สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 253 คุณทำให้ฉันตกใจแทบตาย

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางฉิงเก็บของอย่างลวกๆ แล้ววางแผนจะไปหาเฟิงจิ่งเหยา

ผลคือเพิ่งออกจากห้อง ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยาและชายแปลกหน้าอีกคนที่ไม่รู้จักเดินมาจากที่ทางเดิน

ชายคนนั้นใบหน้าคมสัน ถึงแม้ว่าจะสู้เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ ทว่าก็เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดี

อีกทั้งใบหน้าของเขาที่มีความเคารพนับถือเฟิงจิ่งเหยา เพียงแต่ทั้งสองดูเหมือนเพื่อนกันมากกว่า ทำให้กู้ฉางฉิงสับสนสถานะของเขาเล็กน้อย

“จิ่งเหยา มีแขกมาบ้านหรอ?”

เธอยิ้มยืนอยู่ตรงทางเดิน แล้วเอ่ยถามเฟิงจิ่งเหยา ในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมพยักหน้าให้ชายคนนั้น เป็นการทักทาย

“อืม นี่คือมั่วจุย เรามีธุระที่ต้องคุยกัน ถ้าหากคุณเหนื่อย ก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

เฟิงจิ่งเหยาแนะนำมั่วจุยง่ายๆ แล้วบอกให้มั่วจุยตามไปที่ห้องหนังสือ

ในห้องหนังสือ มั่วจุยนึกถึงผู้หญิงที่อ่อนโยนสุภาพเมื่อกี้นี้ มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาด้วยความประหลาดใจ

“พี่ใหญ่ นั่นก็คือพี่สะใภ้ใช่ไหม? ดูนิสัยไม่เลวร้ายเหมือนที่ลือกันมาเลยนะ ค่อนข้างสุภาพอ่อนโยน

เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า ไม่ได้คิดจะพูดเกี่ยวกับกู้ฉางฉิงมาก ผ่านประเด็นที่คุยกันแล้วถามว่า : “เรื่องที่ให้ไปตรวจสอบตรวจสอบได้ชัดเจนแล้วหรือยัง?”

มั่วจุยไก้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึม ตอบอย่างจริงจังว่า : “ตรวจสอบได้แล้ว”

เขาพูดจบ ในสายตาก็นำพามาซึ่งความสงสัยไม่เข้าใจ : “เมื่อตอนบ่ายคนที่สะกดรอยตามคุณกับพี่สะใภ้ ดูเหมือนจะเป็นคนขององค์กรที่ชื่อซิวลัวถัง”

เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น

ซิวลัวถังนี้เขาเคยได้ยิน เป็นกลุ่มอิทธิพลมืด และไม่ใช่เส้นทางเดียวกันกับเขา

“เป็พวกเขาได้ยังไง? ดูเหมือนว่าเราไม่เคยมีเรื่องกับองค์กรนี้ใช่ไหม?”

มั่วจุยตอบกลับว่า : “จริงๆก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรใหญ่โต ดังนั้นเรื่องนี้ฉันคิดว่าค่อนข้างมีลับลมคมในอยู่”

เขาพูดแล้วมองไปทางเฟิงจิ่งเหยา พูดเสียงเคร่งขรึมว่า : “อีกทั้งฉันยังได้ตรวจสอบข่าวอันหนึ่ง องค์กรนี้ดูเหมือนจะมีความขัดแย้งกับองค์กรซื่ออิ่งเมื่อไม่นานมานี้”

เฟิงจิ่งเหยาฟังคำพูดนี้จบ สีหน้าก็เยือกเย็นอย่างมาก

เขาหรี่ตาลงอย่างอันตราย พูดอย่างเย็นชาว่า : “เช่นนี้ สองสามวันนี้คุณส่งคนมาจับตาดูไว้ รายงานความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ตลอดเวลา ทางด้านของฉันนี้ จะจัดการเดินทางกลับประเทศให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา”

มั่วจุยพยักหน้า : “รับทราบ”

เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ กำชับอีกครั้งว่า : “เอ่อใช่ สถานที่พักของฉันสองสามวันนี้ก็ต้องปกปิดด้วยนะ”

มั่วจุยรับคำสั่งแล้วออกไป

รอเขาออกไป เฟิงจิ่งเหยาก็นั่งอยู่ที่ห้องหนังสือคนเดียวสักพัก จึงลุกขึ้นไปที่ห้องนอน

ในห้อง กู้ฉางฉิงกำลังวาดแบบร่างการออกแบบอยู่

เธอได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลัง ก็วางพู่กันลงแล้วหันไปพูดว่า : “พวกคุณคุยเสร็จแล้วหรอ?”

“อืม ทำไมไม่พักผ่อน?”

เฟิงจิงเหยาถอดเสื้อคลุมออกมองไปที่เธอแล้วถาม

“นอนไม่หลับ”

กู้ฉางฉิง ก้าวไปข้างหน้าและหยิบเสื้อคลุมของเขาด้วยมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

เดิมทีเธอต้องการจะถามเกี่ยวกับเรื่องเมื่อช่วงบ่าย ยังไม่ทันได้พูดออกมา น้ำเสียงขอโทษของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นข้างๆหู

“จู่ๆวันนี้ก็เกิดเรื่อง ทำให้คุณสนุกได้ไม่เต็มที่ ครั้งหน้ามีโอกาสฉันจะพาคุณมาอีก”

กู้ฉางฉิงตกตะลึง มองเฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่เข้าใจ

เฟิงจิ่งเหยาพูดแผนการของเขาออกมา : “ฉันวางแผนที่จะเดินทางกลับไปในวันพรุ่งนี้”

กู้ฉางฉิงขมวดคิ้ว พูดอย่างกังวลใจว่า : “เรื่องนี้ร้ายแรงมากเลยหรอ?”

เฟิงจิ่งเหยายิ้มพูดว่า : “ก็ไม่ได้ร้ายแรงหรอก เพื่อความปลอดภัย จึงกลับไปเร็วหน่อย”

กู้ฉางฉิงเข้าใจ

ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เธอก็ได้รับบาดเจ็บ ในกรณีที่เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าจะเป็นภาระของเฟิงจิ่งเหยา

คิดเช่นนี้แล้ว เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าเธอกังวลใจ เลยพูดปลอบว่า : “ไม่มีหรอก ฉันจัดการทุกอย่างไว้ดีแล้ว”

กู้ฉางฉิงได้ได้ฟังเขาพูดเช่นนี้ จึงลดความกังวลใจลงไป

……

เช้าวันต่อมา คนทั้งสองตื่นแต่เช้า วางแผนจะไปสนามบิน

ใครจะรู้ว่าพวกเขายังไม่ทันได้ออกจากบ้าน เฟิงจิ่งเหยาก็ได้รับโทรศัพท์ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?”

กู้ฉางฉิงมอง กล่าวถามอย่างเป็นห่วง

“ทางด้านเฉาเกอนั้นเกิดเรื่อง”

เฟิงจิ่วเหยาใบหน้าหม่นหมอง เม้มปากแล้วกล่าว

เมื่อมู่เฉาเกอกลับไปเก็บของที่โรงแรม ก็ถูกลักพาตัวไป

“คุณรอฉันอยู่ที่นี่นะ ฉันจะเข้าไปดูก่อน”

เขากำชับกู้ฉางฉิง แล้วก็รีบออกจากบ้านไป

กู้ฉางฉิงมองภาพด้านหลังเขาที่รีบร้อน ในใจก็ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขวาง ถึงอย่างไรมู่เฉาเกอก็ต้องมาเดือดร้อนเพราะพวกเขา ดังนั้นเฟิงจิ่งเหยาไปช่วยก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำ

จะมีเพียงสิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจคือ เธอกังวลว่าเฟิงจิ่งเหยาจะได้รับบาดเจ็บ

ด้วยเหตุนี้ เธอรออยู่ที่บ้านพักด้วยความร้อนใจอย่างมาก

ความมืดยามค่ำคืนเริ่มเข้ามา ก็ยังคงไม่ได้รับข่าวคราวของทางด้านเฟิงจิ่งเหยา

กู้ฉางฉิงอยากจะโทรไปสอบถามสถานการณ์ ก็กลัวจะไปเพิ่มความยุ่งยากให้กับเฟิงจิ่งเหยา สุดท้ายทำได้เพียงเดินไปเดินมาอยู่ในห้องรับแขกด้วยความร้อนรน มองไปที่หน้าประตู

ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงรถจากด้านนอก ใบหน้าดีใจ วิ่งออกไปนอกประตู

หลังจากเธอวิ่งออกไปจากห้องรับแขก ก็พบว่าไม่ใช่เฟิงจิ่งเหยา แต่เป็นมั่วจุยที่เคยพบหน้ากันเมื่อวานครั้งหนึ่ง

“พี่สะใภ้”

มั่วจุยเห็นเธอก็กล่าวทักทาย

กู้ฉางฉิงเห็นเขา แต่ไม่เห็นเฟิงจิ่งเหยา ก็อดถามไม่ได้ว่า

“คุณมั่ว ทำไมมีคุณคนเดียวล่ะ จิ่งเหยาไม่กลับมาหรอ? แล้วหาคุณมู่พบแล้วหรือยัง?”

เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวถามอย่างเป็นกังวล

มั่วจุยเห็นเช่นนี้ จึงรีบพูดถึงวัตถุประสงค์ในการมาของเขา

“พี่สะใภ้วางใจ ช่วยคุณมู่กลับมาได้แล้ว แต่พี่ใหญ่ได้รับบาดเจ็บ ฉันจะมารับพี่สะใภ้ไปโรงพยาบาล”

กู้ฉางฉิงฟังถึงตรงนี้ ใจก็กังวลและหวาดกลัว

“บาดเจ็บได้ยังไง ร้ายแรงไหม?”

เธอถามอย่างร้อนรน เวลาเดียวกันตามมั่วจุยไปโรงพยาบาล

ขณะเดินทาง มั่วจุยก็ปลอบโยนเธอ บอกว่าไม่เป็นไร บาดเจ็บเล็กน้อย

แต่กู้ฉางฉิงไม่ได้เห็นคน ก็ไม่มีทางที่จะเชื่อ

โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก ไม่ถึงยี่สิบนาที คนทั้งสองก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล

นี่คือโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พอถึงตอนกลางคืนโดยรอบก็เงียบสงัดเป็นพิเศษ

กู้ฉางฉิงไม่มีเวลาที่จะสังเกตโดยรอบ จึงตามมั่วจุยไปยังห้องผู้ป่วย

เธอกำลังเตรียมจะผลักประตูเข้าไป ไม่คาดคิดเมื่อมองทะลุกระจกเข้าไปในห้องผู้ป่วย มู่เฉาเกอกำลังกอดเฟิงจิ่งเหยาร้องไห้อยู่

“จิ่งเหยา คุณทำฉันตกใจแทบแย่”

มู่เฉาเกอตกใจมากจริงๆ มองเฟิงจิ่งเหยาด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น

เฟิงจิ่งเหยาถูกเธอโอบกอด ขมวดคิ้วแน่น

เขาอยากผลักมู่เฉาเกอออกด้วยจิตสำนึก แต่มู่เฉาเกอใช้กำลังโอบกอดไว้แน่น ทำให้เขาจนปัญญา ทำได้เพียงดึงระยะห่างเล็กน้อยแล้วกล่าวปลอบโยนว่า: “เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว”

กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ การกระทำที่จะเปิดประตูก็แข็งทื่ออยู่ตรงนั้นชั่วพริบตา ไม่กล้าผลักประตูเข้าไป

มั่วจุยยืนอยู่ด้านหลังเธอเห็นภาพนี้ ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้พูดจา

เวลานี้ เฟิงจิ่งเหยาพบว่ากู้ฉางฉิงยืนอยู่ด้านนอกประตู ในใจก็เป็นกังวล ใช้แรงผลักมู่เฉาเกอออก

มู่เฉาเกอถูกผลักออกโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันเซไปสองก้าวก่อนที่จะยืนได้มั่นคง หลังจากนั้นก็มองไปยังเฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่เข้าใจ

“จิ่งเหยา เป็นอะไรไป?”

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจเธอ แต่มองไปยังหน้าประตู กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า: “ทำไม มาแล้วไม่เข้ามา คิดจะอยู่หน้าประตูเป็นภาพเจ้าที่หรอ?”

มู่เฉาเกอได้ยินเช่นนี้ ก็มองตามสายตาของเขาไป จึงพบกู้ฉางฉิงและคนอื่น ในสายตามืดมนและไม่ยินยอม

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท