พร้อมกับส่งต้นฉบับออกไป บนอินเตอร์เน็ตก็ดังขึ้นมา
เดิมทีพวกแฟนคลับKimiต้องจ้องมองการพัฒนาของเรื่องนี้ ตอนนี้เห็นประกาศอันนี้ของเฟิงซื่อกรุ๊ป ก็ระเบิดอารมณ์เลย
พวกเขาต่างหลั่งใหลเข้าสู่เว็บไซต์ของเฟิงซื่อกรุ๊ป ปกป้องนักออกแบบที่ตนเองชื่นชอบ
“เฟิงซื่อกรุ๊ปยังต้องให้ความสำคัญอะไรอีก? ชัดเจนแล้วว่าเป็นการขโมยผลงาน พวกคุณยังบอกว่ามีคนใส่ร้ายป้ายสี”
“ใช่ ก็อย่ามองว่าพวกคุณนั้นเป็นนักออกแบบ”
“ข้างบน คุณหมายความว่าอย่างไร คุณกู้ของพวกเราไม่ได้ขโมยผลงานนะ!”
“อย่าพูดพล่อยๆ ฉันไม่เชื่อว่าคุณกู้จะขโมยผลงาน อีกทั้งตั้งแต่คุณกู้เริ่มทำผลงานฉันก็ซื้อเสื้อผ้าที่เธอออกแบบมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นจากองค์ประกอบการออกแบบหรือรูปแบบการวาดภาพ ก็เป็นไสตล์ของคุณกู้”
“คำพูดนี้ฉันเห็นด้วย รูปแบบการวาดภาพของKimiฉันก็ไปดูมาเมื่อกี้นี้ การออกแบบที่เธอเผยแพร่ในครั้งนี้แตกต่างจากรูปแบบการออกแบบก่อนหน้านี้ของเธออย่างสิ้นเชิง นี่เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาอย่างมาก”
เห็นได้ชัดว่ามันนี่เป็นแฟนคลับของกู้ฉางฉิงที่ต่อต้านคัดค้าน
พวกเธอชอบผลงานของกู้ฉางฉิงด้วยใจจริง ตั้งแต่กู้ฉางฉิงเปิดตัวก็ได้รับความสนใจมาตลอดถึงทุกวันนี้
รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่นักออกแบบที่มีพรสวรรค์เช่นนี้จะทำในเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้
แต่ในการเปรียบเทียบเหตุผลอย่างรอบคอบของพวกเขานี้ ทางด้านแฟนคลับของKimiก็โกรธ
เพราะในความคิดของพวกเขา แฟนคลับเหล่านี้ของกู้ฉางฉิงดูเหมือนกับจะบอกว่าKimiของพวกเขาขโมยผลงานของกู้ฉางซิน
“พวกนั้นเชื่อว่าขโมยผลงาน น่าตลกจริงๆ Kimiของพวกเรามีฐานะอะไร จำเป็นต้องไปอยากได้ผลงานของเด็กรุ่นใหม่ด้วยหรอ?”
“ใช่ อย่ามองที่ฐานะของทั้งสองฝ่าย!”
เมื่อพวกเขาโต้เถียงกันทางออนไลน์ ลู่ซื่อกรุ๊ปก็ทำการโต้แย้งกลับเช่นกัน
“ตามที่บริษัทรับทราบ สงสัยว่าบุคคลที่ขโมยผลงานการออกแบบจะมีปัญหากับสไตล์ของตนเอง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเฟิงซื่อกรุ๊ปทำไมต้องปกป้องคนเช่นนี้ไปทุกหนทุกแห่ง แต่ส่วนเรื่องการขโมยผลงานในครั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบให้ถึงที่สุด ทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด หวังว่าเฟิงซื่อกรุ๊ปจะส่งมองคนที่ขโมยผลงานออกมาให้เร็วที่สุด”
ทางลู่ซื่อกรุ๊ปพูดออกมา ทางด้านแฟนคลับKimiนั้นก็ยิ่งหยิ่งผยอง
คนในนั้นก็สนับสนุนกันไม่ขาด ให้คนสนใจความคิดเห็นของลู่ซื่อกรุ๊ปเพื่อขะได้ไปตรวจสอบกู้ฉางฉิง
ภายใต้ตัวผลักดันเหล่านี้ ไม่นานบนอินเตอร์เน็ตก็ปรากฏเรื่องอื้อฉาวของกู้ฉางฉิง
ไม่เกรงใจผู้อาวุโส เย่อหยิ่งอวดดี เรื่องราวนี้ลู่ซือหยี่เธอก็ถูกใส่ร้ายมาก่อน เลยออกมารายงานในส่วนที่แย่ๆ
สรุปได้ว่าสามารถทำชื่อเสียงคนอื่นให้เสื่อมเสียอย่างไร พวกเขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงเช่นกัน
ต้องบอกว่า ในขณะนี้ กู้ฉางฉิงถูกโจมตีอย่างถึงที่สุด คงไม่ต้องพูดถึงชื่อเสียง
กู้ฉางฉิงอยู่บ้านก็ให้ความสนใจตลอด เห็นสถานการณ์พัฒนาจนกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งกังวลใจทั้งไม่รู้จะทำอย่างไร?
เธอมั่นใจได้ว่าตนเองไม่ได้ส่งข่าว แต่มันเกิดขึ้นก่อนเธอหนึ่งก้าวในการเผยแพร่ผลงาน
ท้ายที่สุดเป็นใครกันที่เผยแพร่ผลงานของเธอออกไป
เธอคาดเดาในใจอย่างกระวนกระวาย เลือกคนที่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็โต้แย้งกันอยู่
ท้ายที่สุดก็ไม่มีเป้าหมายเลยสักคน
เฟิงจิ่งเหยากลับมาก็เห็นการแสดงออกที่กดดันของเธอ รู้ว่าเธอสนใจกับเรื่องบนอินเตอร์เน็ต อดพูดให้คลายกังวลไม่ได้ : “เรื่องบนอินเตอร์เน็ตไม่ต้องไปสนใจหรอก เป็นนักเลงคีย์บอร์ดบางคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำนี้ เดิมทีที่กังวลใจอยู่มาก ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“คุณรู้จักนักเลงคีย์บอร์ดด้วยหรอ?”
ก็ไม่โทษหรอกที่เธอประหลาดใจเช่นนี้ จะรู้ว่าในสายตาของเธอ เฟิงจิ่งเหยาเปรียบเสมือนเทพเจ้า ลูกชายคนรวยที่สูงส่ง
“นี่ทำไมจะไม่รู้ล่ะ นอกจากนี้ยังมีบริษัทสื่อมวลชนหลายแห่งภายใต้การบริหารของเฟิงซื่อกรุ๊ป”
เฟิงจิ่งเหยาไม่สนใจเกี่ยวกับการหยอกล้อในน้ำเสียงของเธอ เห็นสีหน้าเธอไม่ได้เคร่งขรึมเหมือนเมิ่กี้นี้ จึงกลับมาพูดหัวข้อนี้
“ทางด้านฉันนี้ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็ไม่พบความผิดปกติ คุณลองคิดอย่างถี่ถ้วนหรือยัง ตอนที่ไปเจอจี้อี้ ระหว่างทางพบอะไรหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า?”
ก็ฉางฉิงได้ยินเขาวกเข้าประเด็นเดิม ก็ครุ่นคิดขึ้นมาอีกครั้ง
ก็เพราะการเตือนสตินี้ของเฟิงจิ่งเหยา สุดท้ายก็ทำให้เธอนึกเรื่องๆหนึ่งออก
“ฉันนึกออกแล้ว ตอนที่ฉันไปพบจี้อี้ ระหว่างทางฉันก็เจอชวี่ชิงหยุน เวลานั้นต้นฉบับการออกแบบหล่นลงไป……ฉันไม่แน่ใจว่าเธอเห็นหรือไม่เห็นต้นฉบับการออกแบบ”
เธอพูดพลาง ก็มองไปยังเฟิงจิ่งเกยาอย่างลังเลใจ
เฟิงจิ่งเหยาก็คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดขึ้นมา
ไม่นาน เขาก็หยิบมือถือออกมาติดต่อไปที่ชวี่ยี่ให้ตรวจสอบ
ชวี่ยี่วางสายแล้วก็ไปตรวจสอบทันที เวลาไม่ถึงสิบนาที ทันใดชวี่ยี่ก็ได้ข่าว
“ท่านประธาน ตรวจสอบแล้ว เรื่องราวเป็นแบบนั้นเหมือนที่คุณนายรองพูด เธอเจอกับชวี่ชิงหยุน ทำต้นฉบับการออกแบบหล่น เรากาผู้เชี่ยวชาญให้สังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว พบว่าชวี่ชิงหยุนจงใจชนคุณนายรอง”
เฟิงจิ่งเหยาฟังถึงคำพูดนี้ สีหน้าก็เย็นชาลงมาเล็กน้อย
“ดังนั้นต้นฉบับการออกแบบคือเธอที่เป็นคนเปิดเผยหรอ?”
เขากล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ทำให้ชวี่ยี่ลังเลใจขึ้นมา
“อันนี้ไม่แน่ใจ หลังจากตรวจสองชวี่ชิงกยุนแล้ว ฉันก็ให้คนตรวจสอบการเคลื่อนไหวช่วยหลายวันมานี้ของเธอ ก็ไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติใดๆ”
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตาอย่างอันตราย
“คุณตรวจสอบต่อไป ขณะเดียวกันก็ส่งคนไปจับตาดูเธอ”
ชวี่ยี่รับคำสั่งแล้ววางสายไป
กู้ฉางฉิงเห็นเขาสนทนาจบแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม: “เป็นยังไงบ้าง? ใช่เธอไหม?”
เฟิงจิ่งเหยาส่ายหน้า: “ไม่แน่ใจว่าเป็นเธอ แต่ฉันให้คนจับตาดูเธอแล้ว”
กู้ฉางฉิงฟังจบ ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง
ไม่ใช่ชวี่ชิงหยุน งั้นยังมีใครที่ต้องการมุ่งเป้ามายัดเยียดสิ่งนี้ให้กับเธอ?
เธอกัดริมฝีปากแน่น คิดฟุ้งซ่าน
เฟิงจิ่งเหยาเห็น ไม่รู้เพราะอะไร ในใจก็สงสารเธออย่างมาก
“ไม่ต้องคิดแล้ว เรื่องนี้ฉันสามารถจัดการได้ สองสามวันนี้คุณก็อยู่บ้านไม่ต้องไป”
กู้ฉางฉิงฟังคำพูดปลอบโยนของเขา ถึงแม้ว่าในใจจะไม่ยินยอมเล็กน้อย แต่ก็จนปัญญา
ทำได้เพียงหวังว่าเฟิงจิ่งเกยาจะสามารถตรวจสอบได้ชัดเจนและเร็วที่สุด
แต่ความจริงเรื่องนี้ก็ปั่นป่วนจนเกินความคาดหมาย
ถึงวันที่สอง อินเตอร์เน็ตทั้งหมดล้วนต่อต้านกู้ฉางฉิง ชาวเน็ตโจมตีแม้แต่เว็บไซต์ปฏิบัติการโดยตรงของบริษัทและเฟิงซื่อกรุ๊ป
ลู่ซื่อกรุ๊ก็เห็นโอดาสที่เหมาะสม บีบบังคับต่อZARY ให้พวกเขาออกมาชี้แจง ปลดกู้ฉางฉิงออก
เผชิญหน้ากับความกดดันภายนอกมากมาย ในบริษัทก็ขัดแย้งกันไม่หยุด
คนทั้งหมดรู้สึกว่าเวลานี้วิธีทำที่ดีที่สุดก็คือปลดกู้ฉางฉิงออกจากบริษัท เพื่อรักษาบริษัทไว้
แต่ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา
แต่ไม่รู้ว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่พูด แต่เฟิงจิ่งเหยาก็รับรู้ได้
เขานั่งอยู่ที่ห้องทำงาน สีหน้าก็มืดมนราวกับหมึก ด้านหน้าคือชวี่ยี่ที่ไม่กล้าหายใจแรงเลยสักนิด
ชั่วขณะ ทั้งห้องทำงานเงียบจนได้ยินเสียงปลายเข็มตกลงบนพื้น
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดสีหน้าท่าทางของเฟิงจิ่งเหยาก็เปลี่ยนแปลงไป
“ชวี่ยี่ คุณไปตรวจสอบทางด้านของลู่ซื่อกรุ๊ป ดูว่าสองวันมานี้บริษัทมีใครเคยยกเลิกคนของพวกเขา”
ชวี่ยี่ได้ยิน ถึงแม้ว่าจะงุนงง แต่ก็ยังรับคำสั่งแล้วไปตรวจสอบ
และเมื่อเขาออกไป เฟิงจิ่งเหยาก็หรี่ตามองอย่างอันตราย
ถ้าจะบอกว่าเมื่อวานเขาสับสนงุนงงแล้ว วันนี้ฟังถึงคำกล่าวโทษของเจ้าหน้าที่ของบริษัทแล้ว รวมทั้งความต้องการอย่างเด่นชัดที่จะให้ปลดกู้ฉางฉิงออก ในใจของเขาก็เดาได้ว่านี่อาจจะเป็นจุดประสงค์หลักของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบนี้