เพราะการแสดงความเห็นนี้ของกู้ฉางฉิง จี้อี้ก็พูดอะไรลำบาก
หลังเลิกประชุม ทุกๆคนออกไปแล้ว
ชวี่ชิงหยุนเห็นว่าเรื่องราวตกมาที่กู้ฉางฉิงอีกครั้ง ก็ไม่พอใจอย่างมาก
เธอจ้องมองกู้ฉางฉิงที่เดินจากไป ก็หันกลับไปที่ทางแยกของตึก
“ซือหยี่ ฉันออกหน้าช่วยคุณแล้ว คุณไม่รู้กู้ฉางซินผู้หญิงคนนั้นหลังจากก่อเรื่องวุ่นวายอีกครั้ง บริษัทก็ยังใช้ให้ปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญๆอีก”
เธอหยิบโทรศัพท์มารายงานการประชุมครั้งนี้ให้ลู่ซือหยี่ฟัง
อีกทั้งบอกลู่ซือหยี่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัท
“ถึงแม้ว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับเธอ แต่สถานการณ์ของเธอที่บริษัทไม่ค่อยดีนัก ตอนนี้บริษัทเต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่ต้องการเห็นเธอ”
คำพูดสุดท้าย เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
รอเธอหัวเราะเสร็จ เธอก็พบความผิดปกติ
เพราะเธอพูดมากมายขนาดนี้ ก็ไม่เห็นการตอบสนองใดๆจากลู่ซือหยี่
“ซือหยี่ คุณฟังฉันอยู่หรือเปล่า?”
เธอถือโทรศัพท์ถามด้วยความสงสัย
เป็นเวลานานเสียงที่อ่อนแอของลู่ซือหยี่ก็ดังขึ้นในโทรศัพท์
“ฟังอยู่”
ทันทีที่ชวี่ชิงหยุนได้ยินถึงความผิดปกติ ก็พูดอย่างเป็นห่วงว่า : “ซือหยี่คุณเป็นอะไรไป? น้ำเสียงดูอ่อนเพลีย”
ในสาย ลู่ซือหยี่เม้มปาก ไม่อยากพูด
ช่วงเวลานี้ เพราะว่าตั้งท้อง การตอบสนองของเธอไม่ค่อยดี
พูดได้ว่าเธอถูกเด็กคนนี้ทรมานจนเหมือนตายทั้งเป็น
จู่ๆได้ฟังข่าวนี้จากชวี่ชิงหยุน ชั่วขณะความโกรธที่อธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นในใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอนึกถึงนังผู้หญิงสารเลวกู้ฉางซินนั่น เกิดเรื่องวุ่นวายหายครั้งก็ไม่ถูเฟิงจิ่งเหยาไล่ออกจากบริษัท แต่เธอเพียงแค่ทำผิดพลาดครั้งเดียว ก็ถูกไล่ออกโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกเลย
แสดงให้เห็นว่า เฟิงจิ่งเหยายังสนใจนังสารเลวนั่นอยู่!
เธอนึกถึงตรงนี้ ไฟอิจฉาริษยาในใจก็ลุกโชนขึ้นมา
มีสิทธิอะไร!
เธอมีสิทธิอะไรที่จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ต้องทำอะไรเลย!
โดยเฉพาะเธอที่แม้แต่เสียสละตัวเองเพื่อให้ได้เฟิงจิ่งเหยา จนตอนนี้ได้รับความทุกข์ระทมเป็นที่สุด ก็ไม่สามารถได้รับความสงสารใดๆจากพี่จิ่งเหยาเลย
เพียงแค่คิดว่าผู้ชายคนนั้นไม่ยอมให้เธอเอาเด็กในท้องออก เธอก็โกรธแค้นจนต้องกัดฟัน
เธอไม่ยอม!
“เรื่องที่เธอพูดฉันรู้แล้ว ฉันจัดการได้ เธอจับตาดูที่บริษัทให้ฉันต่อไปก็พอ”
เธอพูดจบก็วางสายไป
จากนั้นเธอก็นั่งลงบนเสื่อทาทามิแล้วหรี่ตามองแสงอาทิตย์นอกหน้าต่าง
ถ้าเธอจำมาผิด ในตอนแรกฟู่หยุนชวนดูเหมือนจะสนใจกู้ฉางฉิงมาก
และคู่หมั้นของฟู่หยุนชวนเป็นเพื่อนสนิทที่เธอรู้จัก
บางทีเธอก็ลงมือได้จากตรงนี้
จากสิ่งที่ชวี่ชิงหยุนบอกเมื่อกี้นี้ เธอได้ยินมาว่าบริษัทให้ความสำคัญกับชุดป้องกันนี้มาก ถ้าเธอทำให้กู้ฉางซินทำงานล้มเหลวอีกครั้ง สูญเสียงบประมาณส่วนเกินของบริษัท เธอมาเชื่อว่าพี่จิ่งเหยาจะยังปกป้ปงนังสารเลวนั่นอน่างไม่สนใจใยดีได้!
หากเธอไม่ได้ ก็จะไม่ยอมให้คนอื่นได้เด็ดขาด โดยเฉพาะกู้ฉางซิน!
……
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าแผนการชั่วร้ายของเธอเกิดขึ้นอีกครั้ง
หลังจากประชุมเสร็จ เธอก็ค้นหาข้อมูลของฟู่ซื่อกรุ๊ปทันที
หลังจากทำการบ้านมาพอสมควร ตอนบ่ายจึงออกไปที่ฟู่ซื่อกรุ๊ป
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกู้ฉางซินตัวแทนของบริษัทZARY อยากจะพบประธานฟูฝ่ายการตลาดและการขายของพวกคุณ”
เธอคุยกับสาวน้อยแผนกต้อนรับอย่างสุภาพมีมารยาท
“กรุณารอสักครู่นะคะ”
สาวน้อยแผนกต้อนรับตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มาติดต่อฟู่หยุนชวน
“ประธานฟู่ ชั้นล่างมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งชื่อกู้ฉางซินต้องการเข้าพบคุณ อ้างว่าเป็นตัวแทนของZARY”
ฟู่กยุนชวนได้ยินชื่อของกู้ฉางซินก็แปลกใจในชั่วพริบตา
“คุณให้เธอขึ้นมาเถอะ”
เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หญิงสาวพนักงานต้อนรับตอบรับแล้ว ก็พากู้ฉางฉิงขึ้นลิฟต์
ไม่นาน คนทั้งสองก็เดินทางมาถึงห้องทำงานของฟู่หยุนชวน
กู้ฉางฉิงเข้ามายังห้องทำงานโดยผู้ช่วยของฟู้หยุนชวน
“ประธานฟู่ คุณกู้มาแล้วค่ะ”
เขาเคาะประตูแล้วเข้ามา หลังจากแจ้งให้ทราบแล้วก็ออกไปอย่างเคารพนบนอบ
หลังจากนนั้นในห้องทำงานก็เหลือเพียงคนสองคน
กู้ฉางฉิงกล่าวทักทายก่อน: “คุณฟู่ ไม่เจอกันนานเลย”
ฟู่หยุนชวนอมยิ้มมองกู้ฉางฉิง ในสายตาประหลาดใจและชื่นชม
เขารู้สึกเพียงว่าพบกู้ฉางฉิงครั้งนี้ดูมีความสามารถมั่นใจในตนเองมากกว่าเมื่อก่อน
เห็นกู้ฉางฉิงสวมใส่ชุดสูททำงานเข้ารูป บนใบหน้าแต่งหน้าอ่อนๆ ในความอ่อนโยนแฝงไปด้วยความเข้มแข็ง
“ไม่เจอกันนานมากจริงๆ”
เขาอมยิ้มตอบกลับ หลังจากกล่าวทักทายกู้ฉางฉิงก็นั่งลง
“ไม่ทราบว่าครั้งนี้คุณกู้มาหาฉัน มีเรื่องอะไรครับ?”
หลังจากกู้ฉางฉิงนั่งลง เขาก็ถามถึงวัตถุประสงค์ในการมา
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา เธอก็พูดจุดประสงค์นี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมา
“มาครั้งนี้ อยากจะมาเจรจาความร่วมมือกับบริษัทคุณ”
“โอ้? ความร่วมมืออะไรหรอ?”
ฟู่หยุนชวนฟังคำพูดของเธอจบ ในสายตาก็มีความสนใจ จึงกล่าวถาม
“ฉันได้ยินมาว่าในสายการผลิตผ้าของบริษัทคุณ มีอุปกรณ์ประเภทหนึ่งที่สามารถใช้ทำชุดป้องกันทางการแพทย์ได้ บริษัทของเราเพิ่งได้รับคำสั่งซื้อที่ต้องใช้ผ้าชนิดนี้ ดังนั้นฉันจึงต้องการร่วมมือกับบริษัทของคุณ แบบนี้ก็เป็นสถานการณ์ที่วินทั้งสองฝ่าย ทั้งสองบริษัทต่างก็ได้กำไร”
กู้ฉางฉิงพูดจบ ก็ฉีกยิ้มมองไปยังฟู่หยุนชวน รอเขาตอบรับ
เดิมทีเธอคิดว่า ในฐานะที่เป็นคนทำธุรกิจ ฟู่หยุนชวนไม่มีทางปฏิเสธการค้าขายที่มาส่งถึงประตูได้ ใครจะรู้ว่าความเป็นจริงไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย
เห็นฟู่กยุนชวนขมวดคิ้ว คล้ายกับว่าลำบากใจเล็กน้อย
“คุณฟู่มีความคิดเห็นใดที่แต่งต่างหรอ?”
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าปกติ กล่าวถามอย่างจริงจัง
“ไม่ถึงขั้นกับมีความคิดเห็น คือผ้าชุดป้องกันนี้ บริษัทพวกเรากำลังผลิตจริงๆ อีกทั้งพวกเราก็ให้ความสำคัญในการผลิต แต่ผ้านี้คือพวกเราวางแผนไว้ว่าจะใช้เอง ไม่ได้อยากจะขายออกสู่ภายนอก”
ฟู่หยุนชวนพูดถึงตรงนี้ มองไปยังกู้ฉางฉิงอย่างรู้สึกเสียใจ
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย คล้ายกับคาดไม่ถึงว่าฟู่ซื่อกรุ๊ปจะผลิตผ้านี้ไว้ใช้เอง
“แบบนี้ ฉันก็ยังหวังว่าคุณฟู่จะลองคิดพิจารณาดูสักหน่อย บริษัทของเรามีความเชื่อมั่นในผ้าชนิดนี้ของบริษัทคุณอย่างมาก โดยเฉพาะชื่อเสียงในวงก่รธุรกิจของเฟิงชื่อกรุ๊ป ยิ่งทำให้พวกเรานับถือ พวกเราหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถร่วมมือในระยะยามกับบริษัทของคุณได้”
เธอพยายามที่จะโน้มน้าวฟู่หยุนชวน แต่บนใบหน้าของฟู่กยุนชวนไม่ได้เปลี่ยนไปนัก
“คุณฟู่จะไม่พิจารณาสักหน่อยหรอ?”
เธอกล่าวถามอีกครั้งอย่างไท่ตายใจ
ฟู่กยุนชวนเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขามองออกว่ากู้ฉางฉิงตั้งใจมาทำความร่วมมือ แต่ผ้านี้ของบริษัทเห็นได้ชัดว่าคณะกรรมการบริหารไม่ได้จำหน่ายสู่ภายนอก
คิดแบบนี้พลาง ในใจเขาก็มีความคิดเห็นหนึ่งเข้ามา
“คุณกู้ คุณเห็นว่าแบบนี้ได้ไหม? ฉันเข้าใจความร่วมมือของพวกคุณกับพวกเรา เนื่องจากได้รับช่วงการผลิตชุดป้องกันจากสถาบันทางการแพทย์ ฉันยังได้ยินมาว่าธุรกิจนี้ มีขนาดใหญ่มาก แม้ว่าบริษัทของคุณจะอยู่เบื้องหลังเฟิงซื่อกรุ๊ป แต่ก็ยังเป็นบริษัทใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรม โรงงานน่าจะไม่สามารถผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้ภายในเวลาที่กำหนด แต่บริษัทของเรามีความสามารถนี้ หากบริษัทของคุณยินดีที่จะจัดจ้างธุรกิจภายนอกนี้ให้เรา ฉันคิดว่าทั้งสองจะสามารถร่วมมือกันได้”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดนี้จบ ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด
เธอยอมรับว่าคำพูดนี้ของฟู่หยุนชวนไม่เลว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผ้าที่ขาดแคลน การผลิตของพวกเธอก็เป็นปัญหาเหมือนกัน
แต่นี่เธอไม่สามารถตัดสินใจเองได้
“ข้อเสนอของคุณฟู่ฉันเข้าใจ แต่ฉันจำเป็นต้องรายงานกับบริษัท จึงจะสามารถให้คำตอบคุณฟู่ได้”