กู้หงเซินไตร่ตรองไปนานกลับคิดอะไรไม่ออกเลย
ผู้ช่วยยืนอยู่ข้างๆ มองใบหน้าร้อนใจของเขา อดไม่ได้ที่จะพิจารณาความคิดของเขา
แค่ครู่เดียว เขาก็สรุปบทสนทนาเมื่อสักครู่ เดาเรื่องที่อยู่ในใจของกู้หงเซินได้คร่าวๆ
“ประธานกู้ คุณคิดที่จะให้คุณหนูคนนั้นช่วยคุณใช่ไหมครับ?”
กู้หงเซินเบนสายตาเย็นชาไปมองเขา พูดเสียงเข้ม “นายคิดว่าไงล่ะ?”
ผู้ช่วยได้ยินแบบนั้นรู้ได้ทันทีว่าตัวเองคาดเดาถูกแล้ว จึงพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา
“ในเมื่อคุณหนูคนนั้นเป็นไฟ พวกเราก็ต้องเป็นน้ำ แกล้งทำเป็นดีกับเธอก่อน ผู้หญิงยังไงก็ใจอ่อนอยู่แล้ว ยิ่งท่านเป็นพ่อเธอถึงเวลานั้นคงไม่กล้าทำเป็นไม่สนได้”
กู้หงเซินเมื่อได้ยินว่าต้องไปประจบกู้ฉางฉิง ใบหน้าบึ้งตึงทันที
“นายบอกให้ฉันไปประจบมันอย่างงั้นหรอ?”
เขามองไปที่ผู้ช่วยด้วยความไม่พอใจ
ผู้ช่วยใจสั่นระริก
“ประธานกู้ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ”
เขากัดปากแน่นอย่างร้อนรน รีบพูดอธิบายออกไป “ตอนนี้คุณหนูฉางซินไม่อยู่ สถานะการณ์ตอนนี้พวกเราถูกกระทำ ทำได้เพียงแค่พึ่งผู้หญิงคนนั้น ถ้าจับเธอเอาไว้ได้ ให้เธอช่วยท่านทำสัญญากับตระกูลเฟิงได้ วิกฤตด้านคุณสามก็แก้ไขได้แล้ว”
กู้หงเซินถึงแม้ว่าจะเห็นด้วยกับความคิดของเขา แต่ในใจก็ยังแอบห่วง
“พูดไปพูดมา ก็ยังให้ฉันไปประจบเธออยู่ดี”
ผู้ช่วยเริ่มหน่าย ทำได้เพียงพูดโน้มน้าวไปอีกครั้งว่า “นี่ไม่นับว่าเป็นการประจบหรอกครับ เป็นเพียงพ่อห่วงใยลูกสาวก็เท่านั้น”
กู้หงเซินไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจยังคงคิดไม่ตก
ถึงแม้ว่าเขาจะแคร์ศักดิ์ศรีแต่เมื่อคิดถึงผลประโยชน์มหาศาลแล้ว
และก็เหมือนกับที่ผู้ช่วยบอกเมื่อสักครู่ นี่ไม่ใช่การประจบ มันเป็นเพียงแค่ความห่วงใยที่พ่อมีต่อลูกสาว
“ก็เอาตามที่นายพูดแล้วกัน ฉันจะไปเตรียมตัวละ”
……
วันถัดไป บ้านตระกูลเฟิง
กู้ฉางฉิงตื่นแต่เช้า เฟิงจิ่งเหยายังคงนอนอยู่ข้างกาย
ใบหน้าหล่อเมื่อถูกแสงสาดเข้ามาทำเอาเธออดอิจฉาไม่ได้
เธอหนุนหัวมองดู ในหัวฉายภาพเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ราวกับกำลังมีอะไรงอกในใจ ทำเอาใจเธอหวิว
ระยะห่างของทั้งสองคน เนื่องจากกู้ฉางฉิงยิ่งเขยิบเข้าไปใกล้เขา
และในแววตาของกู้ฉางฉิงเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง
ราวกับเธอกำลังจะประทับจูบ เฟิงจิ่งเหยาที่เดิมทีหลับไหลอยู่ก็ลืมตาขึ้น
แววตาแป๋วนั้นไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งตื่นเลยสักนิด
กู้ฉางฉิงไม่ได้คาดคิดมาก่อน สบตาเข้ากับดวงตาดำสนิทของเขา
เธอผงะและถอยไปทางข้างหลัง จนแทบจะกลิ้งตกเตียงไป
โชคดีที่เฟิงจิ่งเหยารั้งกอดเอวเธอเอาไว้ได้ทัน ราวกับโลกหมุน ทั้งสองคนนอนทับกันกลม
“แอบมองฉัน?”
สายตาเฟิงจิ่งเหยาราวกับมีเลศนัย สายตาประกายจ้องมองไปยังกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงอายจนหน้าแดงแปร๊ด ไม่มีอะไรน่าอายไปกว่าการแอบมองแล้วถูกจับได้แล้ว
แน่นอนว่าให้ตายยังไงเธอก็ไม่ยอมรับ
“เปล่าหนิ ฉันแค่ช่วยคุณทำความสะอาดหน้าคุณก็เท่านั้น ตอนนั้นหัวตาคุณมีขี้ตาน่ะ”
เธอยังคงไม่ยอมรับ พูดโกหกหน้าตาย
เฟิงจิ่งเห็นว่าเธอยังปากแข็งอยู่อย่างนั้น หัวเราะเสียงทุ้มออกมา
กู้ฉางฉิงถูกเสียงหัวเราะนี้ทำเอาสงสัยไม่น้อย
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เฟิงจิ่งเหยา ใครจะรู้ว่าใบหน้านั้นอยู่ประชิดขนาดนี้
“พวกผู้หญิงนี่เขาปากไม่ตรงกับใจหรือไง”
เขาพูดไป มือก็ลูบวนริมฝีปากของกู้ฉางฉิง สัมผัสเนียนนุ่มจนเขาอดไม่ได้ที่จะกัดลงไปเบาๆ
กู้ฉางฉิงถึงกับนิ่งอึ้งไป
เมื่อความเจ็บแปลบแล่นผ่านริมฝีปากเธอถึงจะเพิ่งได้สติ
ทว่ากลับไม่มีแรงขัดขืน
สักพัก อุณหภูมิในห้องก็ยิ่งสูงขึ้น มีเสียงจ๊วบจ๊าบดังเกินจะบรรยายออกมาได้
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงอบอุ่นและอ่อนโยนนี้ถึงจะหยุดลง
ทั้งห้องอบอวลไปด้วยการกระทำที่แสนนุ่มนวล กู้ฉางฉิงหมดแรงจนถูกเฟิงจิ่งเหยาอุ้มไปอาบน้ำ
รอพวกเขาอาบน้ำแต่งตัวออกมา ก็ปาไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
ทั้งสองลงไปข้างล่าง พบว่าแม่บ้านเดินเข้าเดินออก ยกของกันให้วุ่น แล้วในห้องรับแขกก็วางเต็มไปด้วยกล่องของขวัญ
“แม่บ้าน ของพวกนี้มันอะไรกัน?”
เฟิงจิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามออกไป
“ของพวกนี้คุณท่านตระกูลกู้ส่งมาให้คุณนายรองค่ะ บอกว่าเป็นอาหารเสริมให้คุณนายรองค่ะ”
แม่บ้านตอบไปตามความจริง ทำให้เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้วมองไปทางกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงเห็นแบบนี้ สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและคาดไม่ถึง
เมื่อไหร่กันที่คนร้ายกาจอย่างกู้หงเซินจะใจดีขนาดนี้นะ?
เธอหลุบตาลง นัยน์ตายิ้มขำอย่างค่อนขอด
ตาแก่ใจร้ายนั่นที่ทำแบบนี้คงจะมีจุดประสงค์อะไรบ้างอย่างล่ะสิ?
เธอคิดไป ค่อยๆเก็บความประหลาดใจนั้นเอาไว้ แล้วพูดอย่างไม่สนใจ
“อ่อ ที่แท้ก็เป็นอย่างงี้ งั้นเอาไปเก็บไว้เถอะ”
พูดจบเธอก็มุ่งหน้าไปทางห้องครัว
แม่บ้านต่างก็นิ่งอึ้งไปหันไปมองทางด้านเฟิงจิ่งเหยา
จากนั้นเฟิงจิ่งเหยาก็พยักหน้าแล้วกวักมือเรียกคนรับใช้ให้มาเอาของไปเก็บ
หลังจากพวกเขาออกไปเฟิงจิ่งเหยาก็ลงไปข้างล่าง สายตาจดจ้องไปที่ร่างกู้ฉางฉิง
พูดได้เลยว่าเขาคิดไม่ถึงเลยกู้ฉางฉิงจะมีทีท่าเย็นชาอย่างเมื่อสักครู่
ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์พ่อลูกคู่นี้จะดีมากๆหรือไง?
แต่ที่เห็นมันไม่เหมือนที่เขาเคยได้ยินมาเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาเคยได้ยินบทสนาก่อนหน้านี้ของทั้งคู่
กู้ฉางซินเรียกชื่อเต็มของกู้หงเซิน ในน้ำเสียงก็ไม่ได้มีความเคารพต่อบิดาเลย ออกจะติดรำคาญด้วยซ้ำ
อาจจะเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองคนทะเลาะกันก็เป็นได้
แต่ถ้าคิดแบบนี้ ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
เพราะว่าทะเลาะกันดังนั้นกู้ฉางซินก็เลยไม่ได้รู้สึกดีที่พ่อตัวเองส่งของมาให้
แต่ที่กู้หงเซินส่งของมาให้ก็เหมือนแสดงความรักและยอมง้อลูกสาวแล้ว
แต่สุดท้ายเขาก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป แล้วไปนั่งรับประทานอาหารกับกู้ฉางฉิง
“วันนี้เธอเข้าบริษัทไหม?”
เฟิงจิ่งเหยามองกู้ฉางฉิงตรงหน้าแล้วถามออกไป
“ไม่ล่ะ ที่บริษัทไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องจัดการแล้ว ฉันออกแบบอยู่บ้านก็พอแล้ว”
กู้ฉางฉิงส่ายหัวตอบกลับ เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้ารับ
หลังจากทั้งสองคนคุยกันเล็กน้อย เฟิงจิ่งเหยาที่ทานอาหารเสร็จก็ไปบริษัททันที
หลังจากเขาออกไป กู้ฉางฉิงจึงคิดว่าจะกลับห้องไปเอาอุปกรณ์ไปรังสรรค์ผลงานที่สวนดอกไม้
ในขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นข้างบนนั้นพลันคิดถึงของที่กู้หงเซินส่งมาให้ รู้สึกกระวนกระวายในจิตใจ
พอกลับถึงห้อง ก็อดไม่ได้ที่จะโทรหากู้หงเซิน
“คุณคิดที่จะทำอะไรอีกล่ะ?”
กู้หงเซินรับสายกู้ฉางฉิง กลับไม่ได้รู้สึกนอกเหนือจากที่คิดนัก
“ไม่ได้ทำอะไร”
กู้ฉางฉิงยิ้มเย็น “จู่ๆทำไมคุณถึงใจดีขนาดล่ะ ส่งของให้ฉันอย่างไม่มีจุดประสงค์อะไร?”
เธอไม่มีทางเชื่อว่ากู้หงเซินจะดีขนาดนั้น คนๆนี้ถ้าไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่มีทางทำ ต้องคิดวางแผนอะไรสักอย่างแน่นอน
กู้หงเซินฟังคำพูดค่อนขอดของเธอ ใบหน้าฉายแววโกรธอย่างเห็นได้ชัด
ยัยเด็กคนนี้ไม่เคยไว้หน้าเขาเลยจริงๆ ดีกับเธอก็ยังจะสงสัยนั่นสงสัยนี่
แต่ทว่าพอคิดถึงจุดประสงค์ของเขา จึงทำได้แค่สะกดกลั้นความไม่พอใจนั้นไว้ พูดเสียงเข้ม “อะไรกัน ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นลูกสาวฉัน และตอนนี้เธอยังแสดงเป็นกู้ฉางซินอยู่ด้วย ฉันก็ต้องเป็นห่วงสุขภาพเธอเป็นธรรมดา ไม่งั้นคนอื่นคงจะคิดว่าความสัมพันธ์ที่ดีของพวกเราพ่อลูกเป็นแค่ข่าวลือสิ”