือกเย็นบนใบหน้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
“ฉันจะให้คนส่งคุณกลับไปก่อน”
เขามองกู้ฉางซินอย่างเคร่งขรึม แล้วหันไปพูดเบาๆกับมู่เฉาเกอ
มู่เฉาเกอกวาดสายตามองกู้ฉางซิน ไม่ได้ปฏิเสธ
“รบกวนคุณแล้ว”
เฟิงจิ่งเหยาไม่พูดจา เรียกชวี่ยี่มาให้เขาส่งมู่เฉาเกอออกไป
กู้ฉางซินเห็นว่ามู่เฉาเกอถูกส่งกลับไป ในสายตาก็ระงับความลำพองใจไว้ไม่อยู่
เฟิงจิ่งเหยาเห็น ในสายตาปรากฎความเยือกเย็น ไม่สนใจเธอเดินมุ่งตรงไป
และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ กู้ฉางฉิงที่อยู่ที่ร้านกาแฟไม่ได้รู้เรื่องเลย
เธอรออยู่ที่ร้านกาแฟเกือบจะสองชั่วโมงแล้ว กู้ฉางซินจึงเดินกรีดกรายมาอย่างเชื่องช้า
คนทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว กำลังเตรียมจะออกไป
ทันใดกู้ฉางซินก็นึกอะไรได้ หยุดฝีเท้าแล้วกล่างเตือนสติว่า: “กู้ฉางฉิง ฉันรู้ว่าคุณนิสัยอ่อนแอ แต่ไม่ว่ายังไงตอนนี้คุณก็เป็นสถานะของฉัน อย่ามาไร้ประโยชน์แบบนั้น”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดนี้ ในสายตาก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
พอดีเมื่อเธอคิดที่จะถาม แต่กู้ฉางซินก็เดินจากไป
จนปัญญา เธอได้แต่ระงังความสงสัยในใจและกล่าวลาจี้เฟิงหยุน
เธอนั่งรถกลับไปถึงคฤหาสน์ชายทะเล ไม่คาดคิด พอเข้าประตู ก็พบกับเฟิงจิ่งเหยาที่กลับมาพอดี
“จิ่งเหยา”
เธอยิ้มแล้วเข้าไปทักทาย
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ หยุดฝีเท้าเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึมโดยฉับพลัน
เขาปลดปล่อยความเยือกเย็นออกมาในชั่วพริบตาทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ฉางฉิงอดไม่ได้ที่จะแข็งทื่อขึ้นมา
“เป็นอะไรไป?”
เธอกล่าวถามอย่างไม่สบายใจ แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย หลังจากมองเธอทีหนึ่ง ก็ดึงสายตากลับแล้วเดินจากเธอไปโดยตรง
กู้ฉางฉิงมองภาพด้านหลังที่จากไปของเขา ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัย
นี่เขาเป็นอะไรไป?
เธอคิดแล้วไม่เข้าใจ จนกระทั่งวันที่สอง เธอจึงพบกับคำตอบ
ก็เห็นข่าวในWeiboบนโทรศัพท์มือถือล้วนเป็น’เธอ’ที่เข้าไปจู่โจมมู่เฉาเกอต่อหน้าสาธารณะชนเมื่อคืนนี้