ฮันเตอร์ทั้งสามคนนี้ยังคงถูกย่างให้สุกอย่างต่อเนื่องด้วยไฟ,ถูกเผาไหม้ด้วยไฟฟ้า และถูกแช่แข็งจนแทบจะกลายเป็นกองผ้าขี้ริ้วบนพื้นอยู่แล้ว
ฉันยักไหล่ของตัวเองและเข้าไปหาพวกเขา
ฉันรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้ระบายสิ่งที่ได้เก็บกดเอาไว้มาเนินนาน
ค่อยๆเข้าไปหาคนพวกนั้น จางโดจินคนที่ทำตัวเองให้มาอยู่ในสภาพแบบนี้ ได้คร่ำครวญออกมา
ฉันรู้จักฮันเตอร์ทั้งสามคนนี้เป็นอย่างดีเลย
ไม่มีทางที่ฉันจะจำไม่ได้
คนพวกนี้เป็นคนที่เมินเชยต่อฉันโดยสิ้นเชิงตั้งแต่ที่ฉันได้เข้าร่วมกับกิลด์นี้
ในตอนนั้นฉันไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยทำได้แต่ต้องทนเอาแต่ในตอนนี้มันได้ต่างออกไปแล้ว
“นี่มันงดงามสุดๆไปเลย”
เทเลอร์ไนน์พูดแล้วค่อยๆเข้ามา
เธอมองไปที่ฮันเตอร์ทั้งสามหน่อนี้ที่อยู่ที่พื้นแล้วบิดริมฝีปากเธอและถามออกมา
“มะกี้นี้คืออะไรนะ? นายทำแบบนั้นได้ยังไง? นายเคลื่อนที่ได้เร็วมากเลยแถมยังยิงแสงเลเซอร์ออกมาจากมือนายเองได้อีก”
ฉันจำไม่ได้นะว่าไปยิงเลเซอร์ออกมาจากมือตอนไหนกัน
“ฉันบอกเธอไปแล้วไง ฉันเป็นผู้หวนคืนต่างมิตินะ”
เอาให้แม่นยำกว่านี้ก็ฉันไม่ได้ผู้หวนคืนต่างมิติแต่เป็นนักเดินทางข้ามมิติต่างหาก
ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามฉันก็แค่พูดให้มันเข้าใจได้ง่ายขึ้น
“หืม อย่างงี้นี่เอง เหล่าผู้หวนคืนต่างมิติก็มักจะใช้พลังที่ผิดแผกแตกต่างไปจากพลังพิเศษอยู่แล้ว มันก็แค่ว่าฉันไม่คิดว่านายจะเป็นหนึ่งใน…”
ในความเป็นจริงแล้วสถานที่ ที่ทำให้ฉันสามารถใช้ทักษะแบบนี้ได้นั้นมีจำกัด
ฉันได้ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยเวทมนตร์ของสิ่งก่อสร้างนี้ และมันก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ได้ถูกค้นพบที่โลก
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่สถานที่นี้มีตัวตนอยู่มันก็เป็นไปได้ที่จะใช้ ‘การหมุนเวียนมานาของอาราเซลลี’ เพื่อเปิดการใช้งานซี่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงตั้งใจที่จะล่อพวกลอสเดย์มาที่นี้
แม้ว่าฉันจะไม่คิดว่าพวกเขาจะมาที่นี้เป็นที่แรกก็ตาม
ด้วยใบหน้าที่ท้อแท้เทเลอร์ได้พูดออกมา
“นี่คือเหตุผลที่นายของให้ฉันมาด้วยใช่ไหมเนี่ย?”
“ใช่แล้ว”
“ฉันคิดว่ามันจะเป็นเดตซะอีกเพราะงั้นฉันเลยใส่ชุดชั้นในตัวเก่งและแต่งตัวให้ดูดีมาด้วยน้า”
“ใครเขาจะทำเรื่องแบบนั้นในดันเจี้ยนกันหละ?”
แน่นอนว่ามันไม่มีแค่เหตุผลนี้เท่านั้น
โดยปกติแล้วถ้าดันเจี้ยนแรงค์ B ได้รับการเคลียร์ดัวยคนเพียงคนเดียว ฉันจะได้รับ 16 ล้านวอนสำหรับการเคลียร์และได้รับ 32 ล้านวอนสำหรับดันเจี้ยนแรงค์ A
ในลักษณะเดียวกันถ้าจำนวนของผู้เข้าร่วมมีเพิ่มมากขึ้นจำนวนเงินที่แต่ละคนได้รับก็จะน้อยลงตามไปด้วยดังนั้นแล้วฉันไม่ได้ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
แล้วฉันก็มั่นใจว่ามันไม่ได้มีอันตรายอะไร
ตั้งแต่ที่มันเป็นดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแรงค์ S แล้วจำนวนเงินที่ได้รับต้องเยอะมากๆ อย่างน้อยก็ 100 ล้านวอนแล้วนี่ก็เป็นแค่เงินส่วนหนึ่งของรางวัลทั้งหมด
รางวัลที่แท้จริงคือสิทธิในการครอบครองไอเทมและความรู้ทั้งหมดที่ได้ค้นพบในดันเจี้ยน
ดังนั้นแล้วมันหมายความว่าถ้ามีคนอื่นที่เข้ามามันไม่ได้หมายความว่าฉันต้องแบ่งรางวัลของฉันให้คนอื่นอีกงั้นหรอ?
“เอือก…”
เมื่อฉันมองไปที่จางโดจินเขาได้ครวญครางออกมาในขณะที่หัวของเขานั้นจุ่มลงไปบนพื้น
“เอาจริงๆ เลยนะฉันสงสัยนะว่าทำไมพวกแกถึงได้ยอมใช้เงินเป็นหมื่นล้านวอนเพื่อพยายามจะเข้ามาที่นี่กันนะและมันอาจจะดูเหมือนว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อกู้คืนภาพลักษณ์ของลอสเดย์กลับคืนมา…แต่ถ้านั้นเป็นแผนการของพวกแกแล้วหละก็มันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยนะที่จะตามฉันมาที่นี้เป็นที่แรกเพราะงั้นแล้วฉันเลยกำลังสงสัยว่าที่พวกแกเข้ามาที่นี่เนี่ยเพื่อที่จะต้องการฆ่าฉันจริงๆ นะหรอ?”
จางโดจินพยักหน้าในทันที
ตุบ!!
เทเลอร์ได้กระทืบไปที่หัวของเขาด้วยเท้าของเธอ
“อย่ามาตอแหล”
เธอแตะไปที่ไม้เบสบอลของเธอแล้วพูดขึ้นมาว่า
“แกนะพยักหน้าเหมือนกับว่าแกได้เตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้วเลยนะรู้ตัวไหม?”
“เอื้-อก”
แม้มันจะดูเหมือนกับว่าไม่ได้มีแรงกดทับใดๆมาจากเท้าของเธอเลยก็ตาม
แต่ฉันรู้เป็นอย่างดีเลยที่ว่ามีอีเทอร์กำลังไหลออกมาอยู่ด้านใต้เท้าของเธอ
จางโดจินไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไปราวกับว่าเขากำลังพบเจอกับความเจ็บที่สุดแสนจะทรมาน
ฉันเคยได้ยินมาว่ามันเจ็บปวดเป็นอย่างมากถึงขนาดที่ว่าแม้จะเป็นพวกยอดมนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะทนมันได้
“บอกฉันมา”
เทเลอร์พูดออกมาแล้วหลังจากไม่นาน…ถ้าจะให้แม่นยำก็ในอีก 14 วินาทีให้หลัง
จางโดจินได้เปิดปากของเขาหลังจากที่กระตุกไปมาเหมือนกับหมูสามชั้นที่ถูกเอาไปย่างบนเตาถ่าน
“ข-เข้าใจแล้วครับๆ ผ-ผมจะพูดแล้วครับ”
“เห้อ ทำไมแกไม่ทนให้นานกว่านี้อีกหน่อยหละทนอีกนิดเดียวก็นานเท่ากับเวลาต้มน้ำเดือดพอดีเลย? งั้นก็บอกมาได้แล้วว่าเหตุผลคืออะไร?”
“เวทมนตร์ครับ! เพื่อที่จะค้นหาเกี่ยวกับเวทมนตร์ครับ”
“…เวทมนตร์?”
เทเลอร์ขมวดคิ้วให้กับคำที่แปลกประหลาดนี้
“ช-ใช่ครับคุณผู้หญิงผมไม่รู้รายละเอียดอะไรหรอก…มันมีข่าวลือว่ามีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้ครับ ดังนั้นกิลด์เราเลยสนใจในดันเจี้ยนนี้ครับ”
“โอ้จริงหรือเนี่ย? เวทมนตร์นี่เองมันมหัศจรรย์มากเลยมีอะไรอีกไหม?”
“เออ…เราแค่ได้ยินมาว่าดันเจี้ยนนี้เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ดังนั้นพวกเราเลยต้องตรวจสอบมัน…”
จางโดจินพูดในตอนที่มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่สั่นเทิ้ม
เยี่ยมงั้นคนพวกนี้ก็สมควรกับมันแล้วสำหรับการที่มาขวางทางฉัน
ฉันว่ามันดูไร้เหตุผลตั้งแต่แรกแล้วที่ลอสเดย์พยายามที่จะฆ่าฉันในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้หลังจากการตอบโต้กลับที่แสนเล็กน้อยของฉัน
‘เวทมนตร์’
มันก็ผ่านมาแล้วตั้ง 30 ปีตั้งแต่ที่มอนสเตอร์และพลังพิเศษได้ปรากฎขึ้นแล้วมีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับมัน
ในตอนนี้มีแม้กระทั้งผู้หวนคืนต่างมิติและมีตัวตนที่ทรงพลังเป็นอย่างมากจนสามารถที่จะต่อกรกับกองทัพได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว งั้นมันก็ไม่ต้องสงสัยเลยที่จะมีคนที่เชื่อว่าเวทมนตร์เป็นเรื่องจริงไม่ใช่แค่เรื่องงมงาย
แต่ถ้าลอสเดย์มั่นใจในการมีอยู่ของเวทมนตร์จริงๆ แล้วเริ่มต้นค้นหามันเป็นวงกว้างแล้วหละก็ ฉันคงไม่สามารถที่จะนั่งรออยู่เงียบๆ ได้แล้ว
เพราะไม่ว่าจะคิดยังไงก็ตามก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้รับเวทมนตร์ไป พวกเขาจะปล่อยฉันไปหรือไงในเมื่อฉันขวางทางพวกเขาอยู่?
ไม่มีทางอยู่แล้ว
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงต้องจัดการกับเรื่องสองเรื่องนับจากนี้ไป
ต้องไม่ใช้ลอสเดย์ทำร้ายฉันอย่างเปิดเผยได้
และต้องไม่ใช้ลอสเดย์ทำร้ายร่างกายฉันได้
อย่างแรกต้องใช้สื่อเข้าช่วยแต่อย่างที่สองนั้นฉันต้องมีกลุ่มที่คอยหนุนหลัง
นั้นหมายความว่าฉันต้องการกิลด์
อย่างไรก็ตามไม่มีสักส่วนในเส้นสายของฉันเลยที่เป็นกลุ่มขนาดใหญ่เทียบเท่ากับลอสเดย์และแต่แม้ว่าจะฉันจะมีเส้นสายกับคนพวกนั้น ฉันก็ไม่มีค่าพอที่พวกเขาจะมาปกป้องฉันอยู่ดี
‘นี่มันน่ารำคาญซะจริง’
ในตอนนี้เมื่อเรื่องมันได้มาถึงขนาดนี้แล้วมันก็ช่วยไม่ได้
ฉันไม่มีทางเลือกอื่นคงทำได้แต่ต้องตัดพลังอำนาจบางส่วนของฝ่ายตรงข้ามออก
“นอกไปจากเรื่องพวกนี้แล้วบอกฉันมาอีกซิ”
“เอื-อก”
“อ้า เหี้-เอ้ยน้ำลายของแกมันกระจายไปทั่วเลยเนี่ย”
“…มันไม่ใช่เพราะว่าเธอออกแรงมากเกินไปหรอกหรอ?”
“ฉันทำงั้นหรอ?”
เทเลอร์ได้แสยะยิ้มออกมา
“ฉันไม่ชอบที่จะหยอกล้อกับคนอื่นแต่มันก็สนุกนิดหน่อยนะที่ได้หยอกไอ้พวกสารเลวนี้เล่นนะ”
หลังจากที่งัดเอาข้อมูลออกมาได้เพิ่มอีกนิดหน่อยจากพวกมันเทเลอร์ได้เจาะหลุมบนหน้าอกของพวกมันแต่ละคน ฆ่าพวกเขาในทันที
ตามจริงเธอจะไปทุบหัวพวกเขาด้วยไม้เบสบอลของเธอแล้วแต่ซอดัมได้ตะโกนห้ามเธอไว้ก่อน
ใบหน้าพวกนี้นั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดเลยในการใช้เป็นหลักฐาน
“อืม…แล้ว”
สำหรับผู้หญิงที่พึ่งจะฆ่าคนไปสามคน เทเลอร์ได้ยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่มีชีวิตชีวาและพูดขึ้นมา
“พวกเรามาเริ่มเดตของเราต่อเลยไหม?”
……………………………………………………..
มอนสเตอร์แรงค์ S เดมิลิช
มันเป็นบอสของดันเจี้ยนนี้
[เป้าหมายมีร่องรอยของร่างกายตัวเอก]
‘ตัวเอกงั้นหรือ?’
<ใช่แล้วค่ะ>
<เป้าหมายเคยเป็นตัวเอกที่ได้สำเร็จบทส่งท้ายของพวกเขาเองค่ะ>
‘…แล้วทำไมโลกถึงได้จบสิ้นลงหละ?’
เดมิลิชนั้นอยู่ที่ด้านบนสุดของพระราขวัง
ต้องขอบคุณมันในเรื่องนั้นที่ทำให้ฉันได้เห็นทิวทัศที่งดงามของโลกใบนี้
โลกนี้กำลังจบสิ้นลง
พื้นดินและท้องฟ้าค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
<การมีตัวตนอยู่ของโลกใบนี้ได้ถูกกลืนกินโดยสมบูรณ์จากตัวเอกคนนี้ค่ะ>
<ในตอนที่โลกโคจรรอบตัวของตัวเอกนั้นพลังงานที่โลกใช้ในการคงสภาพตัวมันเองก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกดึงไปที่ตัวเอกแทนและเมื่อมันถูกใช้ไปจนหมดแล้วตัวเอกจะได้เจอกับบทส่งท้ายค่ะ>
<ด้วยการจบสิ้นลง โลกที่ได้สูญเสียพลังงานมันจะค่อยๆล้มสลายไปอย่างช้าๆค่ะ>
<ระหว่างการล้มสลายของโลกมันจะท่องผ่านมิติมากมายจนกระทั้งตัวตนของพวกมันถูกลบไปในที่สุดแต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องปกติที่เศษซากของโลกพวกนี้จะมาปรากฎในรูปแบบของดันเจี้ยนในมิติอื่นๆค่ะ>
‘อ่า มันเป็นอย่างนี้ที่เองสินะ?’
<นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงได้ทำสัญญากับคุณเพื่อที่จะฆ่าตัวเอกค่ะ>
ตัวเอกไม่ควรที่จะมีตัวตนอยู่บนโลก
คนที่ครอบครองพรจากโลกของพวกเขาเพียงคนเดียวและส่งผลให้โลกของพวกเขาเกิดการล้มสลายอย่างรวดเร็ว
<เดมิลิช คนที่ครั้งหนึ่งเคยมีภรรยาถึง 12 คน ตัวเอกคนนี้ได้กลืนกินผ่านพล็อตเรื่องที่ซ้ำซากทั้งหมดและไม่สามารถที่จะเก็บพวกเธอไว้ได้ด้วยพลังของตนเองอีกต่อไป>
เขาคิดเพียงแค่ว่าภรรยาของเขายังไงซะก็รักเขาอยู่แล้ว
แต่พวกเธอได้จากเขาไปที่ละคนเนื่องจากความไม่ใส่ใจของเขา
พรรคพวกที่จงรักภักดีกับเขาได้ว่าแผนที่จะลอบสังหารหรือไม่ก็กบฏต่อต้านเขาและผู้คนได้พากันก่อกบฏเนื่องจากความไม่พอใจ
ชายคนนี้คนที่ได้กลายมาเป็นฮีโร่เนื่องจากพรของโลกได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างลงเมื่อพรนั้นได้หายไปและในท้ายที่สุดก็ได้กลายมาเป็นโครงกระดูกที่มีชีวิตตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้
เมื่อไม่มีพรใดๆเหลืออยู่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำได้ทุกๆสิ่งได้เหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นในตอนจบเขาไม่แม้แต่จะสามารถกลายมาเป็นลิชได้
พูดตามตรงมันไม่ได้ยากที่จะล้มเดมิลิช
เขาล้มเหลวที่จะได้กลายเป็นลิชดังนั้นมันไม่สามารถแม้แต่จะใช้เวทมนตร์ได้เลยและต้องสู้ด้วยร่างกายเพียวๆเท่านั้น
พลังพิเศษของเทเลอร์คือการหักเหของแสง (S+)
เป็นพลังที่ทำให้เธอสามารถอัญเชิญลูกบอลแสงในรูปทรงกลมออกมาได้,ควบคุมมัน และใช้ในการโค้นล้มศัตรูด้วยการเคลื่อนที่ที่ขัดกับหลักของกฎฟิสิกส์
ความสามารถของมันเกือบที่จะเทียบเท่ากับแรงค์ SS
พลังพิเศษของเธอนั้นโกงมากและแม้แต่อุปกรณ์ของเธอก็โกงเช่นกัน
เวลาได้ผ่านไปสามวันนับตั้งแต่ที่ได้เข้ามาในดันเจี้ยนนี้
มีทั้งเรื่องการตายของฮันเตอร์ทั้งสามคนจากลอสเดย์จนไปถึงการล่วงหล่นของคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวเอก
ฉันได้ศึกษาวงจรที่อยู่ในพระราชวันนี้และโครงสร้างของดันเจี้ยนนี้แล้วทำให้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะหลีกเลี้ยงพื้นที่ที่เป็นอันตรายและช่วยประหยัดเวลาไปได้
ดันเจี้ยนนี้จะหายไปเมื่อฉันได้ออกไปจากที่นี้
ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตามฉันยังไม่ได้ตั้งใจที่จะออกไปในตอนนี้
“นายจะยังอยู่ที่นี้อีกสี่วันหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“ทำไมหละ?”
“ฉันอยากให้มีคนมาต้อนรับพวกเรามากๆนะ”
“นายมันบ้า”
เทเลอร์ได้แต่หัวเราะออกมา
ฉันได้นำอาหารมาเพียงพอสำหรับหนึ่งสัปดาห์และมันก็มากเกินพอเลยหละเมื่อรวมเข้ากับอาหารที่ได้มาจากฮันเตอร์ของลอสเดย์
มีปัญหาอยู่เพียงข้อเดียวคือที่นี่มันไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ
เพราะงั้นฉันเลยใช้ช่วงเวลานี้ในการฝึกฝนเวทมนตร์
ฉันได้ตัดสินใจที่จะเปิดเผยความลับเรื่องเวทมนตร์ที่ฉันรู้กับเทเลอร์
พวกเราได้แบ่งปันความลับหลายอย่างด้วยกันกับอีกคนหนึ่งเสมอ
อย่างไรก็ตาม
“ทำไมนายถึงไม่ทำอะไรบ้างเลยหละ?”
“อะไรนะ?”
เธอบิดริมฝีปากของเธอ เทเลอร์ได้เข้ามาใกล้ฉันอย่างช้า ๆ
“พวกเรานะเป็นชายหนุ่มและหญิงสาววัยเจริญพันธุ์ที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังเลยนะไม่ใช่ว่าพวกเราควรที่จะใช้เวลาสี่วันนี้ทำอะไรบ้างอย่างกันงั้นหรอ?”
“เฮ้ นี่เธอบ้าไปแล้วหรอ? ที่นี่มีแต่ซากศพจำนวนมากที่มีอายุเป็นร้อยปีๆกระจายไปทั่วทุกทีเลยนะ”
“มันสวยงานและยอดเยี่ยมไปเลย”
“เธอบ้าไปแล้ว”
ฉันคิดว่าจริงๆแล้วเธอในหัวเธอน่าจะมีน๊อตสักตัวหายไปแน่เลย
……………………………………………………..
[ใช่แล้วครับ ในตอนนี้มันเป็นเวลา 23:50 ที่เขตอินชอนมันเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่ที่ฮันเตอร์ทั้งสองคนได้เข้าไปในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้]
นักข่าวยังคงพูดอย่างต่อเนื่อง
[ทีมช่วยเหลือและฮันเตอร์จำนวนมากได้เตรียมพร้อมอยู่ตรงหน้าทางเข้าของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้เรียบร้อยแล้วครับ]
เวลาหนึ่งสัปดาห์ได้ผ่านไปตั้งแต่ที่ซอดัมและเทเลอร์ไนน์ได้เข้าไปด้านใน
พวกเขาเข้าไปในตอน 00:00 และ ในเวลาที่ 00:00 ในอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลังกิลด์จำนวนมากจะเริ่มเข้าไปพร้อมกับทีมช่วยเหลือ
ในกลุ่มผู้คนที่กำลังรอคอยนั้นก็มี ฮานยูจอน ร่วมอยู่ด้วยเหมือนกัน
‘มันกำลังเป็นไปตามแผน’
มองดูไปที่ข่าวฮานยูจอนนั้นได้เคี้ยวหมากฝรั่งอย่างสบายใจอยู่
แม้ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะไม่สามารถเข้าไปในดันเจี้ยนได้ก็ตาม
เพราะว่าเขาเป็นนักตีความแรงค์ A ที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้
ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ได้บอกให้สมาชิกกิลด์ระวังตัวหลายต่อหลายครั้งเพราะว่าคนพวกนี้จะต้องเข้าไปด้านใน
‘เมื่อพวกคุณได้เข้าไปด้านในดันเจี้ยน ให้ตามหาฮันเตอร์แรงค์ S ทั้งสามคนที่กำลังค่อยอยู่ที่ไหนสักที่ซะ’
‘ดูให้แน่ใจว่าเครื่องส่งสัญญาณอนาล็อกของพวกคุณเปิดอยู่ พวกคุณถึงจะหาพวกเขาพบ’
มันเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายเป็นอย่างมากเพราะว่าเหล่านักข่าวได้ตั้งแคมป์รอบ ๆ ดันเจี้ยนนี้
มันเป็นเพราะว่าเส้นตายนั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
ชาวเน็ตก็กำลังที่จะบ้าคลั่งเต็มที
เขามองไปบนโพสเหล่านั้นบนโซเชียลมีเดียแบบผ่านๆและอ่านมัน
[ฮันเตอร์แรงค์ F จะไปทำอะไรได้กันหละ?]
[ไม่ใช่ว่าพวกเขาตายไปแล้วหรอกนะ?]
มีแม้กระทั้งคอมเม้นที่โหดร้ายเช่น
‘55555’
แน่นอนว่าส่วนมากไม่ได้เป็นเช่นนี้
มีหลายโพสที่ได้แสดงความรู้สึกเห็นใจและเสียใจกับสองคนนั้นด้วย…
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือว่าการตายของพวกเขานั้นได้รับการสรุปไว้ล่วงหน้าแล้ว
มีคนจำนวนน้อยมากที่สามารถมีชีวิตรอดในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวได้เป็นสัปดาห์
มันเป็นไปได้เหมือนกันที่สมาชิกกิลด์ของเขาจะไม่สามารถที่จะทนอยู่นานเท่านั้นได้
เอาจริงแล้วถึงเป็นแบบนั้นมันก็ยังสบายสำหรับฮานยูจอน
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะตายพวกเขาก็น่าจะสามารถที่จะจัดการกับยูซอดัมและตรวจสอบบางส่วนภายในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวได้
[เหลืออีกเพียงห้านาทีก็จะถึงเส้นตายแล้วครับไปฟังคำพูดของผู้เชี่ยวชาญกันดีกว่าครับ]
[อืม…ผมคิดว่าพวกเขา…]
เมื่อผู้เชี่ยวชาญที่หน้าเบื่อหน่ายเข้ามาฮานยูจอนได้ปิดข่าวลง
พวกเขาจะเข้าไปในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้แล้ว
ฮานยูจอนไม่ใช่แค่คนเดียวที่คิดแบบนั้นฮันเตอร์คนอื่นๆที่อยู่ที่นี้ได้จับไปที่อุปกรณ์ของพวกเขาด้วยการแสดงออกที่เคร่งเครียดและแม้แต่เหล่านักข่าวก็ได้ยกกล้องของพวกเขาขึ้นมาเพื่อที่จะถ่ายวินาทีที่เหล่าฮันเตอร์ได้เข้าไป
ทันใดนั้นเองที่ทางเข้าของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวได้หายไปแล้วชายหมุ่นและหญิงสาวก็ได้ปรากฎตัวออกมา
“…อะไรนะ?”
ในเวลาเดียวกันนั้นเองนักข่าวทุกๆคนได้เริ่มที่จะพูดคุยกัน
[ข่าวด่วน! ฮันเตอร์ยูซอดัมและเทเลอร์ไนน์ประสบความสำเร็จในการโจมตีดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวและได้กลับมาแล้วครับ]
อึก!
ฮานยูจอนกลืนน้ำลายลงไปพร้อมกลับหมากฝรั่งของเขาโดยที่ไม่ได้รู้ตัว
มีเสียงเชียร์และคนที่โล่งใจอยู่ทั่วทุกที่
อย่างไรก็ตาม ฮานยูจอนกลับพูดอะไรไม่ออก
[พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา…หะ? ฮันเตอร์ยูซอดัมและฮันเตอร์เทเลอร์ไนน์กำลังจะไปที่ไหนกันแน่หลังจากที่พึ่งออกมากัน?]
ฮานยูจอนได้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้า ๆ ด้วยสัญชาตญาณแต่ยูซอดัมเข้าถึงตัวเขาได้เร็วกว่า
มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้สิ
ไม่มีทางน่าเขาคิดอย่างนั้น
[ตอนนี้พวกเราเห็นแล้วว่าพวกเขาออกมาจากดันเจี้ยนนี้พร้อมการถุงกระสอบขนาดใหญ่สามใบ นี้มันบ้าอะไรกันครับเนี่ย…อ้า!]
ตึง!
ยูซอดัมและเทเลอร์ได้โยนกระสอบทั้งสามใบลงตรงหน้าของฮานยูจอน
ทันใดนั้นเองกระสอบพวกนี้ได้เปิดออกและสิ่งที่อยู่ภายในได้รับการเปิดเผยออกมา
ฮานยูจอนได้ทำแท็บเล็ตที่กำลังถืออยู่ในมือตกลงไปแต่เสียงของพวกนักข่าวก็ไม่ได้หยุดลงและเสียงพวกนั้นทั้งหมดก็ได้พุ่งตรงเข้าสู่หูของเขาในทันที
[…ร่างกายของฮันเตอร์แรงค์ S จากลอสเดย์ได้ถูกค้นพบภายในดันเจี้ยน…นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ครับเนี่ย?]