สวนดอกไม้ของตระกูลเฟิงได้รับการออกแบบอย่างดีเป็นพิเศษ
แม้ว่าในเวลากลางคืน สวนดอกไม้ของตระกูลเฟิงก็มีแสงไฟสว่างไสว
เฟิงจิ่งเหยาพากู้ฉางฉิงไปเดินเล่น
ภายใต้สายลมพัดผ่านอ่อนๆ กู้ฉางฉิงที่เมานิดๆค่อยๆได้สติขึ้นมา
เธอนึกถึงภาพในห้องอาหารเมื่อกี้นี้ ก็แข็งทื่อขึ้นมา แววตาก็เต็มไปด้วยความขัดเคืองและเขินอาย
เวลานี้เธอไม่รู้ว่าตนเองควรจะปล่อยเฟิงจิ่งเหยา หรือแกล้งทำท่าทางเมาเหล้าต่อ
เมื่อเธอกำลังคิดยุ่งเหยิงอยู่ เฟิงจิ่งเหยาก็ค้นพบความผิดปกติของเธอ
“เป็นอะไรไป?”
เขาก้มหน้าไปมองผู้หญิงที่อิงอยู่กับตน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ
ทันทีที่กู้ฉางฉิงเงยหน้าขึ้นเขาก็ชนเข้ากับดวงตาที่อ่อนโยนราวกับมีน้ำในดวงตา ก็ตกตะลึงอีกครั้ง
ภายใต้แสงไฟ ความหล่อเหลาไร้ที่ติของชายคนนั้นเข้ากันกับดอกไม้สดที่อยู่ฉากหลังราวกับเจ้าชายที่เดินออกมาจากเทพนิยาย
เมื่อกู้ฉางฉิงเห็น ก็หายใจติดขัด หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นมา
เวลานี้ เดิมทีโดยรอบที่สว่างสดใสจู่ๆก็มืดลง
กู้ฉางฉิงสติกลับมา ขมวดคิ้วนิดๆแล้วสังเกตไปโดยรอบ
“เกิดขึ้นได้ยังไง ไฟดับหรอ?”
เธอถามเบาๆ ทว่าคนข้างๆไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่ทว่าหายใจถี่ขึ้นอย่างฉับพลัน
“เฟิงจิ่งเหยา?”
เธอรู้สึกไม่ถูกต้องโดยจิตใต้สำนึก จึงเรียกเบาๆ
ทว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบรับต่อเธอ อีกทั้งการหายใจถี่ก็ยิ่งหนักขึ้น
ทันใดนั้นกู้ฉางฉิงก็นึกขึ้นได้ไม่สามารถอยู่ในที่มืดได้นานๆ ก็รีบประคองเขา รีบพูดว่า : “เฟิงจิ่งเหยา คุณทนหน่อย ตอนนี้ฉันจะพาคุณกลับไป”
พูดจบ เธอก็ประคองเฟิงจิ่งเหยา อยากจะพาเขากลับ ทว่าพบว่าชายที่อยู่ข้างๆล้มมาทางเธอ
ในทันที ทั้งสองคนก็ล้มลงไปอยู่กับพื้น
“เฟิงจิ่งเหยา คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
กู้ฉางฉิงรีบลุกจากพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วไปหาเฟิงจิ่งเหยา
ภายใต้แสงจันทร์ เฟิงจิ่งเหยานอนขดอยู่ที่พื้น ทั้งตัวสั่นไม่หยุด
สีหน้ากู้ฉางฉิงเปลี่ยนไปมาก รีบก้าวไปข้างหน้าแล้วกอดขึ้นมาจากพื้น แต่ไม่คิดว่าจะชนเข้ากับดวงตาคู่นั้นที่สิ้นหวัง รวมถึงสีหน้าที่ซีดเผือด ดูเหมือนจะหมดสติไปได้ตลอดเวลา
พูดได้ว่า เธอไม่เคยเห็นเฟิงจิ่งเหยาเป็นเช่นนี้มาก่อน
เวลานี้อยากจะพาเฟิงจิ่งเหยากลับไปที่ห้องก็ไม่สามารถทำได้แล้ว กู้ฉางฉิงงนึกถึงการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับโรคกลัวความมืดที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ บางทีเวลานี้อาจจะใช้จากการเรียนรู้มาได้
เธอกอดเฟิงจิ่งเหยาไว้แน่น กระซิบข้างหูเขาไม่หยุด
“ไม่ต้องกลัว……ผ่อนคลาย……ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“จิ่งเหยา ฉันอยู่ที่นี่……”
เธอพูดไปพลาง แล้วจูบหน้าผากของเฟิงจิ่งเหยาที่ชุ่มเหงื่อไปด้วย
ไม่รู้ว่าการปลอบประโลมของเธอได้ผลหรือไม่ ตัวเฟิงจิ่งเหยาที่เดิมทีสั่นสะท้านอยู่ก็ค่อยๆสงบลง
กู้ฉางฉิงสังเกตได้ ในแววตาประกายความดีใจ พยายามปลอบโยนต่อ
เมื่อมั่วหลีเข้ามา ก็เห็นภาพภาพนี้
สายตายเธอโกรธแค้นรวมถึงการอิจฉาริษยาก็ไม่สามารถปิดบังไว้ได้
“คุณผู้ชาย!”
เธอตะโกนแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกตกใจ เดินเข้าไปคิดจะแย่งเฟิงจิ่งเหยาจากในมือของกู้ฉางฉิง
“คุณจะทำอะไร?”
กู้ฉางฉิงตกใจ เห็นเฟิงจิ่งเหยาที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อยก็มีท่าทีจะตัวสั่นอย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งดูเหมือนกับว่าจะหายใจลำบาก อ้าปากกว้างหายใจเหนื่อยหอบ
“ฉันทำอะไร? ฉันก็อยากจะถามว่าคุณกำลังทำอะไร? คุณชายโรคกำเริบ คุณไม่พาเขากลับไปหาหมอ แต่กลับพาคุณผู้ชายมาอยู่ที่สถานที่มืดตึ๊ดตื๋อแบบนี้ คือคิดจะทำร้ายคุณผู้ชายให้ตายหรอ?”
มั่วหลีเห็นกู้ฉางฉิงปฏิเสธตนเองที่แตะต้องคุณผู้ชาย ก็กล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด!
เธอพูดจบ อาการของเฟิงจิ่งเหยาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นมา
กู้ฉางฉิงอดไม่ได้ที่จะโต้แย้งกับเธอ จ้องมองเธอแล้วกล่าวตำหนิอย่างรุนแรงว่า: “หุบปาก! ถ้าคุณอยากทำร้ายคุณผู้ชายของคุณจนตาย ก็แผดเสียงให้ดังได้เต็มที่เลย!”
พูดจบ เธอก็ไม่สนใจมั่วหลีอีก ก้มหน้ากล่าวปลอบโยนเฟิงจิ่งเหยาอีกครั้ง
“จิ่งเหยา ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่เป็นไรนะ”
เธอโอบกอดเฟิงจิ่งเหยาแน่น เข้าใกล้ข้างหูของเขาพูดซ้ำไปซ้ำมา
เฟิงจิ่งเหยาจับมุมเสื้อของเธอแน่น
เขารู้ว่าตนเองโรคกำเริบ แต่จนปัญญาที่จะควบคุมความรู้สึก เหมือนกับจมดิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ขาติดอยู่ในเหวลึก ดึงเขาลงไปเรื่อยๆ
เขาต่อสู้ดิ้นรน แต่ไร้เรี่ยวแรงที่จะดิ้นหลุด ก็เป็นเหมือนเดิม
แต่ในขณะที่เขากำลังจะล้มเลิกการดิ้นรน และตกลงไปในเหวลึก ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้นในจิตสำนึกของเขา น้ำเสียงนี้ ดั่งลำแสงที่ส่องเข้ามาในความมืดมิด ทำให้ความกระวนกระวายใจของเขาค่อยๆสงบลงมา
ค่อยเป็นค่อยไป เฟิงจิ่งเหยาที่อยู่ในอ้อมกอดกู้ฉางฉิงกลับมาสงบเหมือนเดิม ถ้าไม่ใช่สีหน้าที่ขาวซีด เวลานี้เฟิงจิ่งเหยาที่หลับสนิทใครก็คิดไม่ถึงอาการที่เคยกำเริบเมื่อกี้
กู้ฉางฉิงเห็นเฟิงจิ่งเหยาที่สงบลงมา ก็ถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่
มั่วหลีจ้องมองคนทั้งสองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณผู้ชายที่ป่วยมาตลอด และสามารถบรรเทาได้ด้วยยากล่อมประสาทเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะหลับไปอย่างสงบภายใต้การปลอบประโลมของผู้หญิงคนนี้!
ในขณะที่เธอตกตะลึง ทันใดนั้นสวนก็สว่างขึ้นมา เวลาเดียวกันพ่อบ้านก็ได้ยินเสียงสถานการณ์จึงพาคนเข้ามาทันที
“คุณชาน!”
พอเห็นเฟิงจิ่งเหยานอนสลบอิงอยู่ในอ้อมกอดของกู้ฉางฉิง ทุกคนก็เป็นกังวลขึ้นมา
เขาสั่งให้คนข้างๆลงไปพยุง ครั้งนี้กู้ฉางฉิงไม่ได้ขัดขวาง ตามพวกเขาพาเฟิงจิ่งเหยากลับไปยังห้อง
มั่วหลีใบหน้าเศร้าหมองอยู่ด้านหลังของพวกเขา
ทางด้านบ้านใหญ่ก็ได้ยินสถานการณ์ คนทั้งหมดจึงรีบเข้ามา รวมทั้งมู่เฉาเกอที่เป็นแขกของตระกูลเฟิงด้วย
“มั่วหลี คุณผู้ชายของคุณล่ะ?”
คุณนายเฟิงมาถึงทางด้านบ้านใหม่ เห็นมั่วหลีที่ยืนอยู่ในห้องรับแขก ก็กล่าวถามทันที
คนทั้งมองไปยังมั่วหลีอย่างเอาใจใส่
มั่วหลีมองพวกเขา นึกถึงภาพที่ตนเองอยากเข้าไปดูแลคุณผู้ชายแต่ถูกกู้ฉางฉิงปฏิเสธเมื่อกี้นี้ ก็กล่าวด้วยสายตาที่มีเลศนัยว่า: “คุณผู้ชายรักษาอย่างเร่งด่วนอยู่ชั้นบน คุณนายรองให้ฉันไม่ต้องขึ้นไปยุ่ง”
คุณนายเฟิงได้ยินว่ารักษาอย่างเร่งด่วน ก็ยิ่งกังวลใจอย่างมาก รวมทั้งรู้ว่าชั้นบนมีกู้ฉางซินเพียงคนเดียว
“เธอไม่ให้คุณขึ้นไป คุณก็ไม่ขึ้นไปงั้นหรอ? ตกลงคำพูดของเธอสำคัญหรือคุณผู้ชายของคุณสำคัญ?”
เธอกล่าวตำหนิด้วยท่าทีที่ไม่ดี เวลาเดียวกันก็รีบร้อนขึ้นชั้นบนไป
คนอื่นๆก็ตามหลังเธอไป เฟิงจิ้งหยวนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามอย่างสงสัยว่า: “จิ่งเหยาดีๆอยู่ทำไมอาการกำเริบได้ล่ะ?”
มั่วหลีได้ยิน ก็หลบตาแล้วตอบกลับว่า: “คือคุณนายเฟิงต้องการไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ ใครจะรู้ว่าไฟในสวนดอกไม้จะดับไปครึ่งหนึ่ง”
“ฉันรู้ว่ากู้ฉางซินหญิงชั่วคนนี้ไม่ได้มีเจตนาดี คิดจะทำร้ายจิ่งเหยาให้ตาย!”
คุณนายเฟิงฟังคำอธิบายของมั่วหลีจบ ก็โมโหจนกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน สายตานั้นราวกับจะกลืนกินคน
มู่เฉาเกอที่ตามด้านหลังทุกคน ในสายตาเต็มไปด้วยความงุนงง
เฟิงจิ่งเหยาป่วย? ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เรื่องเลย?
เธอกดความสงสัยไว้ภายในใจ แล้วตามทุกคนมายังห้องนอน
กู้ฉางฉิงเห็นพวกเขา พอลุกขึ้นเตรียมกล่าวทักทาย ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็เห็นคุณนายเฟิงก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วตบเธอ
“นังตัวหายนะ แกคิดจะทำร้านจิ่งเหยาของพวกเราให้ตายใช่ไหมห๊ะ!”
เธอจ้องมองกู้ฉางฉิงอย่างโหดเหี้ยม ในสายตามีไฟลุกโชน “ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าจิ่งเหยาของพวกเราเกิดเหตุไม่คาดคิด ฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็น!”