เดิมทีเฟิงจิ่งเหยาต้องการจะออกไป เมื่อไม่เห็นจิตใจก็ไม่หงุดหงิด
แต่ไม่ว่าจะก้าวออกไปแค่ไหน
เวลานี้กระเป๋าเดินทางของกู้ฉางฉิงก็จัดเตรียมเสร็จแล้ว
ก็เห็นเธอลากกระเป๋าเดินทางด้วยสีหน้าเย็นชาเดินผ่านเฟิงจิ่งเหยาไป
“คุณจะไปไหน?”
เฟิงจิ่งเหยาดึงข้อมือเธอโดยไม่ต้องคิด ขมวดคิ้วถาม
“ฉันจะไปวางกระเป๋าที่ห้องพักแขกข้างๆ”
กู้ฉางฉิงตอบกลับอย่างเย็นชา ในเวลาเดียวกันก็ต้องการจะดึงมือตนเองออก ทว่าอย่างไรก็ดึงไม่ออก
“ปล่อยฉันได้ไหม?”
เธอขมวดคิ้วนิดๆมองไปทางเฟิงจิ่งเหยา แล้วเอ่ยถาม
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้เคลื่อนไหว แต่จ้องมองเธอด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง
ทำไมต้องเอาไปวางที่ห้องพักแขก นี่คุณยังโกรธฉันอยู่หรอ?”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ ก็นิ่งไป ในแววตาก็เป็นประกาย เพียงแต่เธอรีบเก็บสีหน้าไว้
“เปล่า”
เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ แล้วพูดอีกครั้งว่า : “คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม?”
“ไม่ได้”
เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับโดยไม่ลังเล จากนั้นก็หมุนตัว ดึงคนเข้ามาที่ผนังข้างๆ
กระเป๋าเดินทางอันหนักอึ้งหลุดออกจากมือของกู้ฉางฉิง เกิดเสียงดัง
แต่กลับไม่มีใครสนใจ
หรือพูดได้ว่า เดิมทีกู้ฉางฉิงไม่ได้สนใจ เวลานี้ในสายตาในจิตใจของเธอเป็นคนที่อยู่ตรงหน้านี้
พูดได้ว่า การกระทำของเฟิงจิ่งเหยาเกินความคาดหมายของเธออย่างสิ้นเชิง
“พูดมาเถอะ ว่าคุณโกรธอะไรอยู่”
เฟิงจิ่งเหยามองกู้ฉางฉิงที่ตะลึงงันอยู่ตรงหน้า เอาตัวเข้ามาใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นๆพ่นรดใบหน้าของกู้ฉางฉิง
“ฉันไม่ได้โกรธอะไร คุณปล่อยฉันนะ”
เธอเผชิญหน้ากับผู้ชายที่อยู่ใกล้อย่างมาก กระสับกระส่ายต่อสู้ดิ้นรน
เฟิงจิ่งเหยากดเธอไว้ ทำให้เธอดิ้นไม่หลุด
ชั่วขณะกู้ฉางฉิงก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
“คุณคิดจะทำอะไร?”
เธออดไม่ได้ที่จะต้องมองเฟิงจิ่งเหยาอย่างโกรธๆ
“ประโยคนี้ฉันควรจะถามคุณหรือเปล่า? คุณโกรธอะไรอยู่?”
เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้วมองเธอ จากนั้นก็เหมือจะนึกอะไรออก สายตาก็กวาดไปมองกระเป๋าเดินทางที่ถูกทิ้งอยู่ข้างๆ พูดอย่างไม่เข้าใจ : “ตอนนี้ฉันสงสัยมาก ที่คุณไปศึกษาที่ต่างประเทศนี่มันเป็นข้ออ้างที่คุณจะหนีออกจากบ้าน
กู้ฉางฉิงคาดไม่ถึงว่าเฟิงจิ่งเหยาจะช่างจินตนาการไปขนาดนี้ ก็เลยหัวเราะออกมา
“ทำไมฉันต้องหนีออกจากบ้าน อีกอย่าง ฉันมีคุณสมบัติที่ต้องหนีออกจากบ้านหรอ?”
เธอเคืองเฟิงจิ่งเหยา ในดวงตาก็ไม่ปกปิดความโกรธไว้
“ครั้งนี้ที่ออกไปศึกษาที่ต่างประเทศ ฉันก็เตรียมการไว้ล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องถูกไล่ออกจากบริษัทในอนาคต”
แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกเฟิงจิ่งเหยาได้ เรื่องที่ออกไปต่างประเทศนี้ก็มีปัจจัยที่จะซ่อนตัวจากเขาด้วย
แต่ถึงเธอจะไม่พูด เฟิงจิ่งเหยาก็รู้สึกได้
“ดังนั้น คุณยังโกรธอยู่”
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เห็นท่าทางปากไม่ตรงกับใจของกู้ฉางฉิง ฉับพลันก็รู้สึกว่าน่าสนใจ
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าเขาหัวเราะอะไร เพียงแต่ความคิดของตนเองถูกเขาเปิดเผยแล้ว ทำให้สีหน้าของเธออดกลั้นไว้ไม่อยู่
“ฉันบอกแล้ว ว่าฉันไม่ได้โกรธ คุณต้องการให้ฉันพูดอะไรอีก”
เธอพูดจบ ก็ผลักเฟิงจิ่งเหยาแรงๆด้วยความเขินอาย
“หลีกไป ฉันยังมีของอีกเยอะที่จะต้องเตรียม……อื้อ”
ใครจะรู้ว่าเธอยังพูดไม่ทันจบ ฉับพลันใบหน้าอันหล่อเหลาของเฟิงจิ่งเหนาก็ขยายใหญ่ขึ้นต่อหน้าเธอ
เธอดวงตาเบิกกว้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงจ้องมองผมที่ดำขลับของเฟิงจิ่งเหยา
การสัมผัสระหว่างริมฝีปากทำให้เธอไม่ได้สติไปพักหนึ่ง
เห็นเฟิงจิ่งเหยาหลับตาและตักตวงความหวานระหว่างริมฝีปากและฟันของเธอ จู่โจมทุกซอกทุกมุมในปากของเธอ
ก็ไม่รู้ว่า ผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดกู้ฉางฉิงก็ค่อยๆดึงสติกลับมาจากในความหลงใหล
ดวงตาที่เป็นประกายน้ำตาของเธอมองเฟิงจิ่งเหยาอย่างเต็มไปด้วยความสับสน ในเวลาเดียวกันก็โกรธขึ้นมา
เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เฟิงจิ่งเหยามาจูบเธอด้วยทัศนคติอะไร
ชัดเจนว่าพวกเขาควรจะทำสงครามเย็น เพราะเหตุใดเขาถึงทำแบบนี้?
ยิ่งเธอนึกถึงคำพูดที่ไร้เยื่อใยเหล่านั้นของเขาด้วยแล้ว ทำให้ใจของเธอที่สั่นเยือกเย็นลงมา
“โอ๊ย……”
เฟิงจิ่งเหยาที่เดิมทีจิตใจหมกมุ่นอย่างมาก แต่ไม่คาดคิดความเจ็บปวดจะลุกลามมาจากในปากของเขาอย่างกะทันหัน ความเจ็บปวดทำให้เขาปล่อยกู้ฉางฉิง และในปากก็แพร่กระจายไปด้วยรสชาติของคาวเลือด
กู้ฉางฉิงเวลานี้ ก็เห็นมามุมริมฝีปากของเขามีหยดเลือดซึมออกมา
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะทำเรื่องเหล่านั้นกับคุณ ถ้าคุณต้องการ ก็ไปห้องน้ำ หรือ……”
คำพูดสุดท้าย ถึงแม้กู้ฉางฉิงจะไม่ได้พูดออกมา แต่เฟิงจิ่งเหยาก็ฟังเข้าใจ
เวลานี้เขาทั้งโมโหทั้งจนใจ
ผู้หญิงคนนี้ คาดไม่ถึงว่าโกรธเขาถึงกับให้เขาออกไปพิศวาทกับคนอื่น
“กู้ฉางซิน ฉันให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกครั้ง”
เขาเชยคางกู้ฉางฉิง ให้เธอมองตนเอง
กู้ฉางฉิงมองเขา ในใจทันทีก็พรั่งพรูความน้อยใจออกมา เผยให้เห็นรอบดวงตาที่แดงกร่ำ
“คุณต้องการให้ฉันพูดอะไร?”
เธอเอ่ยปากสะอึกสะอื้น เดิมทีเธอก็ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา แต่ก็อดกลั้นไม่ไหว
เฟิงจิ่งเหยาถูกน้ำตาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเธอทำให้ทึมทื่อไป หลังจากตอบสนองกลับมา ก็เช็ดน้ำตาของเธออย่างเจ็บปวดใจเล็กน้อย
“โอเค โอเค ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
เขาเกลี้ยกล่อมกู้ฉางฉิง และกล่าวขอโทษขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเย็นวานฉันทำเกินไป ไม่ได้เข้าใจเรื่องราวชัดเจแล้วไปโทษคุณด้วยความเข้าใจผิด คือฉันที่ผิด ฉันต้องขอโทษคุณด้วย”
พอเขาพูดคำนี้ออกมา กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งโดยตรง
เธอมองเฟิงจิ่งเหจาด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น คล้ายกับคาดไม่ถึงว่าเขาจะกล่าวขอโทษ แต่ที่เพิ่มมากขึ้นคือความไม่สบายใจ
ก็เพราะแบบนี้ น้ำตาของเธอไม่เพียงแต่ไม่หยุดไหลเท่านั้น แต่กลับยิ่งไหลมากขึ้น
“คุณยังบอกอีกว่าฉันกำลังช่วยตระกูลกู้ ไม่เชื่อฉัน”
เธออดไม่ได้ที่จะพูดความเสียใจภายในใจออกมา
เฟิงจิ่งเหยาทำได้เพียงนำคนมากอดปลอบประโลมไว้ในอ้อมกอด
“คือฉันผิดเอง ฉันขอโทษคุณนะ ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้แล้ว”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดของเขา ความอัดอั้นภายในใจที่สุดก็หายไปเลผ้กน้อย แต่น้ำตายังคงไม่หยุดไหล
ในที่สุดเธอก็ร้องไห้จนหลับไปในอ้อมกอดของเฟิงจิ่งเหยา
……
วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นมาจากในห้อง ในห้องเหลือเพียงแค่เธอคนเดียว
ในความหดหู่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
ภาพความทรงจำของเมื่อคืนวานล้วนย้อนกลับมาในใจของเธอในเวลานี้
เธอไม่นึกเลยว่าตนเองจะร้องไห้จนหลับไปในอ้อมกอดเฟิงจิ่งเหยา รู้สึกไม่มีหน้าที่ตะไปเจอคน
ขณะที่เธอกำลังขัดเคืองอยู่ ทันใดประตูก็ถูกเปิดออก
“ตื่นแล้วงั้นก็ลงไปทานอาหาร เดี๋ยวฉันจะส่งคุณไปสนามบิน”
เฟิงจิ่งเหยาเอ่ยปากกับกู้ฉางฉิงด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ถึงแม้กู้ฉางฉิงจะไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากเตียง
ไม่นาน คนทั้งสองลงไปชั้นล่างรับประทานอาหาร
ก็ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องเมื่อคืนวานหรือไม่ กู้ฉางฉิงจึงนิ่งเงียบอย่างมาก
เฟิงจิ่งเหยาก็รับรู้ได้ถึงความเขินอายของเธอ เลยไม่เอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อคืนวาน แต่ช่วยเธอยกสัมภาระ ส่งเธอไปสนามบิน
เวลาใกล้ขึ้นเครื่อง เขาก็กำชับสั่งอย่างเป็นกังวลว่า: “อยู่ต่างประเทศคนเดียว ต้องระวังเรื่องความปลอดภัย มีเรื่องอะไรจำไว้ว่าต้องติดต่อฉัน”
กู้ฉางฉิงพยักหน้า เขากำชับสั่งคนตรงหน้าอย่างละเอียด ในใจก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
เธอกล่าวลาเฟิงจิ่งเหยาอย่างอาลัยอาวรณ์ หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่อง
ใช้เวลาบินนานถึงห้าชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึง