สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 236 มาหาเธอเพื่อคิดบัญชี

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางฉิงได้ยินคำนี้ ก็อดตกใจไม่ได้

เฟิงจิ่งเหยาไปงานต่างจังหวัด?

ทว่าเขาไม่ได้บอกกับตน

เธอคิดถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตนเอง

เกรงว่าเฟิงจิ่งเหยาต้องการจะหลบหลีกเธอจึงจงไม่บอกเธอ

เธอโบกมือให้พ่อบ้านออกไป หันกลับไปยืนอยู่หน้าประตูห้อง ในใจรู้สึกล้มเหลวอย่างมาก แล้วก็ไม่สบายใจอย่างยิ่ง

ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ เธอจึงนอนไม่หลับอยู่บนเตียง

เธอเอาแต่คิดว่า ความรู้สึกดีๆที่ได้ขัดเกลากับเฟิงจิ่งเหยาอย่างยากลำบากนั้นได้กลายเป็นลบหมดแล้วใช่ไหม

แต่ไม่รู้ว่า ทั้งหมดนั้นเป็นความคิดเพ้อเจ้อของเธอ

จริงๆที่เฟิงจิ่งเหยาออกไปเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน

……

วันต่อมา กู้ฉางฉิงที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนตื่นแต่เช้าเพื่อล้างหน้าบ้วนปาก จากนั้นก็ลงไปทานอาหาร

ในระหว่างรับประทานอาหารเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่ออ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ต ปรากฏว่าการรายงานเหล่านั้นถูกระงับไปแล้ว เปลี่ยนเป็นข่าวยอดนิยมอื่นๆ

เธอรู้ว่านี่น่าจะเป็นเฟิงจิ่งเหยาให้คนไปจัดการ ดังนั้นจึงอ่านสองสามที แล้ววางโทรศัพท์ลง ทว่ากินอะไรก็ไม่รู้รสแล้ว

เธอฝืนกินอาหารให้เสร็จแล้วกลับไปที่ห้อง จู่ๆก็นึกถึงวันนั้นที่มู่จิ่นพาเธอไป

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเธอยังไม่ได้บอกเขาเลย อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาเขา

ท้ายที่สุดก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร คืนนั้นที่มู่จิ่นพาเธอไปงานเลี้ยงก็เพื่อช่วยเธอ

“คุณมู่ ขอโทษนะ ความหวังดีของคุณในคืนนั้นดูเหมือนฉันจะทำมันพัง”

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เธอที่เป็นคนทำ แต่เธอยังรู้สึกทุกข์ใจ

“ไม่เป็นไร ฉันยังเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนที่จะตบตีใครตามใจแบบนั้น เรื่องเหล่านี้ที่วุ่นวายขึ้นมา แน่นอนว่าต้องมีสาเหตุของตัวมันเอง”

ในสาย พอนึกถึงคำพูดที่เห็นอกเห็นใจของมู่จิ่น ก็ทำให้กู้ฉางฉิงซาบซึ้งใจเล็กน้อย

นี่คือนอกจากจี้เฟิงหยุนแล้ว ก็เป็นคนที่สองที่บอกว่าเชื่อเธอ

อีกทั้งพวกเขายังเป็นแค่เพื่อนธรรมดาๆ

ชั่วขณะในใจก็รู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

“คุณกู้ คุณยังอยู่ไหม?”

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกู้ฉางฉิงเงียบนานเกินไปหรือเปล่า มู่จิ่นพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“ฉันยังอยู่”

เธอสูดหายใจลึกๆ กล่าวขอบคุณจากใจจริง : “ขอบคุณนะ มู่จิ่น”

ในขณะนี้ เธอคิดว่ามู่จิ่นเป็นเพื่อนจริงๆ และไม่ใช่รุ่นพี่ในสายอาชีพ

มู่จิ่นสังเกตได้ถึงท่าทีของเธอที่เปลี่ยนไป จากนั้นก็พูดปลอบใจอีกสองสามคำ ก่อนจะวางสาย

หลังจากวางสายไป หัวใจที่หนักอึ้งของกู้ฉางฉิงก็ผ่อนคลายลงมาก

เธอกลับมากะปรี้กะเปร่าอีกครั้ง วางแผนจะทุ่มเทในการทำงาน

เพราะเธอถูกลดตำแหน่งไปแล้ว ไม่ได้เป็นผู้จัดการบริษัทอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปบริษัท ก็อยู่บ้านวาดภาพออกแบบก็ได้

เธอจมอยู่กับงานไม่นาน โทรศัพท์ข้างๆก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เธอชำเลืองมอง เป็นเบอร์ของบริษัท ก็เลยรับสาย

ในนั้นได้ยินน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเย็นชาของจี้อี้

“นักออกแบบกู้ รบกวนมาที่บริษัทในตอนนี้เลย”

กู้ฉางฉินขมวดคิ้ว ถามโดยจิตใต้สำนึก : “เกิดเรื่องอะไรหรอ?”

จี้อี้ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่บอกกู้ฉางฉิงว่าให้รีบมาโดยเร็ว แล้วก็วางสายไป

กู้ฉางฉิงมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไปแล้ว ก็ขมวดคิ้วแน่น แต่ยังคงเก็บของแล้วไปที่บริษัท

รอเธอเดินทางมาถึง เข้าไปที่แผนกออกแบบ ก็พบว่าทุกคนในแผนกออกแบบสีหน้าดูเคร่งขรึมจริงจัง

ชั่วพริบตาที่เธอปรากฎตัว ทุกๆคนก็มองมาทางเธอ สายตาเหล่านั้นเหมือนอยากจะกลืนกินเธอ

กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็เดาได้ว่าเกิดเรื่องแล้ว

เพียงแต่ยังไม่รอให้เธอคาดเดาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชวี่ชิงหยุนก็ตะโกนเสียงแหลมขึ้นมา

“กู้ฉางซิน คุณยังมีหน้ามาปรากฎตัวอีก พวกเราถูกคุณทำให้เสียหายอย่างมากจริงๆ”

เพียงคำพูดนี้ออกมา นักออกแบบบางคนที่เดิมทีโกรธแต่ไม่กล้าพูดก็ซุบซิบกันขึ้นมา

“ใช่ เพราะเธอ ผลการทำงานเดือนนี้ของพวกเราต้องถูกผลกระทบไปด้วย”

“พูดตามจริงแล้ว ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนเป็นตัวซวยจริงๆ เพียงแค่เรื่องที่เธอเข้าใกล้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะพอผ่สนแบบถูๆไถๆไปได้ ก็จะซวยเพราะเรื่องราวต่างๆ

“ฟังคุณพูดแบบนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องจริง”

“โอ๊ย ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้บริษัทจะวางแผนจัดการยังไง ไม่รู้ว่าจะยังปกป้องคนผิดเหมือนครั้งก่อนหรือเปล่า”

“ใครจะรู้ ก็ไม่ใช่บอกว่าเธอมีคนอยู่เบื้องหลังหรอ?”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำวิพากย์วิจารณ์เหล่านี้แล้ว สีหน้าก็เศร้าสลด แต่ไม่ได้โต้เถียงพวกเขา

ส่วนชวี่ชิงหยุน ก็ไม่มองหน้าเลยสักนิด เดินไปยังห้องทำงานผู้จัดการแผนกโดยตรง

“ผู้จัดการแผนกจี้”

เธอเคาะประตูแล้วเข้าไป กล่าวทักทายอย่างสุภาพ

จี้อี้ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร สีหน้าจริงจังกล่าวว่า: “คิดๆดูแล้วนักออกแบบกู้น่าจะรู้ ฉันเรียกคุณมาเพราะเรื่องอะไร”

กู้ฉางฉิงมองสีหน้านี้ของเธอ คิดไปถึงคำพูดที่ได้ฟังมาจากด้านนอกเมื่อกี้ ในใจก็คาดเดาได้อย่างคร่าวๆ

“เดาได้เล็กน้อย แต่ไม่แน่ใจ”

เธอเม้มปากตอบกลับ จี้อี้มองเธออย่างจริงจัง

“เพราะความเอาแต่ใจตนเองของนักออกแบบกู้ ต่อให้เป็นครั้งแรกที่บริษัทต้องรับมือ แต่จำนวนที่บริษัทยังคงต้องได้รับผลกระทบด้วยสาเหตุของคุณ ประกอบไปด้วยสินค้าที่เป็นความร่วมมือของพวกเรากับRC ตอนนี้ก็เตรียมได้รับการโจมตี ขืนเป็นแบบนี้อีกต่อไป บริษัททำได้เพียงไล่ออก จึงจะสามารถสงบความโกรธแค้นของมวลชนในครั้งนี้ได้”

กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดนี้ ก็ตะลึงงัน

เธอคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนามาถึงจุดนี้

คือคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง กู้ฉางซินที่ทำเรื่องที่เอาแต่ใจ จะทำความยุ่งยากอันใหญ่หลวงให้เธอขนาดนี้

เธอมองจี้อี้อย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรดี

“ทำไม? คุณมีอะไรอยากจะพูดหรอ?”

จี้อี้มองแววตาของเธอ กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

กู้ฉางฉิงดึงสติกลับมาแล้วส่ายหน้า: “ไม่มีค่ะ เรื่องนี้ฉันยอมรับการลงโทษทุกอย่าง”

ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็แสดงเป็นกู้ฉางซิน ก็ต้องแบกหม้อทั้งหมดของเธอ ถึงอย่างไรนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว

จะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้เธอกังวลใจก็คือ ถ้าเธอไม่ได้เป็นนักออกแบบนี้แล้ว ต่อไปเธอจะทำยังไง?

จี้อี้ไม่รู้ความคิดในใจของเธอ ได้ยินคำตอบของเธอ ในสายตาก็ฉาบไปด้วยความืดสลัว

“เมื่อได้ยินสิ่งที่คุณพูดนี้ ฉันคิดว่าคุณก็รู้โดยภาพรวม ฉันมาที่นี่ก็เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจให้กับคุณก่อน ผลสรุปของบริษัทอย่างเป็นรูปธรรมก็ยังไม่ออกมา ดังนั้นสองสามวันนี้คุณก็อยู่ที่บ้าน รอบริษัทกำหนดแผนออกมา แล้วค่อยจัดการอีกทีหนึ่ง”

เธอน้ำเสียงนุ่มนวล กล่าวประกาศ

กู้ฉางฉิงไม่มีความเห็นต่าง พยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันไปก่อน”

จี้อี้พยักหน้า มองตามเธอออกไป

พอเงาของกู้ฉางฉิงหายไปจากห้องทำงานโดยสิ้นเชิงแล้ว จี้อี้ก็ยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย

“กู้ฉางซินคนนี้ดูแล้วก็ไม่ค่อยเท่าไร”

พูดพลาง ในสายตาของเธอก็เต็ทไปด้วยรังสีการคิดร้ายต่อคนอื่น

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้กู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้

หลังจากที่เธออกจากห้องทำงาน ก็ไม่ได้อยู่ที่บริษัทนาน นั่งรถกลับไปยังคฤหาสน์ชายทะเลโดยตรง

ใครจะคิด พอเธอถึงบ้าน ก็พบกับคุณนายเฟิงที่ท่าทางโหดร้าย

และด้านหลังยังมากับคนจำนวนไม่น้อย

มีเฟิงจิ้งหยวนที่ดูมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่น แล้วก็มู่เฉาเกอที่สีหน้าไม่น่าดู รวมทั้งหญิงชนชั้นสูงคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก

อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดาตัวตนของเธอจากใบหน้าที่คล้ายกันของเธอและมู่เฉาเกอ คิดๆดูแล้วน่าจะเป็นแม่ของมู่เฉาเกอ

กู้ฉางฉิงมองถึงตรงนี้แล้ว เห็นผู้หญิงคนนั้นมองมายังตนเองด้วยสายตาที่โกรธเดือดดาล ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเอะใจเล็กน้อย

มากันขบวนใหญ่แบบนี้ หรือว่ามาหาเธอเพื่อคิดบัญชี?

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท