เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ว่ากู้ฉางฉิงกำลังคิดอะไรอยู่
เขาก้มหน้าก้มตาทำแผลให้กู้ฉางฉิงอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นถึงจะเพิ่งเงยหน้ามาสบตาซับซ้อนของกู้ฉางฉิง
“เธอคิดอะไรอยู่?”
เขาคิดสงสัยขึ้นมาในใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมกู้ฉางฉิงถึงมามองที่เขาด้วยสายตาแบบนั้น
กู้ฉางฉิงได้ยินเสียงเขาก็เจอกับเฟิงจิ่งเหยาที่ไม่รู้ว่าเงยหน้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรี่ตามองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พูดอย่างปกปิดไปว่า “ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
“หืม?”
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่เชื่อ ดวงตาเป็นประกายมองไปยังกู้ฉางฉิงพร้อมเสียงขึ้นจมูก
กู้ฉางฉิงกัดริมฝีปากแล้วตอบด้วยใจสั่นๆว่า “ฉันกำลังคิดว่าทำไมคุณถึงต้องทำดีกับฉันขนาดนี้กันนะ?”
พูดไปก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาด้วยสายตาคาดหวัง
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไป
เขาจ้องดวงตากลมโตของกู้ฉางฉิง ในหัวมีแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันนี้ ร่างกายแข็งทื่อ
เขาเพิ่งจะรู้ว่าท่าทีที่มีต่อกู้ฉางฉิงของเขาเปลี่ยนไปมาก
เขาขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเป็นแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นภรรยาเขาล่ะมั้ง
พอคิดได้แบบนั้น เขาจึงมองไปที่กู้ฉางฉิงแล้วพูดเบาๆว่า “เธอเป็นภรรยาฉัน ฉันก็ต้องดีกับเธออยู่แล้ว”
พูดจบ เขาเหลือบมองเวลาแล้วพูดว่า “เย็นมากแล้ว พวกแม่บ้านคงเตรียมอาหารกันเสร็จแล้วล่ะ พวกเราลงไปทานอาหารเย็นกันเถอะ”
เขาพูดไปก็ช่วยพยุงกู้ฉางฉิงออกจากเตียง
กู้ฉางฉิงที่ได้รับการช่วยเหลือจากเขา หลุบตาลงต่ำรู้สึกไม่สบายใจอย่างพูดไม่ถูก
ถ้าการที่ทำดีกับเธอเพียงเพราะว่าเธอเป็นภรรยาของเขาเท่านั้น
แต่เขาไม่ใช่กู้ฉางซินตัวจริงซะหน่อย….
เดี๋ยวก่อนสิ กู้ฉางฉิง เธอกำลังหวังอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะรักษาระยะห่างระหว่างเขาหรอ?
มารู้ตัวอีกทีก็รู้ว่าความรู้สึกตัวเองไม่ถูกต้อง ทันใดนั้นสลัดความคิดไร้สาระพวกนั้นออกจากหัว
เมื่อทั้งสองคนลงมายังห้องอาหาร เนื่องจากกู้ฉางฉิงยังเจ็บแขน ดังนั้นเฟิงจิ่งเหยาจึงยังคงป้อนข้าวให้เธอ
เทียบกับความรู้สึกตอนที่ยังอยู่โรงพยาบาลแล้ว กู้ฉางฉิงตอนนี้เหมือนลิ้นไม่รับรสชาติใดๆทั้งสิ้นแล้ว
แม้ว่าเธอจะพยายามเก็บใจที่ห่อเหี่ยวของเธอแต่ทว่าไม่สามารถหยุดจินตนาการต่อไปได้
หลังจากนี้เมื่อกู้ฉางซินกลับมาเขาก็จะไม่ปฏิบัติกับเธอแบบนี้แล้วใช่หรือไม่?
เฟิงจิ่งเหยารับรู้ถึงความเปลี่ยนไปของกู้ฉางซิน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
เพราะว่าเขารู้ดีว่าต่อให้เขาถาม ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีทางตอบเขา เหมือนกับเมื่อสักครู่
และแบบนี้ ทั้งสองคนดูเหมือนทานข้าวกันอย่างอบอุ่น ในความเป็นจริงแล้วในใจกลับต่างกัน
แต่คนรับใช้ในบ้านไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร มองการกระทำของคนทั้งคู่ก็รู้สึกถึงความรักใคร่
และภาพนี้ ในวันถัดไปก็ถูกนำไปแจ้งที่ตระกูลเฟิง
คุณนายเฟิงได้ยินข่าวนี้ โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“หญิงชั่ว ยังกล้าให้จิ่งเหยาดูแลเธออีกหรอ มันมีดีอะไร!”
คุณนายเฟิงได้แต่ก่นด่าอยู่ในห้องไม่รู้จะใช้แผนการอะไรไปจัดการเธอ
ด้านเฟิงจิ้งหยวนที่ได้ทราบข่าวนี้ ไม่รู้ว่าตั้งใจไปกระตุ้นมู่เฉาเกอหรืออย่างไร ถึงรีบไปเธอ
“ไม่ใช่ว่าเธอมั่นใจนักมั่นใจหนาหรอ ทำไมวันนี้เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางซินถึงกระหนุงกระหนิงกันข้างนอกซะขนาดนั้น”
เธอเอาเรื่องที่เฟิงจิ่งเหยาดูแลกู้ฉางฉิงมาพูดใส่ไฟ มู่เฉาเกอได้ยินแบบนั้นสีหน้าเคร่งขรึม
เธอน่ะเข้าใจเฟิงจิ่งเหยาที่สุด คนเย่อหยิ่งอย่างเขาไม่คิดดูแลใครมาก่อน และเมื่อไหร่ที่เขาดูแลคนอื่นแบบนี้
นอกซะจากว่าเป็นคนที่เขาแคร์
เฟิงจิ้งหยวนเหลือบมองใบหน้าเคร่งขรึมของเธอ พูดออกไปแบบคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “ยังบอกว่ามีโอกาสอีกหรอ ดูแล้วประสิทธิภาพในการทำงานของยังเทียบไม่เท่าซือยวี่ด้วยซ้ำ”
มู่เฉาเกอเห็นเธอเอาตัวเขาเองไปเปรียบเทียบกับคนโง่อย่างลู่ซือยวี่ ดวงตาดำโลด สุดท้ายจึงตัดสินใจ
“คุณหนูเฟิง ขอเตือนหนึ่งประโยค เรื่องยังไม่ถึงตอนจบอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจสิคะ”
เธอกล่าวเตือนเฟิงจิ้งเหยาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าไม่สบอารมณ์ออกจากบ้านตระกูลเฟิง ตรงไปบริษัท
เมื่อเธอถึงบริษัท ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยาอยู่ที่ห้องทำงานแล้ว รอบๆไม่เห็นร่างของกู้ฉางซิน ทำให้ใบหน้าเคร่งขรึมของเธอเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแย้มทันที
“จิ่งเหยา อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์”
เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม หลังจากก็รีบทำงานจนมือเป็นพัลวัน
มู่เฉาเกอเหลือบมอง ไม่ได้รีบดำเนินการตามแผนแต่อย่างใด รอจนถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยง เสนอความคิดของเธอออกไป
“จริงสิ จิ่งเหยา ฉันหาโรงงานวัตถุดิบแห่งนึงเจอที่ประเทศE ตามที่ฉันตรวจสอบศักยภาพของเขาไม่ต่างอะไรกับบริษัทที่เราเคยทำสัญญาด้วยเลย ฉันวางแผนว่าพรุ่งนี้จะบินไปดูล่ะ คุณจะไปกับฉันด้วยหรือเปล่า ประจวบเหมาะกับถ้าคุณพอใจ พวกเราจะได้คุยเรื่องสัญญากันเลย แบบนี้การวิจัยและพัฒนาของเราก็หมดห่วง”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วคิด
โครงการวิจัยและพัฒนาก่อนตอนนี้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว การผลิดหลังจากนี้ยังคงต้องการวัตถุดิบอีกจำนวนมาก
เขากังวลในใจมาตลอดว่าการผลิตที่ล่าช้าจะติดขัดกับวัตถุดิบ ตอนนี้มู่เฉาเกอก็พูดเรื่องนี้มากระทันหัน ก็พูดได้ว่าช่วยลดความกังวลเขาไปได้
และด้วยเหตุนี้ เขาจึงลังเลได้ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงไป
มู่เฉาเกอเห็นเขาตอบตกลง หลุบตาลงฉายแววดีใจ
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานกลับไป เฟิงจิ่งเหยาเห็นกู้ฉางฉิงจึงบอกเรื่องที่จะดูงานต่างประเทศกับเธอ
“พรุ่งนี้ฉันกับมู่เฉาเกอต้องไปดูงานที่ประเทศE”
กู้ฉางฉิงทันทีที่ได้ฟังประโยคนั้นก็นิ่งอึ้งไป ทันใดนั้นเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
“อืม ทราบแล้ว”
เธอตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถึงยังไงก็เป็นเรื่องงาน เธอไม่มีสิทธิจะไปห้ามอยู่แล้ว
เฟิงจิ่งเหยามองสีหน้าเรียบนิ่งของเธอ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ตอบตกลงง่ายๆ ไม่หึงหวงเลยหรือไง
ใบหน้ายุ่งเหยิงแทบจะเป็นปม ไม่รู้ว่าจะคิดไปทำไม แววตาเปล่งประกาย “เธอช่วยฉันจัดเสื้อผ้าสักสองสามชุดสิ พรุ่งนี้ฉันจะเอาไปน่ะ”
กู้ฉางฉิงพยักหน้ารับ มุ่งหน้าไปยังตู้เสื้อผ้าทันที
เฟิงจิ่งเหยาเห็นท่าทางเชื่อฟังของเธอ แต่ก็รู้สึกกลัดกลุ้มแน่นอยู่ในใจ
เขาดูออกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สนใจจริงๆ
“จริงสิ เธอก็เก็บเสื้อผ้าสักสองสามชุดด้วย พรุ่งนี้ไปกับฉัน”
กู้ฉางฉิงได้ยินแบบนี้ก็แข็งทื่อไปทั้งตัว มองไปที่เขาด้วยความตะลึง
ราวกับจะสื่อว่าทำไมเธอต้องไป
เฟิงจิ่งเหยาเข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ถึงอย่างไรเธอก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ไปกับฉันไม่ดีกว่าหรือไง”
กู้ฉางฉิงเม้มปากแน่น พูดปฏิเสธไม่ออก
หรือให้พูด เธอไม่คิดจะปฏิเสธนั่นเอง
……
วันต่อมา กู้ฉางฉิงกับเฟิงจิ่งเหยากำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
ส่วนมู่เฉาเกอรออยู่ที่สนามสักพักแล้ว
“จิ่งเหยา…”
พอเธอเห็นเฟิงจิ่งเหยาก็ทักทายอย่างอารมณ์ดี ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันพูดจบก็หันไปเห็นกู้ฉางฉิงที่อยู่ข้างหลังเฟิงจิ่งเหยา ท่าทีก็แปลกไปทันที
ยิ่งหลังจากที่รู้ว่ากู้ฉางฉิงจะไปประเทศEกับพวกเขาด้วยแล้ว สีหน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นอมทุกข์อย่างรวดเร็ว
เธอหันไปก้มหัวให้กู้ฉางฉิงอยู่ห่างๆ นับว่าเป็นการทักทาย
เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ในใจกู้ฉางฉิงยังคงมองหน้าผู้หญิงคนนี้ไม่สนิท สีหน้าเรียบนิ่งตอบกลับไปหลังจากนั้นก็ไปเช็คอินพร้อมกับเฟิงจิ่งเหยา
หลังจากขึ้นเครื่องบิน กู้ฉางฉิงก็เอนหลังพิงเก้าอี้และปิดตาเพื่อพักผ่อน
เมื่อคืนเธอเจ็บแขนทั้งคืนจนไม่ได้นอน ทำให้ตอนนี้หลับไปโดยไม่รู้ตัว
เฟิงจิ่งเหยาเหลือบไปมองเธอที่หลับไปอย่างไม่ค่อยสบายตัว จึงค่อยๆขยับตัวเธอมาให้มาพิงเขา
และเมื่อกู้ฉางฉิงได้กลิ่นที่คุ้นชินก็เอนพิงไปทางเขา ทำให้หลับสบายมากขึ้น
มู่เฉาเกอที่นั่งอยู่ข้างๆทั้งสองคน เห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉาตาร้อน สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังริษยา