สองสามวันต่อมา ความวุ่นวายของตระกูลลู่พร้อมกับหัวข้อข่าวอื่นๆก็ค่อยๆหายไปบนอินเตอร์เน็ต
อย่างแน่นอน ในนี้ก็เป็นผลมาจากการต้อนรับขับสู้ของจ่านสิงเทียน
และหลายวันมานี้ กู้ฉางฉิงที่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่โรงพยาบาลก็แทบจะหายดีแล้ว
วันนี้ เป็นวันที่เธอออกจากโรงพยาบาล เฟิงจิ่งเหยาก็ตั้งใจที่จะวางมือจากการทำงาน ขับรถมารับเธอกลับไป
กู้ฉางฉิงเห็นเขา ก็ซาบซึ้งใจอย่างมาก
โดยเฉพาะนึกถึงหลายวันมานี้ เขาทำธุระเพื่อนตน
กำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นในใจฉันพังทลายอีกครั้ง อย่างหมดสิ้น
“คุณมองอะไรอยู่?”
สังเกตเห็นสายตาที่แรงกล้าของกู้ฉางฉิง เฟิงจิ่งเหยาก็อดเอียงหน้ามาถามไม่ได้
กู้ฉางฉิงสติกลับมา แววตาก็เต็มไปด้วยความหงุดหงิด รวมถึงเขินอายเล็กน้อย
เห็นแก้มขาวๆของเธอ ค่อยๆแดงขึ้นมา
“ไม่ได้มองอะไร”
เธอไม่อยากให้เฟิงจิ่งเหยาค้นพบความผิดปกติของตนเอง ก็เลยเอียงมองไปทางนอกหน้าต่างแล้วตอบ
แต่เฟิงจิ่งเหยายังพบว่ากกหูด้านหลังของเธอแดงกล่ำ รู้ได้ว่าเธอเขิน
เขาหัวเราะเบาๆ ทว่าไม่ได้ถามอะไรอีก
เพราะเขารู้ว่า ภรรยาตัวน้อยของเขานี้หน้าบาง ถ้าถามต่อไปอีก เกรงว่าจะต้องโกรธแน่ๆ
ไม่นาน ทั้งสองคนก็กลับมาที่ตระกูลเฟิง
เพราะว่าเฟิงจิ่งเหยายังต้องทำงาน ส่งกู้ฉางฉิงเสร็จก็กลับไปที่บริษัท
กู้ฉางฉิงกลับไปที่ห้อง หลังจากอาบน้ำเสร็จ จึงจัดการงานที่ถูกเธอปล่อยว่างไว้หลายวันมานี้
อย่างไรก็ตามจิตใจของเธอก็ไม่สามารถทำงานได้โดยตลอด
เธอนึกถึงเฟิงจิ่งเหยาที่ดูแลตนเองในหลายวันมานี้ วิ่งไปวิ่งมาระหว่างโรงพยาบาลกับบริษัท คนก็ดูซูบผอมลง อยากทำอะไรเล็กน้อยๆ เพื่อขอบคุณเขา
แต่เธอนึกอยู่นาน ก็ไม่รู้สึกว่าเฟิงจิ่งเหยาจะขาดอะไร
ท้ายที่สุด เธอก็คิดที่จะเข้าครัวเอง ทำอาหารจานโปรดของเฟิงจิงเหยาเพื่อตอบแทนเขา
เมื่อคิดแล้ว กู้ฉางฉิงก็เริ่มลงมือ
เธอไปหาพ่อบ้าน บอกความคิดของตนเอง เป็นธรรมดาที่พ่อบ้านจะให้ความร่วมมือ
เช่นนี้ กู้ฉางฉิงก็ยุ่งอยู่แต่ในครัว
และมั่วหลีที่ได้รับคำสั่งให้อารักขาเธอต่อ มาเห็นภาพนี้ ก็อิจฉาริษยาจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว
โดยเฉพาะเธอรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้ ความรักความผูกพันธ์ของผู้หญิงคนนี้กับคุณชายดูเหมือนจะดียิ่งขึ้น!
……
ในเย็นวันนั้น เฟิงจิ่งเหยากลับมา กู้ฉางฉิงก็ยิ้มแย้มต้อนรับ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เฟิงจิ่งเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในความกระตือรือร้นของเธอ จึงเลิกคิ้วถาม
ยังไม่รอให้กู้ฉางฉิงได้ตอบ พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆก็เผยความลับของเธอ
“คุณชาย คุณนายเห็นว่าช่วงนี้ยุ่งมากคุณวิ่งเข้าวิ่งออก จนผอมไปมาก เลยทำอาหารจานโปรดให้คุณเป็นพิเศษ ให้คุณได้บำรุงร่างกาย”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ่อนโยนลง ในใจก็มีความสุขขึ้นมาทันที
“อย่างนี้ ดูเหมือนว่าเย็นนี้ฉันจะลาภปากแล้ว”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยมองไปที่กู้ฉางฉิง แววตาเต็มไปด้วยการหยอกล้อ
แม้ว่ากู้ฉางฉิงจะถูกสายตาของเขาทำให้เขินอาย แต่ยังคงตอบกลับอย่างเหมาสม : “ทำให้คุณอยากอาหารได้ก็ดี ช่วงนี้คุณลำบากมาตลอด”
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ความรู้สึกขอบคุณในดวงตาของเธอ ยกมือขึ้นลูบหัวเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณเป็นภรรยาของฉัน การดูแลคุณก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ”
กู้ฉางฉิงตกตะลึง ไม่นานใบหน้าก็แดงขึ้นมา
หัวใจก็เต้นระรัว เต้นตุ๊บตุ๊บไม่หยุด
ภรรยาของเขา……
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินเขาพูดคำนี้
ขอเพียงแต่เป็นภรรยาของเขา เขาก็จะปฏิบัติอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ใช่ไหม?
เธอคิดเสร็จ ความสุขเดิมทีก็หายไปในฉับพลัน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นมา
เพราะเธอไม่ได้ลืม ว่าตนเองไม่ใช่ภรรยาของเฟิงจิ่งเหยาอย่างแท้จริง
รอให้กู้ฉางซินตัวจริงกลับมา เธอก็ต้องไป
และความสุขทั้งหมดที่เธอมีในตอนนี้จะเป็นของกู้ฉางซินในอนาคต
ช่วงเวลาหนึ่ง หัวใจของเธอเหมือนถูกจับไว้แน่นด้วยมือใหญ่ๆที่มองไม่เห็น ทำให้เธอหายใจยังเจ็บ
“คุณเป็นอะไรไป? สีหน้าถึงไม่น่าดูแบบนี้”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นสีหน้าเธอที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ก็กล่าวถามอย่างเป็นห่วง
กู้ฉางฉิงชำเลืองตา มองสายตาที่เป็นห่วงของเขา พยายามทำให้ตนเองไม่คิดไปไกล
ขณะนี้เธอคือกู้ฉางซิน ส่วนภายภาคหน้า เธอไม่อยากไปคิด
“ไม่เป็นไร แค่เจ็บแผลเล็กน้อย”
เธอฉีกยิ้มมุมปาก กล่าวตบตา
เฟิงจิ่งเหยาคิดว่าเรื่องจริง วางแผนจะเรียกหมอประจำครอบครัวเข้ามาดู แต่ถูกกู้ฉางฉิงปฏิเสธ
“ไม่ต้องรบกวน ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
เธอพูดพลาง ดึงเฟิงจิ่งเหยาไปห้องอาหาร “รีบทานข้าวเถอะ ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวก็จะเย็นหมด”
เฟิงจิ่งเหยาเดิมทีไม่เห็นด้วย แต่ต้านไม่ได้ที่กู้ฉางฉิงยืนหยัดบอกว่าไม่เป็นไร สุดท้ายก็ทำได้เพียงประนีประนอม
คนทั้งสองรับประทานอาหารด้วยกัน บวกกับกู้ฉางฉิงที่มีเจตนาปรับบรรยากาศให้เหมาะสม ไม่นานเฟิงจิ่งเหยาก็คลายความกังวลลง พูดเรื่อยเปื่อยกับเธอขึ้นมา
มั่วหลีมองภาพในห้องอาหารที่ปรองดองกัน ก็จิกเล็บเข้าไปในอุ้งมือ
ยิ่งเฟิงจิ่งเหยาอ่อนโยนกับกู้ฉางฉิงด้วยแล้ว ทำให้เธอไม่เข้าใจจริงๆว่า ผู้หญิงคนนี้มีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับความอ่อนโยนของเขา
โดยเฉพาะหลังจากกู้ฉางซินที่ก่อเรื่องมากมายขนาดนี้ ยังสามารถยอมรับความเมตตาของคุณผู้ชายที่มีต่อเธอได้ เธอรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับคุณผู้ชายจริงๆ
ไม่ได้ เธอไม่สามารถให้คุณผู้ชายหลงใหลได้อีกต่อไป
เธอคิดพลาง ในสายตาก็มืดครึ้มขึ้นมา
แม่ของคุณผู้ชายคอยดูผู้หญิงคนนี้มาโดยตลอดไม่ใช่หรอ?
แค่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย คุณนายเฟิงก็ต้องมีวิธีจัดการเธออย่างแน่นอน
เธอก็ไม่เชื่อว่าคุณผู้ชายจะยังสามารถฝ่าฝืนความปรารถนาของผู้อาวุโสแล้วปกป้องผู้หญิงคนนี้ได้อีก!
กู้ฉางฉิงยังไม่รู้ถึงอันตรายที่อยู่ใกล้
เธอพูดคุยกับเฟิงจิ่งเหยาอย่างมีความสุข อดไม่ได้ที่จะดื่มเหล้าเล็กน้อย
ไม่นาน เธอก็มึนเมา
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกทุกข์เมื่อกี้หรือไม่ หลังจากเมาเธอก็รบเร้าเฟิงจิ่งเหยา
“จิ่งเหยา ไปเป็นเพื่อนฉันเดินเล่นข้างนอกหน่อยสิ”
เธอเดินโซเซไปยังข้างๆเฟิงจิ่งเหยา ก้าวเท้าไม่มั่นคงจนเธอเกือบจะล้ม
โชคดีที่เฟิงจิ่งเหยามือไวตาไวประคองเธอไว้ มองใยหน้าที่ไม่รับรู้อะไรเลยของเธอ ในสายตาก็เต็มไปด้วยความจำใจ
“เมาจนขนาดนี้ คุณแน่ใจว่าจะออกไปเดิน?”
เขาพูดพลาง มองไปยังด้านนอกเล็กน้อย มีประกายในดวงตา
กู้ฉางฉิงไม่เห็น คว้าแขนของเขา พยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ไป!”
เธอพูดจบ คล้ายกับกลัวเฟิงจิ่งเหยาจะปฏิเสธ โยกแขนของเขาอย่างออดอ้อน
“ไปกัน ดีไหม?”
เฟิงจิ่งเหยามองเธอ ในสายตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดก็ตอบรับ
“โอเค ฉันจะพาคุณออกไป”
พูดจบ เขาก็ประคองกู้ฉางฉิงเดินไปยังสวนดอกไม้
พอออกจากห้องอาหาร ก็ถูกมั่วหลีขัดขวางด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
“คุณผู้ชาย ข้างนอกมืดมาก ไม่เหมาะสมที่คุณจะไป ไม่เช่นนั้นฉันออกไปเป็นเพื่อนคุณนายรองเอง”
เธอพูดจบ ก็มองกู้ฉางฉิงอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ในสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
ผู้หญิงคนนี้อยากจะทำร้ายคุณผู้ชายให้ตายหรือไง?
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สีหน้าที่เดือดดาลของเธอ รู้ว่าเธอเป็นห่วงตนเอง
แต่ เหตุผลที่เขาเห็นด้วยกับคำขอของกู้ฉางฉิงคือการพิสูจน์เรื่องหนึ่ง
“ไม่ต้องหรอก ฉันออกไปเป็นเพื่อนเธอก็พอ”
เขาพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจมั่วหลี พากู้ฉางฉิงออกไป
มั่วหลีมองภาพด้านหลังคนทั้งสองจากไป ในสายตาก็อิจฉาอย่างรุนแรงขึ้นมา
คาดไม่ถึงว่าคุณผู้ชายจะยินดีเสี่ยงภัยเพื่อหญิงชั่วคนนี้!
เธอไม่อยากเชื่อ ในขณะเดียวกันแผนการที่เป็นพิษก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจ
เธอคิดว่าเธอรู้วิธีที่จะให้คุณนายเฟิงจัดการกับหญิงชั่วคนนี้แล้ว!