สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 257 เธอไม่ได้ใครก็อย่าคิดว่าจะได้

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง ในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด

เพียงไม่นานก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาตัดบท

“ฉันเก็บของเสร็จแล้ว ลงไปข้างล่างก่อน”

เขาพูดจบ ก็ออกจากห้องไป

เขาเดินออกไปไกลแล้ว กู้ฉางฉินจึงหันกลับมา จ้องมองไปที่ประตูที่ว่างเปล่า ในแววตาเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน

เธอไม่ปล่อยให้เฟิงจิงเหยารอนาน ไม่นานก็ลงไปชั้นล่าง

ทั้งสองคนรับประทานอาหารกันโดยไม่ได้พูดอะไร

ทานอาหารเสร็จ เฟิงจิ่งเหยาคิดว่าจะไปที่บริษัท ผลปรากฏว่ากู้ฉางฉิงก็แต่งตัวออกไปข้างนอกเช่นกัน จึงขมวดคิ้วถามว่า : “คุณจะไปไหน?”

กู้ฉางฉิงพยักหน้า : “ไม่ได้ไปบริษัทหลายวัน จะไปดูสักหน่อย”

อันที่จริงกู้ฉางฉิงไม่อยากอยู่ที่ตระกูลเฟิงคนเดียว ดังนั้นจึงตัดสินใจไปบริษัท

ถึงแม้ว่ามือของเธอยังไม่หายดี แต่ก็ไม่ได้กระทบกับงาน

เดิมเฟิงจิ่งเหยาต้องการให้เธอพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เพียงแต่เห็นแววตาที่มุ่งมั่นของเธอแล้ว ก็เปลี่ยนคำพูด : “งั้นฉันจะไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก ฉันเรียกรถไปเองได้ คุณไปก่อนเถอะ”

กู้ฉางฉิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

พูดจบ เธอก็ไม่สนใจสีหน้าอารมณ์ของเฟิงจิ่งเหยา เดินตรงออกไป

เมื่อคืนเธอคิดมาก

ตอนนี้กลับมาแล้ว เธอก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในจิตนาการได้ ควรจะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง

อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้ เธอเป็นเดือดเป็นร้อนในเรื่องส่วนได้ส่วนเสียตลอด ทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตไม่เหมือนของตนเองเลย

จะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เธอต้องการจะยืนหยัดด้วยตัวเองอีกครั้ง ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงาน เช่นนี้ต่อไปในอนาคต บางทีเธออาจจะไม่บาดเจ็บมากจนเกินไป

เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ เพียงแต่สังเกตท่าทีของเธอที่เปลี่ยนไป รับรู้ได้ถึงความเหินห่างของเธอ

เขาไม่เขใจเห็นได้ชัดว่าเมื่อวานก็ยังดีๆอยู่ วันนี้ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยวางลงชั่วคราวโดยที่ไม่เข้าใจ

สองวันต่อมา ทั้งสองคนก็กลับไปใช้ชีวิตที่สงบเงียบเหมือนกับเมื่อก่อน

กู้ฉางฉิงไปทำงานทุกวัน ถึงแม้ว่าเรื่องการตบตีก่อนหน้านี้จะสงบลง แต่ก็มีหลายคนที่ยังคงกีดกันเธอเป็นอย่างมาก ทุกๆวันปฏิบัติกับเธอโดยการมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม

กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้สนใจ ยิ่งพวกเขามีท่าทีเช่นนี้ เธอก็ยิ่งต้องการพิสูจน์ตัวเองอย่างมืออาชีพ

โชคดีที่การทุ่มเทของเธอกับผลกำไรยั้นเท่ากัน

ถึงแม้ว่าเธอไม่ได้รับการต้อนรับที่บริษัท แต่เสื้อผ้าที่เธอออกแบบนั้นขายดีในบริษัท

หลายคนเห็นผลลัพธ์นี้ ก็อิจฉาเธอมากขึ้น

แต่พวกเขาไม่กล้าทำอะไร ไม่ต้องพูดถึงศักยภาพของกู้ฉางฉิงที่อยู่ที่นี่ ก็คือแม้ว่าเธอจะสร้างเรื่องวุ่นวายสองครั้งบริษัทก็ต้องรักษาเธอไว้ ทุกคนรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังกู้ฉางฉิง เป็นธรรมดาที่จะไม่กล้าล่วงง่ายๆ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเธอยังคงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท

แน่นอนว่า พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ มิเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่กล้ากีดกันกู้ฉางฉิงเช่นนี้หรอก

วันนี้ ก็ถึงการประชุมใหญ่เดือนละครั้งของแผนกออกแบบ

จีอี้จัดให้ทุกคนของแผนกออกแบบมาเปิดประชุมที่ห้องประชุม กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการประชุมครั้งนี้

“บริษัทที่นี่วางแผนจะให้แผนกออกแบบของเราสานต่อหนึ่งโครงการ ว่ากันว่าเป็นชุดป้องกันทางการแพทย์ และข้อกำหนดเกี่ยวกับผ้าของชุดป้องกันนี้เข้มงวดมาก ถ้าเราทำได้ดี เมื่อถึงเวลาชุดป้องกันนี้จะถูกจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศ อาจจะส่งออกไปต่างประเทศด้วย บริษัทจะดูจากผลสำเร็จที่ได้รับแผนกออกแบบของเราจัได้เป็นโบนัสผลประกอบการหนึ่งแต้ม”

เมื่อเธอพูดแบบนี้ คนในห้องประชุมก็คึกคักกันขึ้นมา

โบนัสผลประกอบการหนึ่งแต้ม อย่ามองว่าเป็นตัวเลขเล็กๆ ทว่าผลประกอบการทั้งหมด เมื่อถึงเวลาก็จะเทียบเท่ากับรายได้ของพวกเขาเป็นเวลาสองถึงสามเดือนเลย

“ผู้จัดการวางใจเถอะ โครงการนี้พวกเรารับประกันว่าจะต้องบรรลุผลอย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน!”

ไม่มีใครมีอุปสรรคกับเงิน ทันทีคนจำนวนไม่น้อยก็กล่าวรับประกัน

จี้อี้ได้ฟังคำพูดของทุกคนแล้ว ก็แสดงเจตนาให้พวกเขาสงบ: “แน่นอนฉันเชื่อว่าพวกเราจะสามารถทำได้ดี แต่ปัจจุบันนี้มีปัญหาหนึ่ง ต้องการให้พวกเราร่วมกันแก้ไขปัญหา”

ทุกคนฟังถึงคำพูดนี้ วีหน้าอดไม่ได้ที่จะเข้มงวด กล่าวถามว่า: ผู้จัดการแผนกปัญหาอะไรหรอ?”

“ก็คือวัตถุดิบชุดป้องกันนั่น ขณะนี้ภายในประเทศมีเพียงบริษัทเดียวที่มี พวกเราจะทำชุดป้องกันนี้จำเป็นต้องหาบริษัทพวกเขาเพื่อจัดซื้อ”

จี้อี้นำปัญหาพูดออกมา หยุดมองไปรอบๆชั่วขณะแล้วกล่าวว่า: “ฝ่ายตรงข้ามก็เป็นบริษัทเสื้อผ้า ฟู่ซื่อกรุ๊ป”

กู้ฉางฉิงได้ยินคำสี่คำนี้ รู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย

ยังไม่ทันรอให้เธอนึกออก จี้อี้ก็เอ่ยปากอีกครั้งว่า: “เท่าที่ฉันรู้ ความรับผิดชอบการตลาดเสื้อผ้าเรื่องนี้เป็นตราประทับของตระกูลฟู่ ฟู่หยุนชวน เดิมทีก็ถือว่าเป็นบริษัทที่โดดเด่นมีชื่อเสียง บุคคลมีชื่อเสียงผลงานอันยอดเยี่ยม ฉันอยากจะถามว่าที่นั่งอยู่นี่มีใครรู้จักท่านนนั่นไหม ถ้าพวกเรามีความสนิทสนม การเจรจาพูดคุยในเรื่องนี้ บางทีอาจจะราบรื่น”

ทุกคนฟังถึงคำพูดนี้ ได้แต่มองหน้ากันไปมา

“ผู้จัดการแผนก แบบนี้ได้ไหม? ทั้งสองบริษัทล้วนเป็นบริษัทเสื้อผ้า”

ความหมายก็คือ พวกเขาประกอบอาชีพเดียวกัน มีการแข่งขันสูงมาก ถ้าหากพวกเขาไปหาฟู่ซื่อกรุ๊ป ทำใบโครงการนี้รั่วไหล ก็จะได้ไม่คุ้มเสีย

“ใช่ ผู่จัดการแผนกฉันคิดว่าเรื่องนี้ยังต้องพิจารณาให้รอบคอบ”

“แย่งชิงไปฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรบริษัทก็ได้รับโครงการมาแล้ว ก็กลัวแต่ว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสโก่งราคา”

กู้ฉางฉิงฟังคำพูดทางซ้ายทีทางขวาที แต่ในใจก็แปลกใจไม่หยุด

เพราะเธอนึกถึงว่าฟู่หยุนชวนไม่คนที่ในช่วงแรกที่เฟิงจิ่งเหยาเพิ่งกลับกลับเทศ คนนั้นที่ต้องการให้เธอไปเป็นนักออกแบบให้บริษัทพวกเขาหรอกหรอ…….

เธอคิดถึงตรงนี้ ทันทีก็วางตัวไม่ถูกเล็กน้อย

แต่นึกถึงโครงการของบริษัท เธอยังคงยกมือขึ้น

“ฉัน……เคยมีโอกาสได้เจอเขาสองสามครั้ง บางทีอาจจะลองดูได้”

พอเธอพูดคำนี้ออกมา คนทั้งหมดก็มองเธออย่างงุนงง

“เห๊อะ คุณรู้จักอีกแล้วหรอ กู้ฉางซินมิตรภาพของคุณนี้กว้างขวางจริงๆ?”

ชวี่ชิงหยุนนึกไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะรู้จักคนที่มีฐานะทางสังคมแบบนั้น ทันใดก็กล่าวอย่างอิจฉาริษยา

กู้ฉางฉิงฟังออกถึงความหมายในคำพูดของเธอนี้ สีหน้าบึ้งตึง

“ฉันจะรู้จักใคร มันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”

เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

จี้อี้กวาดสายตามองคนทั้งสอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย

อันที่จริงในใจก็คิดเหมือนกันกับชวี่ชิงหยุน ไม่อยากให้กู้ฉางฉิงทำเรื่องนี้สำเร็จ

แต่ความคิดและความเป็นจริงเธอจนปัญญาที่จะคำนึงถึง สุดท้ายก็ทำได้เพียงเลือกอย่างหลัง

ถึงอย่างไรเธอก็เพิ่งเข้ามาในบริษัท และนี่คือโครงการแรกของเธอหลังจากรับตำแหน่ง หลุดมือไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

“ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว เรื่องนี้ก็ให้กู้ฉางฉิงไปลองดู”

เธอตัดสินใจในใจแล้ว ก็ประกาศให้รู้อย่างเป็นทางการ

ชวี่ชิงหยุนไม่ยอมแพ้ ต้องการที่จะโต้แย้ง สุดท้ายคำพูดยังไม่ทันได้ออกจากปากก็ถูกจี้อี้ใช้คำพูดหยุดไว้

“ถ้าคุณไม่ยอม เรื่องนี้ก็สามารถให้คุณไปทำด้วยได้ แต่จำเป็นต้องทำให้ฉันให้สำเร็จ”

ชั่วพริบตา ชวี่ชิงหยุนก็สงบลง

จี้อี้เห็นเธอสงบแล้วกํหันไปมองกู้ฉางฉิง กล่าวเตือนว่า: “ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ฉันจะมอบให้คุณไปลอง แต่คุณก็ต้องใส่ใจ อย่าลืมคำตักเตือนก่อนหน้านี้ ถ้าหากสุดท้ายแล้วเป็นเพราะคุณที่ทำให้โครงการบริษัทล้มเหลวอีก ทำให้ทุกคนมีผลกระทบไปด้วย ไม่ว่าใครจะมาปกป้องคุณ ฉันก็จะไม่อดทนให้คุณอยู่ในบริษัทต่อไปโดยเด็ดขาด!”

กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ก็ไม่ค่อยสบายใจเท้าไรนัก

แต่นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ เธอก็ปล่อยวางอย่างรวดเร็ว

“ผู้จัดการแผนกจี้วางใจได้ ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมให้ตนเองผิดพลาดอีก!”

พูดแบบนี้ ก็เพราะหลังจากที่เธอตัดสินใจแล้วก็ให้ความสำคัญที่เรื่องของงาน ทำออกมาให้สำเร็จ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท