เฟิงจิ้งหยวนไม่รู้ว่าเธอถูกใช้เป็นหมากตัวนึงในแผนการ
เธอไปบ้านใหญ่ด้วยอารมณ์ที่คุกกรุ่นเพื่อเอาเรื่องที่มู่เฉาเกอบอกเมื่อสักครู่ไปแจ้งกับคุณนายเฟิง
“พี่สะใภ้อย่าให้คนตระกูลกู้เลือดเย็นพวกนั้นทำแผนการนี้สำเร็จเด็ดขาด อย่าปล่อยให้จิ่งเหยาทำเรื่องโง่ๆ”
เธอพูดออกจะติดเกินจริง ไม่ลืมที่จะพูดเตือนสติคุณนายเฟิง
คุณนายเฟิงคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าที่กู้ฉางฉิงได้รับบาดเจ็บครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในแผนการ โกรธจนเหมือนไฟสุมอยู่กลางอก
“เหอะ คนบ้านนั้นเจ้าแผนการจริงๆ ต้องไล่ออกจากบ้านเราเท่านั้น”
เธอกัดฟันกรอด “จิ้งหยวน เรื่องนี้ ฉันจะเอาไปคุยพี่ชายเธอให้”
เฟิงจิ้งหยวนพยักหน้ารับรู้ พี่สะใภ้จะไม่ยอมให้คนตระกูลกู้ทำแผนชั่วสำเร็จ ออกไปอย่างสบายใจ
พอเธอออกไป คุณนายเฟิงก็รีบโทรเรียกเฟิงซู่ให้กลับมาด่วน
“มีเรื่องอะไรกัน ถึงเรียกฉันกลับมาด่วนขนาดนี้”
เฟิงซู่วางกระเป๋าทำงานลง มองไปที่คุณนายเฟิงด้วยความสงสัย
คุณนายเฟิงรีบพูดเรื่องที่เฟิงจิ้งหยวนบอกเธอออกมาอย่างอัดอั้นทั้งยังเสริมเติมแต่งเข้าไปอีก
“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะต้องขัดขวางจิ่งเหยาให้ได้ เงินก้อนนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ มันคือผลประกอบการทั้งไตรมาสของบริษัทเลยนะ”
เฟิงซู่ฟังไปก็ขมวดคิ้วเป็นปม
“ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง ฉันจะจัดการตามเรื่องตามราวไป”
คุณนายเฟิงได้คำตอบแบบนี้ก็ไม่พอใจอย่างมาก
“จัดการตามเรื่องตามราว? ฉันว่าจะ พวกเขาน่ะไม่รู้จักพอ คงจะมาเอาผลประโยชน์จากเราไม่พอจะก่อความวุ่นวายทำให้บ้านเรา ท้ายที่สุดมันจะมาพัวพันกับตระกูลเฟิงและเฟิงจิ่งเหยา”
เธอพูดออกมาด้วยความโกรธ ดวงตาลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ “ถึงอย่างไรก็ตามฉันไม่ยอมให้กู้ฉางซินอยู่ในบ้านเราต่อเด็ดขาด ยังไงก็ต้องรีบจัดการเรื่องนี้ซะ”
……
ณ โรงพยาบาล กู้ฉางฉิงยังคงไม่รู้เรื่องราวใดๆ
เธอคุยกับคุณท่ายตระกูลเฟิงได้สักพัก ท่านก็ขอตัวกลับก่อน
เวลานี้ในห้องพักผู้ป่วยจึงเหลือเพียงเฟิงจิ่งเหยา บรรยากาศแปลกๆอย่างอธิบายไม่ถูก
“คุณไม่กลับบริษัทหรอคะ?”
และก็ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องที่ทำขายหน้าก่อนหน้าหรืออย่างไร จนทำให้กู้ฉางฉิงกระดากอายที่จะให้เฟิงจิ่งเหยาอยู่ต่อ
เธอพูดอ้อมๆเป็นสัญญานให้เฟิงจิ่งเหยาไปได้แล้ว
เฟิงจิ่งเหยารับรู้ได้ทันที มองสีหน้าไม่สบายใจของเธอ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อะไรกัน ผ่านไปแปปเดียวลืมเรื่องที่ฉันรับปากคุณปู่แล้วหรือไง”
กู้ฉางฉิงชะงัก ไม่รู้จะตอบโต้ยังไง เลยแกล้งเอนตัวปิดตาพักผ่อน
เผิงจิ่งเหยาเห็นแบบนี้ หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่อยากจะรบกวนจึงนั่งจัดการเอกสารที่ชวี่ยี่ส่งมาอยู่บนโซฟา
กู้ฉางฉิงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหนึ่งคืน
ในวันถัดไป ยังไงเธอก็ไม่ยอมพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้วจึงพูดกับเฟิงจิ่งเหยาเรื่องออกจากโรงพยาบาล
เฟิงจิ่งเหยาเห็นว่าเธอไม่อยากอยู่โรงพยาบาลต่อจริงๆเลยถามคุณหมอที่มาดูอาการ
“ไม่มีปัญหาครับ แต่ว่าหลังจากออกแล้วต้องทำแผลทุกวันและห้ามให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด”
คุณหมอยามให้ออกจากโรงพยาบาลได้และไม่ลืมเตือนเรื่องที่ต้องทำหลังจากออกจากโรงพยาบาล
หลังจากที่ทั้งสองคนจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว เฟิงจิ่งเหยาก็พากู้ฉางฉิงกลับไปส่งที่คฤหาสน์
“กลับมาแล้ว ที่บ้านมีคนดูแลอยู่หลายคน คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
กู้ฉางฉิงลงรถมา มองเฟิงจิ่งเหยาที่เป็นธุระยกของให้เธอ เม้มปากแล้วพูดออกไป
เฟิงจิ่งเหยาก็มีเรื่องที่บริษัทให้ต้องจัดการจึงไม่ได้บ่ายเบี่ยง
“อืม เธออยู่บ้านพักผ่อนเยอะๆ มีอะไรติดต่อฉันได้ทันที”
กู้ฉางฉิงพยักหน้ารับ ตามองตามเขาที่ออกไป
จนกระทั่งพ้นสายตาเธอจึงขึ้นห้องไป เอนหลังลงบนเสื่อทาทามิ แต่ทว่าทำยังไงก็นอนไม่หลับ
เธอคิดย้อนถึงเรื่องครั้งนี้ และไม่สามารถเฉยชากับเรื่องนี้ได้ เหมือนกับเป็นลูกไก่ในกำมือของกู้หงเซินทุกครั้งไป
คิดอย่างงั้นเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หยิบโทรศัพท์โทรหากู้หงเซิน
“มีอะไร?”
เพียงครู่เดียวก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของกู้หงเซินดังออกมา
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
กู้ฉางฉิงไม่อ้อมค้อม พูดจุดประสงค์ที่โทรมาครั้งนี้ของเธอออกมาตรงๆ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ยอมปล่อยตระกูลเฟิงที่เป็นเหมือนบ่อข้าวบ่อน้ำแน่ๆ แต่ถ้าในอนาคตคุณอยากจะทำธุรกิจร่วมกับเฟิงซื่อกรุ๊ปล่ะก็ ถ้าไม่ได้ผลประโยชน์ทั้งคู่ฉันก็ไม่ช่วยคุณไปพูดกับเฟิงจิ่งเหยาให้หรอกนะ”
กู้หงเซินคิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะโทรมาเพื่อพูดเรื่องนี้
และยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อวาน ก็ยิ่งทำให้โกรธเข้าไปใหญ่
“กู้ฉางฉิง อย่าคิดว่าเมื่อวานฉันปล่อยเธอไปนะ ถึงได้คืบแล้วจะเอาศอก ช่วยหรือไม่ช่วยไม่ได้มาจากการตัดสินใจของเธอ อย่าลืมว่านี่เป็นการทำธุรกิจร่วมกัน เธอต้องฟังฉันเท่านั้น!”
กู้ฉางฉิงได้ยินแบบนี้กลับไม่ได้โกรธขนาดนั้น
ให้พูดก็คือเธอคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาต้องพูดแบบนี้
“คุณอย่าเพิ่งโกรธสิ ฟังที่ฉันพูดให้จบก่อน”
เธอเงยหน้ามองเพดานแล้วพูดต่อด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ถ้าได้รับประโยชน์ทั้งสองตระกูล ฉันจะทำตามสัญญา ทำตามคำสั่งของคุณ แต่คุณหรือป่าวที่คุณให้ฉันมาเอารัดเอาเปรียบเฟิงจิ่งเหยาต่างๆนานา นี่อาจจะทำให้คนตระกูลเฟิงไม่ชอบฉันพาลไม่ชอบตระกูลกู้ไปด้วย ถึงเวลานั้นคุณไม่กลัวกู้ฉางซินต้องมารับกรรมหรือไง”
กู้หงเซินเงียบไป
กู้ฉางฉิงเห็นแบบนี้รับรู้ได้ทันทีว่าตัวเองพูดโน้มน้าวเขาได้แล้ว พูดต่อไปว่า “แล้วก็นะ ฉันหวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่องของแม่ฉันว่าข่มขู่ฉันอีก ถ้ายังเอามาใช้บังคับฉันล่ะก็ถ้าฉันทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วเอาเรื่องนี้มาแฉ อย่าหวังว่าคุณจะรอด”
ในตอนสุดท้ายยิ่งเพิ่มน้ำเสียงไม่สบอารรมณ์
กู้หงเซินฟังเสร็จสีหน้าเคร่งเครียด
คิดจะตำหนิออกไปแต่เขาก็อดใจเอาไว้
เพราะที่เขาถึงเรื่องเมื่อวาน จากที่เธอกล้ามาหาเรื่องเขาถึงที่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ากู้ฉางฉิงทำจริงแน่ๆ
ดูแล้วหลังจากนี้คงไม่สามารถข่มขู่เธอได้อีก
คิดแบบนี้จึงทำได้แค่ยอมต่อไป
“เธอทำให้ได้อย่างพูดเถอะ”
เขากัดฟันยอมรับ และไม่รอให้กู้ฉางฉิงพูดอะไรต่อชิงวางสายไป
กู้ฉางฉิงจ้องไปยังโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกตัดสาย นอนหมดแรงอยู่บนเสื่อทาทามิ เหนื่อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
อาจจะเป็นเพราะว่าได้เคลียร์ปัญหาที่ค้างคาใจไป ไม่นานเธอจึงค่อยๆเข้าสู่ภวังค์หลับไหลไปบนเสื่อทาทามิผืนนั้น
หลังจากนอนไปนานก็ถูกความเจ็บแปลบสะดุ้งให้ตื่น
เดิมทีอุณหภูมิในห้องค่อนข้างสูงจนทำให้ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ แผลที่แขนที่ถูกปิดเอาไว้เมื่อโดนเหงื่อมากระตุ้น ความเจ็บนี้เจ็บเกินที่เธอจะรับไหว
และพอดีกับที่เฟิงจิ่งเหยาเลิกงานกลับมาพอดี
ก็เข้ามาเห็นกู้ฉางฉิงที่เหงื่อท่วมตัวนั่งพิงหัวเตียง ใบหน้าซีดเผือด จนอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เป็นอะไรไป?”
“เจ็บแขน”
กู้ฉางฉิงเห็นถึงความห่วงใยของเขา กัดริมฝีปากตอบกลับไป น้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัว
ถึงว่าเธอจะไม่รู้ตัวแต่เฟิงจิ่งเหยาสัมผัสได้ถึงมัน
เขามองสายตาที่อ้อยอิ่งของกู้ฉางฉิง หัวใจพองโตอย่างพอใจ
“น่าจะแผลเปิดนะ ฉันช่วยเป่าให้นะ”
สายตาอ่อนโยน ค่อยๆเปิดผ้าปิดแผลแล้วก็เป่าที่แผลเบาๆ
กู้ฉางฉิงมองท่าทางของเขาที่ค่อยๆระมัดระวังเปิดผ้าปิดแผลให้เธอนิ่งๆ ใจเต้นตุบๆ
ทำไมเขาต้องดีกับเธอขนาดนี้ด้วย
ถ้าเขายังดีกับเธอแบบนี้ต่อไปเธอจะห้ามใจได้ยังไง