เดินทางนานครึ่งค่อนวัน ในที่สุดตอนบ่ายก็ถึงประเทศE
ทั้งสามออกจากสนามบิน ด้วยรถที่จัดรับพวกเขาไปโรงแรมโดยเฉพาะ
พวกเขาจองไว้สองห้อง มู่เฉาเกอมองคีย์การ์ดทั้งสองที่พนักงานส่งมาให้ กระพริบตาเล็กน้อย
“จิ่งเหยา เดี๋ยวคุณอาบน้ำพักผ่อนสักครู่ดึกๆเราสองคนค่อยคุยกันเรื่องการทำสัญญาพรุ่งนี้”
เธอหยิบคีย์การ์ดไปใบนึง ยกยิ้มน้อยๆแล้วมองไปยังเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงพยักหน้ารับ
มู่เฉาเกอได้รับคำตอบก็ยกกระเป๋าออกไป มุ่งไปที่ห้องพักโดยไม่มองกู้ฉางฉิงแม้แต่น้อย
กู้ฉางฉิงมองแผ่นหลังที่ห่างออกไป เธอรับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ไม่ชอบเธอ
และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ยังมีสิ่งที่เธอไม่กล้าคาดเดาอยู่ด้วย
“ไปกันเถอะ”
ในขณะที่กำลังจมอยู่ในความคิด เฟิงจิ่งเหยาก็มาจูงเธอไปห้องพัก
กู้ฉางฉิงมองแผ่นหลังกว้างของเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก
ครั้งนี้ที่เฟิงจิ่งเหยาพาเธอมาด้วย จับสังเกตอะไรได้หรือเปล่านะ?
เธอเดาไปต่างๆนานา จนอดถามออกไปไม่ได้ว่า
“ทำไมถึงพาฉันมาดูงานด้วยล่ะ? คุณก็รู้ว่าฉันกับคุณมู่เคยมีเรื่องกัน”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้รู้ที่เธอเดาไปต่างๆนานาในใจ หัวเราะเบาๆแล้วพูดออกไปว่า “แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาไปพูดนินทาลับหลังมั่วๆไง”
กู้ฉางฉิงได้ยินแบบนี้ วูบโหวงขึ้นมาทันที แต่แค่ครู่เดียวก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป
ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนกับสิ่งเธอคาดการณ์ไว้ แต่เฟิงจิ่งเหยาคิดถึงจุดนี้ มันยังคงทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวของเธอรู้สึกดีขึ้น
อย่างน้อยก็ยังแคร์ความรู้สึกเธอบ้าง
หลังจากทั้งสองคนพักผ่อนสักพัก ลงไปรับประทานอาหาร มู่เฉาเกอก็มาหา
กู้ฉางฉิงมองพวกเขาถกเรื่องงาน จึงยกน้ำไปให้ทั้งสองคน หลังจากนั้นจึงออกไปที่ระเบียง
ในเมื่อพวกเขาพูดคุยกันเรื่องงาน เธอก็ไม่อยากเข้าไปสอด แล้วเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ด้วย
เธอมองวิวกลางคืนจากระเบียงห้อง เมืองที่ไม่คุ้นเคย ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากแล้วพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอมาต่างประเทศ ในใจลึกๆเธอมีความสุขมาก รู้สึกรอคอยและคาดหวัง
เธอคิดว่าจะรอให้เฟิงจิ่งเหยาคุยงานเสร็จแล้วร้องขอให้ไปเดินเล่นด้วยกัน
ไม่รู้เธอยืนที่ระเบียงนานแค่ไหน จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเฟิงจิ่งเหยาด้านหลัง
“ดูอะไรอยู่?”
กู้ฉางฉิงได้ยินแบบนั้นก็หมุนตัว สายตามองทะลุเฟิงจิ่งเหยาผ่านไปด้านหลัง
ก็เห็นทั้งห้องว่างเปล่าไม่เจอมู่เฉาเกอแล้ว
“พวกคุณคุยกันเสร็จแล้วหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า
กู้ฉางเห็นเห็นแบบนี้ก็นึกถึงความคิดของตัวเองเมื่อสักครู่ พูดชวนออกไปว่า “ตอนนี้ก็ยังไม่ดึกมาก พวกเราออกไปเดินเล่นกันไหม”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นสายตาคาดหวังของเธอ บวกกับตัวเขาเองก็อยากไป จึงไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสองออกไปย่านการค้าไม่ไกลโรงแรม ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์จะลับตาไปแล้ว แต่ย่านการค้านี้ก็ยังมีคนอยู่ไม่น้อย มีแม้กระทั่งการแสดงตรงหัวมุมถนน
กู้ฉางฉิงมองไปที่เหล่าวัฒนธรรมที่แตกต่าง รู้สึกสนุกสนานจนแทบจะลืมมันซะทุกอย่าง เห็นอะไรก็รู้สึกแปลกใหม่ น่าตื่นเต้นไปหมด
เฟิงจิ่งเหยาเดินขนาบข้างเธออย่างไม่รีบร้อน จดจ้องไปที่เธอ ความสับสนงุนงงที่ก่อในจิตใจก็ยิ่งมากขึ้น
แต่ทว่ากู้ฉางฉิงไม่ได้รับรู้ถึงมันเลย เธอกำลังสนุกกับการมาต่างประเทศครั้งแรก ไม่แปลกที่อยากจะปล่อยวางทุกสิ่งอย่าง
และด้วยเหตุนี้ ค่ำคืนนี้ เธอเดินเล่นอย่างมีความสุข
เฟิงจิ่งเหยาก็ดูออก และไม่ได้คิดขัด
ทั้งสองคนเดินเล่นกันถึงดึก จนกู้ฉางฉิงเหนื่อย ถึงจะกลับโรงแรมกัน
……
วันรุ่งขึ้น ระหว่างกู้ฉางฉิงกำลังสะลึมสะลือก็พบว่าคนข้างกายตื่นแล้ว จิตใต้สำนึกก็คิดว่าต้องลุกขึ้นเช่นกัน แต่ว่ากลับถูกคนข้างกายกดลงให้นอนต่อ
“ฉันจะไปคุยเรื่องการทำสัญญากับมู่เฉาเกอ เธอไม่ต้องไปหรอก เธอไปเดินเล่นรอบๆได้นะ ฉันจะรีบกลับมา”
เฟิงจิ่งเหยาพูดเบาๆ
กู้ฉางฉิงมีสติอยู่บ้าง พยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค”
เฟิงจิ่งเห้นดังนี้จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วออกจากห้องไป
รอจนเขาออกไป ไม่รู้ทำไมกู้ฉางฉิงถึงนอนต่อไม่หลับแล้ว รู้สึกว่าข้างกายขาดอะไรไปสักอย่าง
สุดท้ายก็ลุกขึ้นออกจากเตียง ตั้งใจจะออกไปเดินเล่นข้างนอก
อย่างไรเสียได้มาต่างประเทศทั้งที เธอก็อยากจะเที่ยวเล่นให้สนุก
พอถึงตอนบ่าย เฟิงจิ่งเหยาก็ยังไม่ติดต่อเธอมากอีก เธอคิดว่าพวกเขายังไม่เสร็จธุระ และเธอก็รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย จึงหาร้านกาแฟนั่งพัก
เมื่อเขานั่งพักก็กินเวลาไปทั้งบ่าย เมื่อเขารู้สึกตัว ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
เธอคิดว่าต่างประเทศในตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย จึงตั้งใจจะกลับโรงแรม
ทันใดนั้นที่เธอลุกขึ้น จู่ๆก็ถูกคนข้างหลังชนเข้า
“ขอโทษครับ”
คนนั้นลุกลี้ลุกลน พูดออกมาเพียงแค่ประโยคเดียวก็เดินจากไป
เนื่องจากถูกเขาชนกู้ฉางฉิงเกือบจะล้มลง
ไม่ง่ายเลยที่เธอจะทรงตัวไม่ให้ล้มลง ยืนตรงอย่างยากลำบาก ไม่ทันได้สังเกตคนที่ชนเธอ
เธอหงุดหงิดเล็กน้อย แต่คิดว่าเขาก็ขอโทษเธอแล้ว จึงไม่อยากเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย ค่อยๆเดินกะเผลกไป
เพราะว่าเธอไม่ได้สนใจอะไร ในขณะที่เธอเดินอยู่ ชายชุดดำสองคนรีบเดินผ่านเธอไปตามคนเมื่อกี้
เมื่อเธอถึงโรงแรมพบว่าเฟิงจิ่งเหยายังไม่กลับมา ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
ขณะที่เธอกำลังจะโทรถาม โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นสายจากเฟิงจิ่งเหยา
“ฉางซิน คืนนี้ฉันกับเฉาเกอจะกินข้าวกับแขก เธอสั่งอะไรมากินก่อนได้เลย ไม่ต้องรอฉัน”
กู้ฉางฉิงได้ยินแบบนี้ ความรู้สึกวูบโหวงก่อตัวในจิตใจทันที แต่เธอกลับไม่ใส่ใจ พยักหน้าตอบรับเฟิงจิ่งเหยา
“อืม ทราบแล้ว”
พูดจบ เฟิงจิ่งเหยาก็วางสาย กู้ฉางฉิงมองสายที่ถูกตัด กัดปากแน่น หลังจากนั้นเรียกโรงแรมให้มาส่งอาหารค่ำ
แต่ทว่าตอนเธอมองอาหารที่เต็มโต๊ะนี้กลับไม่รู้สึกอยากอาหาร นั่งรอเฟิงจิ่งเหยาในห้องรับแขกเงียบๆคนเดียว จิตใจล่องลอย
พวกเขากำลังเลี้ยงฉลอง น่าจะดื่มเหล้าเบียร์
เฟิงจิ่งเหยาก็น่าจะต้องดูแลมู่เฉาเกอ เขาจะดื่มเหล้าหรือเปล่านะ?
เธอจินตนาการในหัวไปต่างๆนานา จนถึงข้อสุดท้าย ที่แม้แต่เธอก็ไม่กล้าคิดต่อ
เพราะความคิดนั้นเธอรับไม่ไหวจริงๆ
เธอลุกขึ้นด้วยความกลัดกลุ้มใจ อยากจะพักผ่อนสักครู่แต่ก็นอนหลับไม่ลง
พอปิดตาก็มีแต่ความคิดพวกนั้นมารบกวนเธอ จนเธอรู้สึกจะบ้าให้ได้ ก็เลยลุกขึ้น ตั้งใจจะไปรอเฟิงจิ่งเหยาที่ล็อบบี้โรงแรม
ใครจะรู้ในตอนที่เธอกำลังออกจากลิฟต์ ก็เหลือบไปเห็นมู่เฉาเกอกับเฟิงจิ่งเหยากอดกันอยู่ที่ประตูโรงแรม
จากมุมที่เธอมอง ทั้งสองคนเหมือนราวกับจูบกันอยู่
ในเวลานั้น ร่างกายเธอชาวาบ สมองขาวโพลน
เหมือนโดนมีดปักกลางอก เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
คิดไม่ถึงว่า ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด
เฟิงจิ่งเหยาดื่มจนเมา มู่เฉาเกอพยุงเขา
เพียงแต่แรงของพวกเขาต่างกันมาก มู่เฉาเกอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะพยุงเฟิงจิ่งเหยาที่รูปร่างสูงใหญ่ไหวได้อย่างไร และกู้ฉางฉิงดันมาเห็นฉากนี้เข้าพอดี