สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 307 คุณอยู่จริงๆด้วย

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ไม่นานโทรศัพท์ก็ถูกรับสาย

“นำหลักฐานส่งสำนักงานตำรวจแล้ว หมายจับจะออกมาเร็วๆนี้”

ชวี่ยี่ตอบหลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม บอกเรื่องราวทางด้านนี้ที่เขาจัดการดีแล้ว

เพียงแต่เฟิงจิ่งเหยายังไม่วางใจ ตระกูลลู่ โดยเฉพาะจิ้งจอกเฒ่าลู่หงกั๋วนั่น ก็ไม่เชื่อว่าอยู่วงการข้าราชการมาหลายปีจะไม่มีช่องทางข่าวสารของตนเอง

“ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับใคร คุณส่งคนไปจับตาดูทุกคนในตระกูลลู่ไว้”

เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ชวี่ยี่รับคำสั่งแล้วไปทำทันที

และเรื่องจริงก็เป็นไปตามที่เฟิงติ่งเหยาคิด

เมื่อเขารายงานตระกูลลู่ต่อทางการ ลู่หงกั๋วได้รับข่าวจากคนสนิท

“หัวหน้า คนจากเฟิงซื่อกรุ๊ปไปที่กระทรวงยุติธรรม เรารู้ผ่านบุคคลที่เกี่ยวข้อง พวกเขากำลังรายงานความผิดของท่านอยู่”

ลู่หงกั๋วได้ฟังข่าวเหล่านี้จบ ใบหน้าก็มืดครึ้มราวกับน้ำหมึก โดยเฉพาะคำพูดประโยคหลังของคนสนิท ยิ่งทำให้บีบหัวใจของเขาขึ้นมา

“เฟิงจิ่งเหยายังไปแจ้งความที่สำนักงานตำรวจ ดำเนินคดีตระกูลลู่ว่าลักพาตัวโดยผิดกฏหมาย พวกเขาเก็บหลักฐานการโทรของคุณนายไว้เป็นหลักฐาน เป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการกับเรื่องทั้งสองที่เพิ่มเข้ามา หัวหน้าต้องจัดการโดยเร็วที่สุด”

“ฉันรู้แล้ว คุณจับตาดูข่าวคราวทางด้านตุลาการนั้นไว้ ในกรณีที่มีผลสรุปให้มารายงานฉันทันที”

ลู่หงกั๋วออกคำสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด

หลังจากวางสาย เขาก็เดินออกมาจากห้องหนังสือ มองครอบครัวที่มีความสุขในห้องรับแขก ในใจก็รู้สึกอึดอัด

กล่าวได้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีผลกระทบต่อตระกูลลู่ทั้งหมด

แล้วคนในครอบครัวก็ไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“แม่ ทำไมคุณไม่ตีให้นังสารเลวนั่นตายไปซะเลย!”

ลู่ซือหยี่รู้ว่ากู้ฉางฉิงถูกแม่ของตนเองตีแล้ว แต่นี่เป็นแผลแค่ผิวหนัง แต่เธอปรารถนาอยากให้นังสารเลวนี่ตายไป

“ฉันอยากจะตีให้มันตายไปเลย แต่พ่อคุณไม่เห็นด้วย”

แม่ลู่พูดอย่างอารมณ์เสีย

ลู่หงกั๋วที่ลงมาได้ยินพอดี อดที่จะพูดด้วยน้ำเสียงฉียบขาดไม่ได้ : “พวกคุณยังคิดอยากจะให้กู้ฉางซินตาย นี่ในบ้านเรายังไม่วุ่นวายพอใช่ไหม?”

“พ่อ เป็นอะไรไป?”

ลู่ซือหยี่ได้ยินความโกรธและความตึงเครียดในน้ำเสียงของลู่หงกั๋ว จึงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

ลู่หงกั๋วมองเธอ แล้วพูดถึงข่าวที่ได้รับออกมา

“ทางด้านเฟิงจิ่งเหยานั้นรายงานให้ตรวจสอบวินัยฉัน ฉันไม่รู้ว่าในมือเขาถือหลักฐานอะไรอยู่ เพียงแต่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยได้เริ่มตรวจสอบแล้ว ฉันคิดว่าไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ต้องมาหา”

ลู่ซือหยี่กับแม่ลู่ได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก

“เฟิงจิ่งเหยาเขากล้าทำได้ยังไง?”

แม่ลู่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

ลู่หงกั๋วมองเธอด้วยสายตาเย็นชา พูดอย่างหงุดหงิดว่า :เฟิงจิ่งเหยาจะไม่กล้าได้อย่างไร ฉันบอกว่าให้คนไปจับตัวมากพอ คุณยังถือดี ไปตีทำร้ายคน เขาจะปล่อยพวกเราไปได้อย่างไร?”

เขาพูดจบ ก็พูดต่อด้วยความไม่พอใจ : “ไม่ใช่แค่ฉันที่ถูกรายงานนะ แม้แต่บริษัทของคุณก็ถูกฟ้องร้องแล้ว”

แม่ลู่ได้ยิน ใจก็เต้นระรัว

“เกิดเรื่องได้ยังไง? นี่เกี่ยวข้องกับลู่ซื่อกรุ๊ปได้อย่างไร?”

ลู่ซือหยี่ก็ร้อนรน เดิมทีลู่ซื่อกรุ๊ปเป็นของตระกูลลู่

“พ่อ เกิดขึ้นได้ยังไง”

ลู่หงกั๋วมองพวกเขาที่เพิ่งจะกระวนกระวายใจ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ตั้งแต่การลักพาตัวกู้ฉางซินของแม่คุณ เฟิงจิ่งเหยาก็เก็บรวบรวมหลักฐานตลอดมา นอกจากนี้แม่คุณยังสั่งสอนกู้ฉางซินแทนคุณอีกด้วย ทำให้เฟิงจิ่งเหยาโกรธอย่างมาก ฉันเดาว่า นี่เขากำลังจะกำจัดตระกูลของพวกเราออกไปจากเมืองหลวง”

แม่ลู่กับลู่ซือหยี่ได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ

“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”

ลู่ซือหยี่พูดพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ทว่าแม่ลู่โมโหมาก : “เฟิงจิ่งเหยาทำเกินไปแล้วจริงๆ”

“ทำเกินหรือไม่เกินไป ฉันไม่รู้หรอก แต่คราวนี้ตระกูลลู่ได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน ไม่แน่เขาอาตตะทำได้จริงๆ”

ลู่หงกั๋วโต้แย้งคำพูดของเธอ ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

พูดจบ เขาก็มองไปที่จ่านสิงเทียนที่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เขากลับมา

“คุณชายจ่าน ฉันต้องการขอความช่วยเหลือจากคุณ ไม่ทราบว่าจะได้ไหม?”

จ่านสิงเทียนได้ยิน ก็เลิกคิ้วแล้วมองไปยังเขา

“ไม่ให้คุณบอกหรอก ผู้หญิงของฉัน ฉันต้องปกป้องแน่นอน”

ลู่หงกั๋วฟังถึงคำพูดนี้ ความกังวลภายในใจก็วางลงเล็กน้อย

“งั้นก็ดี ถ้าตระกูลลู่ล้มลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้ หวังว่าคุณชายจ่านจะดูแลซือหยี่ของเราให้ดีๆ ตั้งแต่เล็กเธอถูกฉันและแม่ของเธอตามใจจนเสียคน แต่นิสัยเดิมทีไม่ได้เลวร้าย

ถึงแม้ว่าแม่ลู่จะไม่คิดว่าเฟิงจิ่งเหยาจะทำลายตระกูลลู่จนพังย่อยยับ แต่ในใจก็คาดเดาถึงจุบจบในภายหลังของตระกูลลู่ไว้แล้ว จึงต้องเตรียมการในขณะที่ทุกอย่างยังคงรอดำเนินการ

ลู่ซือหยี่เห็นพ่อของเขาคล้ายกับว่าชี้แจงเรื่องงานศพ ทันใดก็ไม่พอใจขึ้นมา

แต่ต่อหน้าจ่านสิงเทียน เธอไม่กล้าโต้แย้ง

เธอวางแผนว่าจ่านสิงเทียนไปแล้ว ก็จะพูดคุยกับพ่อ

แต่เรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจหวัง

พ่อลู่ชี้แจงเรื่องเหล่านั้นเสร็จ เขาก็ให้จ่านสิงเทียนพาลู่ซือหยี่ไป

“พ่อ ฉันไม่ไป!”

ลู่ซือหยี่ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ ใบหน้าต่อต้าน

ยังไม่รอลู่หงกั๋วตำหนิ จ่านสิงเทียนก็ใบหน้าเคร่งขรึม

“คุณไม่อยากไป หรือว่าไม่อยากไปกับฉัน? หืม?”

คำสุดท้ายที่เสียงออกมาจากจมูก เต็มไปด้วยความอันตราย ทำให้ลู่ซือหยี่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย

“ไม่ใช่…….”

เธอโต้แย้งด้วยจิตสำนึก

ลู่หงกั๋วเห็นเช่นนี้ ในใจก็โกรธเคืองเล็กน้อย

ตอนนี้เขายังอยู่ตรงนี้ จ่านสิงเทียนยังใช้อำนาจคุกคามซือหยี่ต่อหน้าเขา ไม่รู้ว่ากับซือหยี่ลับหลังเขา จะเป็นยังไง

แต่ถ้าให้ซือหยี่อยู่ต่อไป ครอบครัวของพวกเขาก็จะจบสิ้น

หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว เขาก็ยังคงเลือกอย่างแรก

ถึงอย่างไรเขาก็ยังเชื่อมั่นลูกสาวของตนเอง จะทำให้คุณชายจ่านที่หัวแข็งไม่เชื่อฟังเชื่องได้อย่างแน่นอน

“ซือหยี่ เชื่อฟังแล้วไปกับคุณชายจ่าน รอในบ้านไม่มีเรื่องแล้ว ค่อยให้คุณชายจ่านพาคุณกลับมาอีกครั้ง”

เขาพูดพลาง ก็ขยิบตามให้กับลู่ซือหยี่

แน่นอนว่าลู่ซือหยี่เข้าใจความหมายของพ่อ ในที่สุดก็จำใจตอบรับ

ถึงอย่างไรสถานการณ์ขณะนี้ของตระกูลลู่ก็ไม่อนุญาตให้เธอได้ดื้อรั้นอีกต่อไป

เช่นนี้ ลู่ซือหยี่จึงถูกจ่านสิงเทียนพาไป

พอช่วงเวลาแรกที่พวกเขาออกไป ก็ถูกคนแจ้งให้ทางด้านเฟิงจิ่งเหยาทราบ

“จับตาดูไว้ให้ฉัน ฉันไม่ต้องการคนตระกูลลู่หนีไปได้แม้แต่คนเดียว!”

เฟิงจิ่งเหยากำชับสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พูดจบ เขาก็วางสายไปโดยตรง

เวลานี้ กู้ฉางฉิงที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ส่งเสียงออกมา

“น้ำ…….”

เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ก็วางเอกสารสอบสวนคดีในมือลงทันที รินน้ำให้กู้ฉางฉิง

กู้ฉางฉิงอิงในอ้อมกอดของเฟิงจิ่งเหยาแล้วดื่มน้ำ ความรู้สึกตัวที่เลือนลางก็ค่อยๆรวมตัวกัน

“เฟิงจิ่งเหยา”

พอเธอเห็นผู้ชายที่อยู่ข้างกายชัดเจน ในสายตาก็เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ

เธอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เห็นเฟิงจิ่งเหยาในความสะลึมสะลือ เดิมทีเธอก็คิดว่าตนเองกำลังฝัน ไม่นึกเลยว่าเขาจะอยู่ข้างกายตนเองจริงๆ

คิดพลาง รอบดวงตาของเธอก็เริ่มแดงระเรื่อ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“คุณอยู่จริงๆด้วย……..”

เธอไม่ได้ค้นพบเลยแม้แต่น้อยว่าเวลานี้เธอเชื่อในใจตัวเฟิงจิ่งเหยามากแค่ไหน

เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเธอ ไม่รู้ทำไมภายในใจก็เจ็บปวดขึ้นมา

“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ”

เขาตบหลังกู้ฉางซินเบาๆเพื่อปลอบโยน แต่ไม่คิดว่าจะไปถูกบาดแผลที่ถูกตีด้วยแส้

“เจ็บ……”

กู้ฉางฉิงูดลมหายใจด้วยความเจ็บปวด ออดอ้อนเฟิงจิ่งเหยาด้วยจิตสำนึก

เฟิงจิ่งเหยารับรู้ได้ถึงการสั่นของคนที่อยู่ในอ้อมกอด มองสีหน้าที่อ่อนแรงซีดขาวของเธอ ทำให้ความโกรธแค้นต่อตระกูลลู่พัดโหมขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ว่ายังไงก็ตาม ครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ตระกูลลู่ไม่มีทางฟื้นคืนได้อีกตลอดไป

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท