สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 239 มองผู้หญิงคนนี้ไม่ออก

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

คืนวาน หลังจากตระกูลมู่ได้รับข่าว

พวกเขาตั้งใจจะไปพามู่เฉาเกอออกมาก่อน แล้วค่อยไปอธิบายกับตระกูลเฟิง

แต่ต้องจำนนต่อหลักฐานว่ามู่เฉาเกอว่งแผนทำร้ายจึงประกันตัวไม่ได้

คุณแม่มู่เฉาเกอคิดว่าจะไปหาเฟิงจิ่งเหยาตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อให้เขายอมปล่อยเธอแต่ก็ถูกคุณพ่อตระกูลมู่ขัดขวางเอาไว้

“ถ้ารีบไปตอนนี้ เกรงว่าเฟิงจิ่งเหยาจะไม่มาเจอพวกเรา รอผ่านคืนนี้ค่อยไปหาเขา คงจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว”

คุณพ่อตระกูลมู่พิจารณาอย่างละเอียด แม่มู่เฉาเกอก็เห็นด้วยเช่นกัน

เป็นแบบนั้น ทั้งสองพากันมาที่บ้านเขาแต่เช้า

“คุณชายมู่ ต้องขอโทษด้วยครับ เจ้านายออกไปบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว”

แม่บ้านได้รับคำสั่งจากเฟิงจิ่งเหยาไว้ และเมื่อเขาเห็นครอบครัวมู่ พาพวกเขาไปที่บริษัทอย่างเกรงใจ

พ่อมู่กลับไม่รู้ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาในตอนนี้เฟิงจิ่งเหยาคำนวณเอาไว้แล้ว

คู่สามีภรรยาที่กระตือรือร้นที่จะช่วยลูกสาวของพวกเขา เมื่อพวกเขารู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาอยู่ที่บริษัทก็รีบเดินทางไปที่เฟิงซื่อกรุ๊ป

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงทั้งสองคนก็มาถึงเฟิงซื่อกรุ๊ป

“ท่านประธานครับ พ่อแม่คุณมู่มาหาครับ”

ชวี่ยี่ได้รับข่าวจากเคาน์เตอร์ข้างล่าง เคาะประตูมารายงาน

เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าพวกเขามาทำไม ก็ไม่ได้ห้าม

“พาพวกเขาไปห้องประชุม”

ชวี่ยี่พยักหน้า หมุนตัวเดินไปจัดการ

ไม่นานพวกเขาก็มาเจอกันที่ห้องประชุม

“คุณลุง คุณน้าสวัสดีครับ”

เฟิงจิ่งเหยาทักทายตามมารยาท แต่กลับทำให้ครอบครัวมู่รู้สึกไม่ดี

“จิ่งเหยา ที่พวกเรามาในวันนี้ ฉันคิดว่าคุณก็คงรู้อยู่แล้ว ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน”

คุณแม่ยิ้มแหย พูดด้วยท่าทางอ่อนโยน

มุมปากกระตุกเฟิงจิ่งเหยา ไม่ทันได้ตอบกลับและหันไปมองคุณพ่อตระกูลมู่

“คุณลุงมู่ก็คิดอย่างงั้นหรอครับ?”

เมื่อคุณแม่เห็นแบบนั้น ในใจคิดอยากจะพูดอะไรออกไป แต่ว่าถูกคุณพ่อมู่ห้ามเอาไว้ก่อน

เขาดูออก เห็นได้ชัดว่าลูกสาวของบ้านเขาไม่บริสุทธิ์ใจในเรื่องนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องวางแผนทำร้ายเป็นไปได้จริงๆ

แต่เขายังคงไม่รู้แน่ชัดว่าลูกสาวของเขาคิดอย่างไร

“จิ่งเหยา เรื่องนี้เฉาเกอของพวกเราทำไม่ถูก ลุงอยากจะมารับประกันกับคุณว่าถ้าปล่อยเฉาเกอ หลังจากนี้จะไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก!”

เฟิงจิ่งเหยายิ้มอ่อน

“คุณลุง ฉันคิดว่าคุณอาจไม่รู้ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าครั้งนี้ครั้งแรกแล้ว”

ดูเหมือนเขาจะพูดอย่างไม่มีเจตนาอะไร แต่เขาทำให้สีหน้าของคุณพ่อมู่แข็งทื่อ

“จิ่งเหยา พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?”

