เมื่อกู้ฉางฉิงกำลังจะคุกเข่าขอโทษ มู่เฉาเกอก็มองเธอตาเป็นประกาย จู่ๆก็เดินขึ้นมา ขัดขวางไว้
กู้ฉางฉิงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
มู่เฉาเกอเม้มปากพูดว่า : “ช่างเถอะ คุณกู้ไม่ต้องคุกเข่าหรอก เรื่องนี้ก็ลืมมันไปซะเถอะ”
ใครจะรู้ว่ามู่เฉาเกอจะทำเช่นนี้ ทุกๆคนต่างตกตะลึง
คุณนายมู่สติกลับมา มองลูกสาวอย่างไม่เข้าใจ : “เฉาเกอ คุณ……”
เธอพูดยังไม่ทันจบ มู่เฉาเกอก็เข้าใจความหมายแม่ของตนเองแล้ว พูดอธิบายว่า : “แม่ จิ่งเหยาก็ได้พูดถึงสถานภาพนี้แล้ว ถ้าเรายังไม่ถอยอีก นั่นก็ก้าวร้าวไปแล้ว”
พูดจบ เธอก็หยุดเล็กน้อย มองมาทางเฟิงจิ่งเหยา น้ำเสียงเคร่งขรึม : “ครั้งนี้เห็นแก่หน้าของคุณนะ ก็เลยไม่คิดเล็กคิดน้อย”
คุณนายมู่ได้ฟังคำนี้ ก็ไม่เต็มใจเล็กน้อย
“เฉาเกอ คุณไม่ต้อง……”
เธออยากจะพูดอะไร แต่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกมู่เฉาเกอตัดบท
“แม่ ถ้าคุณต้องการให้ฉางซินคุดเข่าให้ฉันจริงๆ ต่อไปฉันจะรู้สึกละอายใจที่จะเจอจิ่งเหยาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรฉางซินก็เป็นภรรยาของจิ่งเหยา”
เธอพูดจบ ก็มองคุณนายมู่ด้วยแววตาลึกซึ้ง
คุณนายมู่ก็เข้าใจความหมายในแววตาเธอ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ท่าทางที่รู้จักคิดมีเหตุผลนี้ ก็ทำให้คุณนายเฟิงประทับใจมาก ในเวลาเดียวกันก็โล่งอก
เมื่อกี้เธอกังวลใจมากว่ามู่เฉาเกอจะยืนกราน เกี่ยวกับตัวจิ่งเหยาเองที่จะคุกเข่าขอโทษกับนังสารเลวนั่น
ถ้าเป็นเช่นนั้น ศักดิ์ศรีตระกูลเฟิงของพวกเขาก็ต้องขายหน้าแก่ตระกูลมู่เป็นแน่
เธอนึกถึงตรงนี้ ก็ไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชม : “คุณนายมู่ พวกคุณอบรมสั่งสอนได้ดีมาก ถ้าทุกๆคนรู้จักคิดรู้จักทำเหมือนกับเฉาเกอเช่นนี้ก็คงจะดีมาก”
เธอพูดจบ ก็มองมาทางกู้ฉางฉิง ในแววตาเยือกเย็น
คุณนายมู่ไม่ได้ปฏิเสธ : “คนนี่ ต้องให้ความสำคัญกับนิสัยเดิม เฉาเกอของเราก็เกิดมาอารมณ์ดีอย่างนี้แหละ”
“ใช่ เฉาเกอเป็นเด็กผู้หญิงที่ว่านอนสอนง่ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”
คุณนายเฟิงพูดคล้อยตาม
เฟิงจิ้งหยวนได้ฟังทั้งสองคนประจบสอพลอ ก็กลอกตาในใจ จ้องมองกู้ฉางฉิงด้วยความโกรธ
เธอคิดว่าจะได้ดูโชว์ดีๆ ไม่คาดคิดว่ามันจะจบลงเช่นนี้
เธอคิดแล้ว มองมู่เฉาเกอด้วยความเหยียดหยาม
ยังคิดว่าเธอมีความสามารถอะไรที่ยอกเยี่ยม ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
มู่เฉาเกอดูเหมือจะสังเกตได้ถึงสายตาของเฟิงจิ้งหยวน มีแสงพาดผ่านแววตา ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วมองไปที่เฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ ก็ส่งสายตาไปขอบคุณ
“เรื่องครั้งนี้ได้รับความกรุณาจากคุณครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าวันอื่นฉันจะไปขอโทษด้วยตนเองเลย”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่มู่เฉาเกอต้องการคือคำพูดนี้ของเขา
“โอเค งั้นฉันจะรอคุณ”
รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏในแววตาของมู่เฉาเกอ แล้วพยักหน้า
เช่นนี้ ความสนุกก็สิ้นสุดลง เพราะว่าเฟิงจิ่งเหยากลับมาก่อนกำหนด
ถึงแม้ว่าคุณนานเฟิงจะไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้ แต่ทางด้านตระกูลมู่นั้นได้แสดงทัศนคติแล้ว เธอยังกังวลว่ามันจะทำให้จิ่งเหยาไม่พอใจ
ท้ายที่สุดเธอก็พาเฟิงจิ้งหยวนออกไปอย่างไม่เต็มใจ
พวกเธอไปแล้ว แม่ลูกมู่เฉาเกอก็ตามออกไป
รอส่งทุกคนแล้ว กู้ฉางฉิงยืนก้มหน้าพูดอยู่ข้างๆเฟิงจิ่งเหยา : “ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณลำบาก”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินคำนี้ ก็ชำเลืองมองเธอ หลังจากที่พยักหน้านิดๆ ก็ไม่พูดอะไรเดินตรงขึ้นข้างบนไป
ระหว่างคิ้วของเขายังคงมีความเหนื่อยล้าเล็กน้อย คำที่จะพูดกับกู้ฉางฉิงสักประโยคก็ไม่มี
กู้ฉางฉิงมองภาพด้านหลังของเขาที่ออกไป ในสายตาเต็มไปด้วยความสับสนและเป็นทุกข์
เขาคงจะผิดหวังกับตนเองมากเลยใช่ไหม?
เธอคิดพลาง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตนเองขึ้นมา
ดูท่าจะเหมือนกับคำพูดของเธอจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดในอดีต ตอนนี้มันช่างเสียแรงเปล่า
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ความคิดภายในใจของกู้ฉางฉิง หลังจากที่เขาล้างหน้าบ้วนปากแล้ว ก็ตรงไปเอนกายพักผ่อนบนเตียง
สองวันนี้วิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด จึงไม่ได้พักผ่อนดีนัก แล้วบวกกับกลับมาเจอเรื่องราวแบบนี้ พูดได้ว่าเหนื่อยจนอ่อนระโหยโรยแรง
ดังนั้นเขาจึงหลับสนิทมาก
พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว
เขานึกถึงคนอีกคนที่อยู่ร่วมกัน รีบลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าวางแผนที่จะออกไป
คาดไม่ถึงว่าพอเดินมาถึงระเบียงทางเดิน ก็คล้ายกับได้ยินเสียงโต้เถียงกันออกมาจากห้องหนังสือ
เขาแปลกใจเล็กน้อย
เพราะเสียงนี้คือเสียงของกู้ฉางซิน
ในความเป็นจริงก็คือกู้ฉางฉิงและกู้กงเซินทะเลาะกันจริงๆ
“นี่คุณมีท่าทีอะไร ฉันจะยอกคุณให้ เรื่องนี้ไม่ทำก็เหมือนทำ!”
กู้หงเซินที่อยู่ในสายกล่าวตำหนิ
ปรากฎว่าเมื่อไม่นานมานี้ตระกูลได้เตรียมที่จะประมูลที่ดินในเขตชานเมืองด้านตะวันออก วางแผนที่จะสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หากสร้างสำเร็จ การพัฒนาในอนาคตจะน่าประทับใจมาก เพียงแต่ตอนนี้กู้ซื่อของพวกเขาขาดแคลนเงินทุน ต้องการเงินทุนจำนวนมาก
เวลานี้กู้หงเซินก็นึกถึงเฟิงจิ่งเหยา ก็เลยส่งคนไปเจรจาหารือกับเขา แต่ก็ล้มเหลว
เขาจึงโทรศัพท์มาหากู้ฉางซินที่นี่ ก็เพื่อเรื่องนี้
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดที่แทบจะบัญชาการของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา: “กู้หงเซิน คุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหน คิดว่าหลังจากที่ลูกสาวตัวดีของคุณต้องเผชิญกับหายนะใหญ่หลวงขนาดนี้ ตระกูลเฟิงยังเต็มใจที่จะลงทุนกับคุณ เกรงว่าคุณจะฝันกลางวันไปหรือเปล่า?”
เธอพูดพลาง ก็นึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ในใจก็คิดแค้นเคืองขึ้นมา
“กู้ฉางซินเธอเดินได้อย่างสง่าผ่าเผย รู้บ้างไหมว่าฉันเกือบจะถูกเธอฆ่าตาย!”
เธอกล่าวตำหนิกู้ฉางซินด้วยความโกรธ ทำให้กู้หงเซินโกรธ
“คุณยังไม่ละอายที่จะพูดถึงฉางซินอีก ถ้าไม่ใช่ปกติแล้วคุณไร้ความสามารถเกินไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปรุกรานเฟิงจิ่งเหยาหรอก คุณก็น่าจะรู้ พวกเธอรุกรานเฟิงจิ่งเหยา ก็คือรุกรานสิทธิประโยชน์อันพึงได้ของฉางซิน”
กู้ฉางฉิงกัดฟันฟังเหตุผลข้างๆคูๆนี้ของเขา รู้สึกว่าทัศนคติสามอย่างของตนเองถูกพวกเขาสองพ่อลูกเปลี่ยนใหม่อีกครั้ง
กู้หงเซินเห็นเธอนิ่งเงียบ ร้องเชอะเบาๆแล้วพูดว่า: “ที่ฉางซินทำไปครั้งนี้ ก็เพื่อจัดการปัญหาที่ยุ่งยากให้คุณ คุณควรจะขอบคุณเธอด้วยซ้ำไป!”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดนี้ ทำให้หัวเราะออกมาโดยตรง
“ใช่ ฉันควรจะขอบคุณเธอ เพราะเธอ ฉันจึงต้องทนต่อการกลั่นแกล้ง แล้วยังถูกคนบังคับให้คุกเข่าขอโทษ ฉันควรจะขอบคุณเธอจริงๆ!”
กู้หงเซินได้ฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองของเธอนี้ ก็ขมวดคิ้วแน่น
“คุณลืมไปแล้วหรอ นี่คือเนื้อหาการร่วมธุรกิจแต่แรกของพวกเรา!”
เขาพูดพลาง กล่าวเตือนสติกู้ฉางฉิงด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “อย่าลืมนะ เพื่อรักษาแม่ของคุณ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณควรจะทำ นับประสาอะไรกับคุกเข่า ต่อไปยังมีเรื่องที่คุณต้องทำอีกมากมาย!”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดหน้าด้านไร้ยางอายของเขาจบ ก็โมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว พูดโต้แย้งไม่ออกเลยสักคำ
เพราะความจริงเป็นเช่นนี้
ตั้งแต่เธอรับปากมี่จะเริ่มรวมมือทำธุรกิจกับกู้หงเซิน เรื่องราวที่มีทั้งหมดล้วนไม่ยอมให้เธอเลือกเลย
เธอกำหมัดแน่น เล็กนิ้วมือจิกเข้าไปในเนื้อความเจ็บปวดที่ค่อยๆเข้ามาทำให้เธอไม่ใจร้อน ทำเรื่องที่ต้องมาเสียใจภายหลัง
ไม่เช่นนั้นเธอก็อยากจะพูดคำหนึ่งว่าไม่ทำแล้วจริงๆ
แต่เธอทำไม่ได้
กู้หงเซินคล้ายกับว่าสังเกตได้ถึงความประนีประนอมของเธอ ถอนหายใจอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า: “เรื่องที่มอบหมายให้คุณเมื่อกี้นี้ จำไว้ว่าต้องจัดการให้ฉันดีๆ ฉันจะรอข่าวดีของคุณ”
เขาพูดพลาง แล้วก็นึกถึงสองสามครั้งก่อนหน้านี้เรื่องที่กู้ฉางฉิงดื้อรั้นกับเขา จึงกล่าวเตือนอีกครั้งว่า: “ฉันไม่อยากฟังคำพูดที่บอกว่าไม่ได้อะไรทั้งนั้น อย่าลืมแม่ของคุณล่ะ!”