กู้ฉางฉิงลุกขึ้นตอบรับ และจุดนี้ฟู่หยุนชวนก็คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันรอผลบริษัทของคุณได้”
กู้ฉางฉิงพยักหน้า ทัทีที่เสนอเสร็จก็ออกไป
ฟู่หยุนชวนมาส่งด้วยตนเอง
หลังจากที่กู้ฉางฉิงออกไป ก็ตรงกลับมาที่บริษัท
หลังจากเธอกลับไป ก็มาหาจี้อี้ทันที ก็รายงานการพูดคุยกับฟู่หยุนชวนเมื่อกี้นี้
พูดจบ เธอพูดถึงความคิดเห็นของตนเองอีกครั้ง
“ฉันรู้สึกว่าข้อเสนออันนี้ของประธานฟู่ก็น่าจะเป็นไปได้ ว่ากันตามเนื้อผ้า จริงๆสายการผลิตของเรา……”
แต่ไม่รอให้เธอได้พูดจบ ก็ถูกจี้อี้พูดตัดบท
“นักออกแบบกู้ ไม่ใช่ว่าคุณลืมความปรารถนาเดิมที่ขอให้คุณไปคุยเรื่องนี้แล้วใช่ไหม? และอีกทั้งเขาพูดว่าไม่สามารถก็คือไม่สามารถใช่ไหม? ตอนแรกที่บริษัทรับคำสั่งนี้ ก็แสดงว่าบริษัทรับคำสั่งนี้ได้”
เมื่อถึงคำพูดสุดท้าย สายตาเธอมองกู้ฉางฉิงอย่างถากถาง พูดเย้ยหยันว่า : “ฉันให้คุณไปคุยเรื่องผ้า แต่ไม่ใช่ให้คุณไปถูกเขาล้างสมอง เพื่อให้แบ่งผลประโยชน์ของบริษัท ถ้าคุณไม่มีความสามารถนี้ เมื่อเช้าก็ไม่ควรจะออกความคิดเห็นในที่ประชุม บอกว่ารู้จักฟู่หยุนชวน!”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดที่ประชดประชันเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วแน่น
เธอคิดว่าตนเองไม่ได้ทำงานให้สำเร็จลุล่วง ทำให้จี้อี้ไม่พอใจ อดทนต่อความทุกข์ในใจ แล้วอธิบายอีกครั้ง
“บริษัทรับคำสั่งนี้มา จริงๆก็สามารถรับมันได้ แต่ว่าเราต้องการจัดส่งสินค้าในเวลาที่กำหนดของอีกฝ่าย……”
เธอพยายามจะบอกจุดอ่อนของบริษัทในตอนนี้ แต่จี้อี้ก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดจบ
“กู้ฉางซิน!”
เธอตวาดน้ำเสียงเฉียบขาด จ้องมองไปที่กู้ฉางฉิงด้วยสายตาเย็นชา : “คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคุณไม่ได้เป็นผู้จัดการบริษัทแล้ว ปัญหาเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเตือนฉัน จะสำเร็จหรือไม่ ฉันจะไม่เข้าใจเลยหรอ? ฉันคิดว่าคุณก็แค่อยากหาข้ออ้างให้กับความไม่ตั้งใจทำงานของตนเองมากกว่า!”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ ชั่วขณะในใจก็รู้สึกโกรธและไร้พลัง
เธอมองกลับไปที่จี้อี้ ก็เลิกสนทนาทันที
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเรื่องนี้ ฉันก็ไม่ต้องการมีส่วนร่วมด้วยแล้ว ผู้จัดการจี้ไปหาคืนอื่นเถอะ”
เธอพูดจบก็ต้องการจะเดินจากไป ทว่าถูกจี้อี้ตะโกนให้หยุด
“ผู้จัดการจี้ยังมีธุระอะไรอีกหรอ?”
กู้ฉางฉิงอดทนต่อความหงุดหงิดหันกลับไปถาม
ฉับพลันจี้อี้ก็พูดถากถางอย่างไม่พอใจ : “ธุระอะไรนะหรอ? คุณคงจะไม่เข้าใจ สร้างเรื่องวุ่นวายไว้ ก็คิดจะวางมืองั้นหรอ? ดูเหมือนว่าคุณจะเหมือนกับที่เล่าต่อๆกันมาจริงๆ แค่สูบเลือดของบริษัทก็เท่านั้น!”
เธอพูดจบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธแล้วพูดว่า : “ฉันก็ไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมจิ่งเหยายังคงให้คุณอยู่ที่บริษัทมาจนถึงตอนนี้!”
กู้ฉางฉิงฟังจบ สีหน้าก็เคร่งขรึมทันที
“ผู้จัดการจี้ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร? ที่ฉันอยู่ที่บริษัทได้เพราะอาศัยความสามารถของตนเอง!”
เธอโต้แย้งกลับไป แต่ไม่คิดว่าคพูดนี้ จะทำให้จี้อี้หัวเราะเยาะ
“ความสามารถของคุณ? ฉันยอมรับว่าคุณค่อนข้างมีความสามารถ แต่ความสามารถนี้ไม่ได้แปรผันตรงกับความสามารถของคุณในการก่อเรื่องวุ่นวายนะ ฉันได้ยินมาว่าบริษัทสูญเสียเงินหลายสิบล้านเนื่องจากผ้าคุณภาพต่ำที่ครอบครัวของคุณจัดหาให้ ถ้าไม่ใช่ว่ามีเฟิงซื่อกรุ๊ปที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่รู้ว่าบริษัทนี้จะเจ๊งเพราะคุณไปกี่ครั้งแล้ว”
กู้ฉางฉิงได้ฟัง ก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ทว่าจนปัญญาที่จะโต้แย้ง
“เรื่องบางเรื่องฉันไม่ปฏิเสธ แต่ท้ายที่สุดเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ผู้จัดการจี้อย่าบิดเบือนข้อมูลสุ่มสี่สุ่มห้าจะดีที่สุด!”
จี้อี้สำลักคำพูดเล็กน้อย เพราะเธอรู้ผลที่จะตามมา
อย่ามองว่ากู้ฉางซินทำให้บริษัทเสียหาย แต่ผลกำไรที่เธอนำมาภายหลังอาจกล่าวได้ว่าสามารถชดเชยได้
“ถึงอย่างไรเรื่องในวันนี้ ฉันจะรายงานต่อเฟิงจิ่งเหยา คุณออกไปเถอะ!”
กู้ฉางฉิงชำเลืองมองเธอ ไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เธอคิดดูแล้วว่า ถึงจิ่งเหยาจะได้ฟัง ก็คงคิดเหมือนกันกับเธอ
ถึงอย่างไรในสายตาของเธอ นี่คือวิธีที่ดีของการจะได้ผลกำไรที่มากที่สุดของบริษัท
“ตามใจคุณ!”
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงทิ้งคำพูดนี้ไว้อย่างไม่สนใจ แล้วก็หันออกจากบริษัทไป
จี้อี้มองภาพด้านหลังเธอเดินจากไป ถูกเธอทำท่าทีนี้ก็โมโหอยู่ไม่น้อย
เธอหรี่ตาทั้งคู่อย่างเย็นชา ในสายตาที่โหดเหี้ยมหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะต่อสายออกไปยังเบอร์หนึ่ง
……
เลิกงานเย็นวันนั้น กู้ฉางฉิงกลับถึงบ้านใหม่ตระกูลเฟิง
เฟิงจิ่งเหยารอเธอรับประทานอาหารอยู่บ้านแล้ว
ระหว่างทานอาหาร เฟิงจิ่งเหยาก็นึกถึงรายงานเมื่อตอนเย็น มองผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม กล่าวด้วนเสียงเคร่งขรึมว่า: “จี้อี้บอกว่าคุณติดต่อพูดคุยกับทางด้านฟู่ซื่อกรุ๊ป เรื่องผ้าคุยแล้วเป็นยังไง?”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ
เธอหยุดการกระทำในมือลงเล็กน้อย นำเรื่องที่สนทนากับฟู่หยุนชวนพูดให้ฟังรอบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็พูดถึงความคิดของเธออีกครั้ง
“ฉันคิดเห็นว่าข้อเสนอนี้ของประธานฟู่ ก็เป็นไปได้”
เธอพูดพลางมองไปยังเฟิงจิ่งเหยา แต่ไม่คาดคิดว่าจะพบกับใบหน้าที่เย็นชาของเขา ทำให้เธอยังไม่ได้พูดเอ่ยปากก็ต้องกลืนคำพูดลงคอไปทันที
“ทำไมหรอ? ที่ฉันพูดไม่ถูกหรอ?”
เธอกล่าวถามอย่างไม่สบายใจ
เฟิงจิ่งเหยามองเธออย่างเย็นชา กล่าวด้วยเสียงที่เยือกเย็นว่า: “คุณคิดเพื่อบริษัทจริงๆหรอ? ไม่ใช่ทำเพื่อกู้ซื่อกรุ๊ปของพวกคุณ?”
กู้ฉางฉิงฟังถึงคำพูดนี้ คนก็สับสนงุนงง
“นี่มันเกี่ยวอะไรกับกู้ซื่อกรุ๊ป?”
เธอมองเฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่เข้าใจ
เฟิงจิ่งเหยาถอนหายใจอย่างเย็นชา: “ทำไมจะไม่เกี่ยว? วันนี้พ่อของคุณโทรศัพท์มาหาฉัน เรียกร้องให้เขามีส่วนร่วมส่วนหนึ่งในโครงการนี้ แป็ปเดียว คุณก็ไปเจรจาที่ฟู่ซื่อกรุ๊ป แล้วยังว่าพวกเขาต้องการให้จัดจ้างคนภายนอกอีก นี่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของพวกคุณสองพ่อลูกหรอ? ถึงอย่างไรการจัดจ้างคนภายนอก จะทำให้พวกคุณวางใจได้อย่างไร”
ประโยคสุดท้าย เขาพูดอย่างเสียดสีอย่างยิ่ง
กู้ฉางฉิงไม่มีเวลา คนกำลังตะลึงอยู่
เธอไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่ากู้กงเซินจะไปหาเฟิงจิ่งเหยาด้วยตนเอง
“เรื่องนี้ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไปฟู่ซื่อกรุ๊ป เพราะว่าบริษัทต้องการ”
เธอพยายามแก้ต่างให้ตนเอง แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ฟังโดยสิ้นเชิง
“บริษัทต้องการ แล้วคุณจะสละผลประโยชน์บริษัทหรอ?”
เขามองเธออย่างถากถาง ยิ่งนึกถึงคำพูดที่กู้หงเซินโทรศัพท์มาพูดกับเขาแล้ว ก็ยิ่งทำให้ความโกรธในก้นบึ้งของหัวใจเขาพลุ่งพล่านขึ้นมา
“กู้ฉางซิน เพราะฉันรักและเอ็นดูคุณมากเกินไปใช่ไหม จึงทำให้คุณสร้างภาพลวงตาได้ตามที่คุณต้องการ! ฉันจะบอกคุณให้นะ เฟิงกรุ๊ปคือเฟิงซื่อกรุ๊ป อย่ามาคิดหลงผิดเอาแหล่งทรัพยากรของเฟิงซื่อกรุ๊ปไปช่วยเหลือตระกูลกู้ของพวกคุณ!”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดของเขาจบ สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันไม่เคยคิดที่จะไปช่วยเหลือกู้ซื่อกรุ๊ปเลยแม้แต่น้อย ฉันบอกไปแล้วว่า เรื่องนี้ฉันไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังเลย ถ้าฉันรู้ ฉันก็จะไม่ไปเจรจากับฟู่ซื่อกรุ๊ปอย่างเด็ดขาด!”
เธอตาแดงเล็กน้อยมองเฟิงจิ่งเหยา ในใจเธอเต็มไปด้วยความน้อยใจ
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาเห็นความน้อยใจในสายตาของเธอ รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
เขานึกถึงว่านี่อาจจะเป็นภาพลวงตาของกู้ฉางฉิง เพื่อทำให้เขาใจอ่อน เขาก็ยิ่งโกรธเคือง บังคับตนเองให้ใจเย็นลง
“ฉันไม่สนใจว่าคุณจะรู้หรือไม่รู้ เรื่องนี้คุณไปบอกกู้หงเซิน มันเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!”
เขาพูดจบ ก็มองเธอด้วยสายตาที่เคร่งขรึม กล่าวต่อไปว่า: “แล้วก็เรื่องครั้งนี้ คุณก็ไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว บริษัทมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจคุณ ถ้าเกิดเรื่องอะไรอีก แม้แต่นักออกแบบคุณก็จะเป็นไม่ได้!”