หลังจากกลับมาที่ห้อง กู้ฉางฉิงแจ่มใสกระปรี้กระเปร่าไม่น้อย
เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อกี้ตนเองจะทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็กให้เฟิงจิ่งเหยามาอุ้มตน ก็เขินอายขึ้นมาชั่วขณะ
แต่ที่น่าหงุดหงิด
เธอทำเรื่องอย่างนี้กับเฟิงจิ่งเหยาได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าตัใจที่จะจากไปแล้วหรอ?
อีกทั้งผู้ชายคนนี้มีคนที่ชื่นชอบเขาไม่ขาด ไม่เคยขาดแคลนเธอเลย ดังนั้น……
กู้ฉางฉิงอย่าจมดิ่งกับความทุกข์ต่อไปเลย!
“คุณวางฉันลง”
เธอระงับการเต้นของหัวใจ แล้วพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะลงไปที่พื้น
เฟิงจิ่งเหยาเพื่อไท่ให้เธอล้ม ก็เลยวางเธอลง
“ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”
หลังจากที่กู้ฉางฉิงยืนอย่างมั่นคง ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับเฟิงจิ่งเหยาอย่างไร ได้แต่ทิ้งคำพูดแล้วเข้าไปในห้องน้ำเลย
เฟิงจิ่งเหยามองเธอที่หายไป ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของกู้ฉางฉิง ไม่เหมือนกับเมื่อกี้ ดูเหมือนไม่มีความสุขเล็กน้อย
พูดจบ เรียกมั่วหลีมาหา
“คุณผู้ชาย คุณเรียกฉันมาหรอ?”
มั่วหลีได้ข่าวจากเฟิงจิ่งเหยา ก็รีบออกจากห้องมา ด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
เฟิงจิ่งเหยาทำเสียงตอบรับ เอ่ยถามว่า : “วันนี้เกิดเรื่องอะไรกับคุณนายรองใช่ไหม?”
มั่วหลีได้ฟังว่าที่เฟิงจิ่งเหยาเรียกเธอมาก็เพื่อถามเรื่องของกู้ฉางฉิง สีหน้าก็ดึงลงเล็กน้อย
“เรื่องราวสามารถเกิดขึ้นได้กับเธอ”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังน้ำเสียงนี้ ก็คิ้วขมวด
“ระวังน้ำเสียงของคุณด้วย เธอเป็นคุณนายรองของคุณ”
เขากล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ชั่วขณะสีหน้ามั่วหลีก็มืดครึ้มลง
“หึ คุณนายรอง? นี่เธอฟิ้งหรอ?”
เธอพูดจบ มองเฟิงจิ่งเหยาด้วยสีหน้าดื้อดึง
“คุณผู้ชาย แม้ว่าคุณจะว่าฉัน ฉันก็ไม่รู้สึกว่าตนเองผิดหรอก”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ก็ขมวดคิ้วแน่น
เห็นได้ชัดมาก นี่ทั้งสองคนเกิดความขัดแย้งอะไรกันโดยที่เขาไม่รู้
“สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา มั่วหลีก็เล่าง่ายๆหนึ่งรอบ
“คุณผู้ชาย ฉันแค่ทนดูไลฟ์ไสตล์ของเธอไม่ได้จริงๆ อยู่ข้างนอกก็ไปใกล้ชิดผู้ชายเหล่านั้น”
เธอพูดจบ ก็อดเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเองไม่ได้ : “อีกทั้งฉันก็ไม่ได้พูดอะไร ก็แค่เตือนเธอไปสองสามคำ คาดไม่ถึงว่าเธอจะมาฟ้อง”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนั้น ก็เม้มปากบางๆ ทำให้คนมองความคิดของเขาไม่ออก
มั่วหลีมองสีหน้าที่สงบของเขา ในใจก็กังวลเล็กน้อย
เธอกัดฟัน พูดต่อว่า : “ฉันเกินเลยเช่นนี้ก็เพื่อคุณผู้ชาย ถ้าคุณผู้ชายรู้สึกว่าฉันทำไม่ถูก ฉันก็เต็มใจที่จะรับโทษ!”
เฟิงจิ่งเหยามองเธอ ในแววตาก็เต็มไปด้วยความจนปัญญา นวดๆหัวคิ้วเพราะปวดหัวเล็กน้อย
“ช่างเถอะ คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ไม่ว่าอย่างไร มั่วหลีก็ทำเพื่อเขา ถ้าเขาคิดเล็กคิดน้อย ก็จะทำร้ายจิตใจมั่วหลี
มั่วหลีได้ฟัง ฉับพลันก็ยิ้มขึ้นมา
“อืม คุณผู้ชายก็พักผ่อนเร็วหน่อยนะ”
เธอพูดจบ ก็หันออกไป ไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มไว้ได้
ไม่ใช่เพียงเพราะเฟิงจิ่งเหยาไม่ตำหนิเธอเท่านั้น ทำให้เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นอันที่จิงในใจของคุณผู้ชายก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นอย่างที่เธอคิด
นี่เธอจะไม่มีความสุขได้อย่างไร
เฟิงจิ่งเหยาเห็นคนที่ออกไปอย่างดีใจ ก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา แล้วเดินไปที่ห้องหนังสือ
ทว่าไม่รู้การสนทนาของพวกเขาเมื่อกี้นี้ ถูกเฟิงจิ่งเหยาได้ยินเข้าแล้ว
เดิมทีเธอจะไปอาบน้ำ พบว่าไม่ได้หยิบเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนมาด้วย จึงเดินออกมา ก็เลยบังเอิญได้ยิน
ในตอนแรกเธอคาดหวังนิดๆ ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะตำหนิมั่วหลีอย่างไร
ถึงอย่างไรเธอก็เป็นภรรยาของเขา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้โต้เถียงใดๆ
นี่ทำให้เธอพูดไม่ออกว่าในใจรู้สึกอย่างไร ไม่สบายใจ ผิดหวัง เยาะเย้ยตัวเอง
ก็ใช่ เธอกับเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันอะไรกัน แล้วจะตำหนิลูกน้องเพื่อเธอได้อย่างไร
อีกอย่างความเอาใจใส่ของพวกเขาก็ชัดเจนมากว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ทั่วๆไป
เธอคิดถึงตรงนี้ ประกายในดวงตาก็มืดมนลงอย่างมาก
เธออดกลั้นต่อความทุกข์ภายในใจ เม้มริมฝีปากแดงๆแน่นแล้วเข้าห้องน้ำไป
พอเธออาบน้ำเสร็จ ออกมาอีกครั้ง เฟิงจิ่งเหยาก็ยังคงไม่กลับมา
เธอก็ไม่ได้สนใจ เอนนอนพักผ่อนโดยตรง
……
วันต่อมา ก็ไม่รู้ว่าเพราะความรู้สึกอึดอัดภายในใจหรือไม่ พอท้องฟ้าสว่างกู้ฉางฉิงก็ตื่นแล้ว
เธอเอียงหน้าไป ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยาที่กำลังนอนหลับด้วยใบหน้าไร้เดียงสาอยู่ข้างๆ
แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งคืน ผมที่ยุ่งเหยิงก็ไม่ส่งผลต่อความหล่อเหลาของเขาแม้แต่น้อย
กู้ฉางฉิงหยุดมองอยู่สักพัก แล้วจึงดึงสติออกจากความหลงใหล
ในสายตาของเธอเต็มไปด้วยความขัดเคือง แก้มที่สีชมพูระเรื่อ ไม่นานแก้มทั้งสองข้างของเธอก็เปื้อนไปด้วยสีแดง
เธออดกลั้นความผิดปกติภายในใจและลุกขึ้นไปอาบน้ำ ในเวลาเดียวกันก็เตือนตนเองอยู่ในใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องจมดิ่งในความทุกข์อีกต่อไป
เพื่อไม่ให้ตนเองคิดฟุ้งซ่าน หลังจากกู้ฉางฉิงอาบน้ำเสร็จ ก็ไปบริษัทโดยที่ไม่ทานอาหารเช้า
วางแผนใช้งานมาทำให้ตนเองไร้ความรู้สึก
พอเธอถึงบริษัท ก็เริ่มทำงาน
แผนการเดินทางหลักของเธอในวันนี้คือการเซ็นสัญญากับบริษัทโทรคมนาคมเมื่อวาน
ขณะนี้ที่เธอต้องทำ ก็คือร่างสัญญาเอกสารออกมา
ขณะที่เธอทำงานอยู่ไม่นาน ตระกูลเฟิง เฟิงจิ่งเหยาก็ตื่น
เขาเอียงไปมองด้วยจิตสำนึก ไม่เห็นกู้ฉางฉิงก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าเธอตื่นแล้ว
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาจัดการตนเองเรียบร้อยแล้วก็ลงมาชั้นล่าง
“คุณผู้ชาย อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
มั่วหลีที่อยู่ในห้องรับแขกเห็นเขา ก็อมยิ้มกล่าวทักทาย
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า: “อรุณสวัสดิ์”
พูดจบ เขาก็เดินไปยังห้องอาหาร แต่ไม่เห็นกู้ฉางฉิง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
“พ่อบ้าน คุณนายรองล่ะ?”
มั่วหลีเห็นเช่นนี้ บนใบหน้าก็อิจฉาริษยาในชั่วพริบตา
เธอไม่ชอบที่คุณผู้ชายของตนเองที่พอตื่นขึ้นมาก็มองหาผู้หญิงคนนั้น
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร พ่อบ้านก็เดินเข้าไปอย่างนอบน้อม
“คุณชาย วันนี้คุณนายรองไปบริษัทแต่เช้าแล้วครับ”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขากำลังคาดเดาว่าที่กู้ฉางฉิงไปบริษัทแต่เช้า ตกลงเพราะงานหรือว่ากำลังโกรธ
เมื่อเขากำลังครุ่นคิด มั่วหลีก็เดินเข้ามาด้วยความดีใจอย่างยากที่จะปิดบัง
ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ทำเรื่องที่รู้จักวางตัวบ้าง
“คุณผู้ชาย ในเมื่อคุณนายเฟิงไปก่อนแล้ว วันนี้ฉันก็ไปบริษัทกับคุณนะ”
เฟิงจิ่งเหยาเหลือบตามองไปยังเธอ กล่าวอย่างไม่ยอมให้โต้แย้งว่า: “ไม่ต้องหรอก คุณก็ไปคุ้มกันคุณนายรองเหมือนเดิม”
มั่วหลีฟังแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อไปในชั่วพริบตา
เธอไม่อยากไปคุ้มกันหญิงชั่วคนนั้นโดยสิ้นเชิง แต่ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของคุณผู้ชาย
ทำได้เพียงอดกลั้นความไม่เต็มใจภายในใจ พยักหน้าแล้วกล่าวว่า: “ฉันรับทราบ”
เรื่องเหล่านี้ กู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้
เธอพิจารณาอยู่ที่บริษัทหลายรอบ ในที่สุดก็จัดทำสัญญาออกมา
“ผู้จัดการใหญ่ คุณลองดู นี่คือสัญญาที่จัดทำขึ้นตามข้อเรียกร้องของบริษัทโทรคมนาคม”
เธอทำสัญญาเอกสารเสร็จแล้ว ก็ส่งไปให้หลี่ม่านตรวจสอบในทันที
หลี่ม่านรับมา พลิกขึ้นมาอ่านอย่างจริงจัง
“ไม่เลว มีมาตรฐานชัดเจนในทุกๆด้าน คุณเอาไปเซ็นต์สัญญาเถอะ”
ไม่นาน หลี่ม่านก็อ่านจบ นำสัญญาส่งกลับไป
“งั้นตอนนี้ฉันก็จะไปฟู่ซื่อกรุ๊ป”
กู้ฉางฉิงรับสัญญากลับมา วางแผนที่จะออกไป
ไม่คาดคิดว่าพอออกจากห้องทำงาน ก็ได้รับโทรศัพท์จากฟู่หยุนชวน
“ประธานฟู่”
“คุณกู้ ต้องขอโทษด้วย เกี่ยวกับการเซ็นต์สัญญาในวันนี้จำต้องเลื่อนเวลาออกไป”
น้ำเสียงที่รู้สึกเสียใจของฟู่หยุนชวนที่ดังขึ้นในโทรศัพท์ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ฉางฉิงแข็งทื่อไปในทันที