เฟิงจิ่งเหยาเห็นแบบนั้น ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึม

“คุณลุง เรื่องครั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ฉันคงจะไม่ลืมมันเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มู่เฉาเกอทำสิ่งนี้ก่อนหน้านี้เธอยังร่วมมือกับคนต่างชาติเพื่อลักพาตัวภรรยาและแม่ของฉัน”

คุณพ่อมู่ตกตะลึง คุณแม่มู่ยิ่งไม่อยากจะเชื่อ

“เป็นไปไม่ได้! เฉาเกอของพวกเราไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้!”

เฟิงจิ่งเหยาเหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงโทสะ “ก็เพราะรู้สึกว่าเธอไม่มีทางทำได้ ฉันจึงไม่เคยสงสัยเธอ”

คุณแม่มู่ตกใจกับสายตาของเฟิงจิ่งเหยาและเมื่อเธอดึงสติกลับมาเธอก็รู้สึกอับอายและเคืองอย่างมาก

เธอในวัยหกสิบกว่าปีถูกคนอายุยี่สิบกว่าขู่ให้ตกใจ จะไม่โกรธเคืองได้อย่างไร

“แม้ว่าเฉาเกอจะทำไม่ถูกต้อง ช่วงเวลานั้นเธออาจจะสับสน จิ่งเหยา คุณรู้จักเฉาเกอมาหลายปีแล้วคุณไม่รู้ความคิดของเธอเลยหรือ?”

มันน่ารำคาญ แต่เรื่องของลูกสาวก็สำคัญมาก

เธอรู้ดีว่าสิ่งที่ลูกสาวของเธอทำในครั้งนี้ทำให้เฟิงจิ่งเหยาโกรธ เลยใช้ความสัมพันธ์มาเป็นข้อต่อรอง

พูดได้ว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นเกินความคาดหมายของเฟิงจิ่งเหยา

เพราะเขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉาเกอจะมีความคิดอื่นกับเขา อย่างไรซะเวลาที่พวกเขาคบค้าสมาคมกัน มู่เฉาเกอก็ไม่เคยแสดงพิรุธใดๆ

เขานิ่งอึ้งไป ดึงสติแล้วพูดเสียงเย็น “คุณนายมู่ ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิดอะไรไป ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน จุดนี้มู่เฉาเกอก็รู้ดี”

ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนสรรพนามการเรียกทันที

พ่อและแม่ของมู่เฉาเกอสังเกตเห็น แต่พวกเขาไม่สนใจ อย่างไรซะพวกเขาก็เพียงแค่อยากจะพูดให้เฟิงจิ่งเหยาปล่อยมู่เฉาเกอเท่านั้น

“ดังนั้นคุณจะไม่ปล่อยเธองั้นหรอ?”

พ่อของมู่เฉาเกอถามอย่างกักเก็บความโกรธ “ถึงขนาดที่คุณจ่ายค่ามิตรภาพระหว่างครอบครัวของเราสองคนด้วยหรือเปล่า?

เฟิงจิ่งเหยาได้ยินคำขู่ในคำพูดของเขา และตอบโต้กลับไปโดยไม่กลัวเลยสักนิด

“คุณชายมู่ คุณก็อายุเยอะกว่าฉันหลายสิบปี ควรจะรู้ว่าถ้าทำผิดก็ควรจะได้รับโทษนะ?”

พ่อของมู่เฉาเกอได้ยินคำที่เหมือนจะสั่งสอนนั้น สายตาเต็มไปด้วยไฟโทสะ

ชัดแล้วว่าเขาไม่ไว้หน้ากันเลย

เขาถึงกับใช้ประโยชน์จากหัวข้อนี้ในตำหนิเขา

“โอเค ได้!”

พ่อมู่จ้องมองเฟิงจิงเหยาอย่างเดือดดาลและในที่สุดก็เดินจากไป

“คุณมู่…..”

แม่มู่เห็นว่าพ่อมู่เดินออกไป ก็เรียกออกไปทันท่ แต่คุณพ่อมู่ไมไ่ด้สนใจเธอเลย ไม่มีทางเลือก เธอจึงมองจิ่งเหยาด้วยสายตาโหดเหี้ยม แล้วหมุนตัวตามออกไป

ชวี่ยี่ที่เฝ้าอยู่ประตูและเฝ้าดูทั้งสองจากไปด้วยอารมณ์โกรธเคือง มองไปที่ห้องประชุมอย่างระมัดระวัง

ในขณะที่เขามองไปที่สีหน้าของประธานเขา คิดที่จะหดหัวกลับไป และทันใดนั้นเสียงที่เย็นชาดังขึ้นข้างๆหูของเขา

“ชวี่ยี่!”

“อยู่ครับ”

เขาตอบออกไปทันที ยืนตัวตรงอยู่ในห้องประชุม

“ให้คนไปจับตาดูครอบครัวมู่”

เฟิงจิ่งเหยารู้ดีว่าครอบครัวมู่ไม่มีทางยอมง่ายๆ พูดสั่งออกไป

และมันก็เป็นแบบนั้น

หลังจากตระกูลมู่ออกจากเฟิงซื่อกรุ๊ป แล้วพวกเขาก็มานั่งอยู่ในรถเพื่อพูดคุยกัน

“คุณคะ เราจะทำยังไงกันต่อ? ด้านตระกูลเฟิงไม่ยอมปล่อย ด้ายตำรวจก็ไม่ยอมปล่อยตัวง่ายๆแน่”

คุณแม่มู่พูดอย่างกังวลใจ

คุณพ่อมู่ฟังเงียบๆ สายตาดำทมิฬ

“ไม่ต้องกังวล เฉาเกอจะสบายดี เมืองปักกิ่งแห่งนี้ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้พวกตระกูลเฟิง”

และแบบนั้น ช่วงสองสามวันนั้นจึงสงบนิ่ง แต่คลื่นใต้ดินก็กำลังค่อยๆขยับอยู่

เฟิงจิ่งเหยาคิดว่าตระกูลมู่ไม่สามารถพูดอะไรกับเขาได้ กลับไปหาแม่ของเขา อย่างไรก็ตามสองสามวันต่อมาตระกูลมู่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

แน่นอนถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หยุดเตรียมการรับมือกับครอบครัวมู่

ตอนนี้ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทก็ยังดำเนินอยู่ ยังมีการดำเนินการเล็กๆน้อยๆอีกมากมาย

กู้ฉางฉิงไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

หลังจากที่เฟิงจิ่เหยาพูดว่าเรื่องจบลง เธอก็วางใจแล้วจมอยู่กับงาน

บางครั้งเมื่อเธอว่างๆจากการทำงาน เธอก็รู้สึกว่าขาดหายอะไรบางอย่างไป

เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว เธอก็พบว่าเธอไม่ได้เห็นมู่เฉาเกอมาปิดบ้านของเธอมานานแล้ว

แม้ว่าเธอจะรู้สึกงงๆแต่เธอก็ไม่สนใจ

อย่างไรซะมู่เฉาเกอก็ยุ่งมากเช่นกัน และการมีเวลาว่างก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะว่างเสมอไป

เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติ แต่ก็มีข่าวมากมายที่ราวกับระเบิดลงวงการธุรกิจของปักกิ่งได้

#มู่ซื่อกรุ๊ปและเฟิงซื่อกรุ๊ปแตก #

#ลูกสาวแห่งตระกูลมู่ถูกใส่ร้ายจนต้องโร่เข้าสถานีตำรวจ#

#ความแตกแยกระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่เป็นข่าวลือหรือยังมีเหตุผลอื่นภายในอีก?#

ปรากฎว่าหลังจากผ่านไปครึ่งเดือน หลังการวิ่งเต้นของครอบครัวมู่ ในที่สุดตระกูลมู่ก็ไปรับมู่เฉาเกอจากสถานีตำรวจ

หลังจากได้รับเธอออกมาแล้ว มู่ซื่อกรุ๊ปก็ยุติความร่วมมือกับเฟิงซื่อกรุ๊ปทันทีและเอาเงินทุนกลับก้อนโต

ไม่รู้ว่านักข่าวได้ข่าวมาจากไหน พวกเขารายงานทางอินเทอร์เน็ตราวกับมีหูมีตาในบริษัทไปทั่ว ทำให้กลุ่มเฟิงซื่อกรุ๊ปปั่นป่วน

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท