กู้ฉางฉิงมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป สติก็ยังไม่กลับมา
เฟิงจิ่งเหยามาหรอ?
มู่จิ่นมองท่าทางเธอที่ดูตกตะลึง ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วง : “เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
กู้ฉางฉิงสติกลับมา ส่ายหัว : “เปล่า เพียงแค่ประหลาดใจเล็กน้อย ที่สามีของฉันมาที่มิลาน”
มู่จิ่นได้ฟัง ก็แปลกใจเล็กน้อย ทว่าก็ปล่อยวางไป
เธอเรียกให้กู้ฉางฉิงไปทานอาหารที่ห้องอาหารไปพลาง แล้วก็รอเขาไปด้วย
พวกเขาทานอาหารเสร็จ เฟิงจิ่งเหยาก็มาถึงอพาร์ตเม้นต์ของมู่จิ่น
เขาเข้ามา ก็พิจารณากู้ฉางฉิงหัวจรดเท้าก่อนเลย
กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นดวงตาที่เป็นห่วงของเขา ในใจก็อบอุ่น
“คุณมาได้อย่างไร?”
เธอถามอย่างไม่สามารถปกปิดความดีใจในแววตาไว้ได้
เฟิงจิ่งเหยาไม่เห็นว่าเธอมีความผิดปกติใดๆ จึงรู้สึกโล่งใจ
“เกิดเรื่องนิดหน่อย เลยเป็นห่วงคุณ”
เฟิงขิ่งเหยาไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร ก็เลยคิดง่ายๆ
ใครจะรู้ว่ากู้ฉางฉิงนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“เป็นเพราะพวกคนเมื่อคืนนี้ใช่ไหม คุณรู้เรื่องได้ยังไง?”
เธอมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยความประหลาดใจ แม้แต่มู่จิ่นที่ไม่ได้พูดก็อดไม่ได้ที่จะมองไป
“ก็ถือว่ารู้มาบ้าง”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว พูดในสิ่งที่เขารู้
“ฉันได้รับข่าวทางด้านนี้ ว่าของบางอย่างของพวกเขาหาย แต่ของอะไรก็ยังไม่แน่ใจ
พูดจบ เขาก็หยุดไปชั่วขณะ แล้วเอ่ยถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน
“ฉันให้มั่วจุยนำคนออกไปแล้ว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง จำเป็นต้องพาคุณกลับประเทศทันที”
เป็นธรรมดาที่กู้ฉางฉิงจะไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่เธอก็นึกถึงอีกสิ่งหนึ่ง
“เราไปแล้ว มันจะมาพัวพันกับมู่จิ่นไหม?”
เธอมองไปทางมู่จิ่นอย่างเป็นห่วงเป็นใย แล้วเอ่ยถามเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก มู่จิ่นก็ยิ้มพูดอย่างไม่ได้สนใจ : “ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ฉันไม่เกิดเรื่องหรอก”
เขาพูดจบ ก็เหมือนนึกอะไรออก สีหน้าก็เคร่งขรึมจริงจัง : “ถึงอย่างไรพวกคุณ ถ้าเป็นอย่างที่คุณเฟิงบอก คนเหล่านี้ยังหาของไม่เจอ จะต้องมาตามหาคุณอีกแน่นอน เพื่อความปลอดภัย พวกคุณกลับประเทศZไปก่อนเถอะ พวกคุณเป็นคนประเทศZ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย คนเหล่านี้ก็ไม่กล้ากระทำการในประเทศZหรอก
กู้ฉางฉิงฟังแล้ว ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ตามเฟิงจิ่งเหยาออกไป
บนเส้นทาง คลื่นสงัดลมสงบ
สิ่งที่สงบเงียบนี้ ทำให้กู้ฉางฉิงรู้สึกเสมอว่านี่คือความเงียบสงบก่อนจะเกิดพายุ
เฟิงจิ่งเหยาก็รู้สึกเหมือนกันกับเธอ
และในความเป็นจริง ก็เป็นเช่นนี้
เพียงแค่ข้ามทางด่วนไป พวกเขาก็จะไปถึงสนามบินแล้ว
แต่พวกเขาเพิ่งจะอยู่บนทางด่วน รถหลายคันพุ่งออกมาจากสองข้างถนน หน้าต่างที่ปิดไว้ก็ถูกลดระดับลงทันที เผยปากกระบอกปืนออกมาจากด้านใน
แค่ได้ยินเสียงดัง’ปังปัง’ กระสุนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่รถของกู้ฉางฉิง
“กรี๊ด——”
กู้ฉางฉิงถูกทำให้ตกใจ กรี๊ดออกมา แต่ไม่นานเธอก็เอามือปิดปากไว้
ถึงแม้ว่าเธอจะกลัว แต่ยิ่งตึงเครียดก็ยิ่งสงบ
เพราะว่าเธอรู้ ตนเองกรีดร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ กลับกันอาจจะส่งผลกระทบกับเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยามุ่งเน้นหลีกเลี่ยงการโจมตีของรถทั้งสองข้าง ก็พบว่ากู้ฉางฉิงกรีดร้อง แล้วก็ไม่มีเสียงไป กังวลใจว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ อดไม่ได้ที่จะมองไป ก็เห็นว่ากู้ฉางฉิงปิดปากอยู่ ขดตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างตกใจ จับที่จับประตูแน่น
ชั่วขณะ รอยยิ้มก็ฉายในแววตาของเขา แต่เขาก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว
เขากลับมาสีหน้าเคร่งขรึม กวาดสายตาไปมองรถที่ไล่ตามทั้งสองข้าง
“จับราวจับให้ดี!”
ทีนทีที่พูดจบ เขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด
ในชั่วพริบตา รถพุ่งออกไปราวกับจรวด
กู้ฉางฉิงไม่เคยนั่งรถที่เร็วแบบนี้มาก่อน มือจับราวจับแน่น ใช้กำลังนิ้วมือจนขาวซีด สีหน้าก็ไม่น่าดูอย่างมาก
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ ครด้านหลังที่ไล่ตามพวกเขามาก็กัดไม่ปล่อย เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้ รถก็ลื่นไถลขึ้นมาทันที
เสียงดสียดแทงแก้วหูดังขึ้นมา
เห็นว่ารถที่พวกเขาขับถูกระเบิดยาง
สีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาก็เปลี่ยนไป ตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมรถ
คล้ายกับไม่เป็นประโยชน์มากนัก เบรคดูเหมือนจะไม่มีผล
เฟิงจิ่งเหยาพบว่าปัญหานี้ สีหน้าไม่น่าดูถึงขีดสุด
กู้ฉางฉิงก็ไม่รู้จะไปทางไหน เธออยู่ด้านหลังถูกเหวี่ยงโดยแรงเฉื่อยทำให้หน้ามืดตาลาย
ยังไม่ทันรอให้เธอได้คลายสติ หูก็ได้ยินข่าวร้ายจากเฟิงจิ่งเหยา
“ฉางซิน เตรียมตัวนะ พวกเราต้องกระโดดออกจากรถ!”
เฟิงจิ่งเหยาพูดไปพลาง ปลดเข็มขัดนิรภัยไปพลาง
กู้ฉางฉิงเห็นการกระทำของเขา ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ทิศทางของรถก็ทำให้เธอตกใจ
เห็นรถสูญเสียการควบคุม พุ่งชนราวกั้นทางหลวงอย่างรวดเร็ว
‘โครม’
“อ๊า——”
กู้ฉางฉิงอดไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา ในเวลาเดียวกันเธอก็รับรู้ได้ถึงแรงที่กระแทกลง
เสียง’ตูม’ เห็นว่ารถจมลงในทะเล
และเสียงกรีดร้องของกู้ฉางฉิงก็หายไปชั่วพริบตา
เธอสำลักน้ำทะเลไปหลายอึก ขณะที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ ทันใดก็มีกำลังอย่างมากบนข้อมือเธอ เธอไม่ทันใด้คิดมากโดยสิ้นเชิง ยึดเหนี่ยวโดยสัญชาตญาณ หลังจากนั้นก็พบว่าเธอถูกดึงออกมาจากรถ
เฟิงจิ่งเหยาเห็นคนถูกดึงออกมาแล้ว ก็ไม่ได้ใส่ใจถึงหน้าที่แดงกร่ำของกู้ฉางฉิง แต่มองผ่านน้ำทะเลไปยังคนที่สังเกตการณ์อยู่บนสะพาน
พบว่าพวกชาวต่างชาติที่กำลังเพ่งดูพวกเขากระโดดลงมาหาคน สีหน้าเขาเคร่งขรึม ดึงกู้ฉางฉิงและว่ายน้ำออกไปไกลทันที
แต่พอเขาว่ายไป เขาก็พบว่าคนด้านหลังยิ่งหนักขึ้นๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะเอียงมอง จึงพบว่ากู้ฉางฉิงหมดสติไปเมื่อไรไม่รู้
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบดึงคนเข้ามา ก้มหัวเข้าไปใกล้ริมฝีปากสีแดงซีดนั้น ให้ออกซิเจนกับกู้ฉางฉิง ในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะหาฝั่งทะเล
……
เมื่อกู้ฉางฉิงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนเอนกายอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นตา
เรื่องราวที่เกี่ยวกับเธอก่อนจะหมดสติยังสะท้อนอยู่ในสมองของเธอราวการฉายภาพยนตร์ซ้ำ
“จิ่งเหยา!”
เธอนึกถึงคนทั้งสองจมลงทะเล ก็ร้องเรียกขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ เวลาเดียวก็ก็อยากลงจากเตียง
เวลานี้ เฟิงจิ่งเหยาที่อยู่นอกประตูได้ยินการเคลื่อนไหวก็ผลักประตูเดินเข้ามาในทันที
“คุณตื่นแล้ว”
เขามองกู้ฉางฉิง ในสายตาเป็นกังวลใจอย่างชัดเจน
กู้ฉางฉิงเห็นเขา นิ่งอึ้งเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างดีใจว่า: “คุณไม่เป็นไร?”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ รู้ว่าเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก จึงเข้าไปโอบคนมาไว้ในอ้อมกอด กล่างปลอบโยนว่า: “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล”
กู้ฉางฉิงคว้ามุมเสื้อของเขาไว้แน่น รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนมากของเขา ใจที่ตื่นตระหนกเวลานี้จึงสงบลงมา
“ในเมื่อไม่เป็นไร งั้นตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน?”
หลังจากที่เธอใจเย็นลงมา ก็อยากจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขา กล่าวถามด้วยความกังวล
เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้ปิดบัง ตอบกลับตามความเป็นจริงว่า: “ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่อยู่ห่างจากมิลานสองร้อยเมตร ฉันได้ติดต่อคนแล้ว ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมารับพวกเรา พวกเราก็อยู่ที่นี่ไปก่อน”
กู้ฉางฉิงพยักหน้า แต่อดกังวลไม่ได้: “แล้วคนพวกนั้นจะมาตามหาเราไหม?”
สีหน้าเฟิงเหยาเคร่งขรึม ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า: “ก็คงตามหาแน่นอน แต่เพียงแค่พวกเราระมัดระวังหน่อย ก็น่าจะไม่เป็นอะไร”