คุณนายเฟิงตกใจตื่นขึ้นมา ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อเฟิงจิ่งเหยา
“จิ่งเหยา เฉาเกอช่วยฉันเลยถูกคนจับตัวไป คุณรีบส่งคนไปพาเฉาเกอกลับมาเร็ว”
ทางด้านเฟิงจิ่งเหยานี้เตรียมจะออกจากโรงพยาบาล ได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
“แม่ เกิดเรื่องขึ้นได้ยังไง? คุณพูดให้ชัดเจน”
คุณนายเฟิงรีบพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ออกมา
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
เฟิงจิ่งเหยาวางสายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
กู้ฉางฉิงที่มองอยู่ข้างๆ ก็ถามด้วยความเป็นห่วง : “จิ่งเหยาเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า พูดสั้นๆว่า : “เฉาเกอถูกจับตัวไป ตอนนี้ฉันต้องรีบกลับไปทันที”
กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็ตกตะลึง ไม่ได้ขัดขวางเฟิงจิ่งเหยา ส่งสายตามองเขาออกไป
บนทางที่เฟิงจิ่งเหยากลับไผ ก็ไม่ได้นอกเรื่อง
เขาติดต่อชวี่ยี่ก่อนเลย : “ชวี่ยี่ ตอนนี้ส่งคนไปที่สำนักงานการจราจรเพื่อควบคุมเส้นทางที่ใกล้ๆกับตระกูลเฟิง ในเวลาเดียวกันก็แจ้งความด้วย บอกว่ามีคนถูกจับตัวไป ให้พวกเขาช่วยเราตรวจสอบ”
ชวี่ยี่ได้ฟัง ก็ไม่กล้าละเลย รีบไปจัดการทันที
หลังจากเฟิงจิ่งเหยาวางสายไป ก็โทรหามั่วจุยเลย
เมื่อกี้คุณนายเฟิงโทรหาเขา ชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามมุ่งเป้าไปที่เธอ อีกทั้งเรื่องคนต่างชาติ ทำให้เขาต้องพิจารณาหลายด้าน
“มั่วจุย คุณตรวจสอบซิว่าสองวันมานี้ซิวลัวถังเข้าประเทศมาหรือเปล่า”
มั่วจุยได้ยิน ก็สงสัยเล็กน้อย : “พี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เฟิงจิ่งเหยาเล่าเรื่องการลักพาตัวออกมา สีหน้ามั่วจุยก็เปลี่ยนไป แล้วให้คนไปตรวจสอบทันที
ไม่ถึงสิบนาทีผลก็ออกมา
“พี่ น่าจะเป็นคนของพวกเขา ลูกน้องรายงานว่า พูดว่าช่วงนี้คนเหล่านั้นไม่ได้ไล่ตามพวกเขา”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ แววตาก็เย็นชาขึ้นมา
เขาวางสายไป แล้วขับรถอย่างเร็วไปที่ตระกูลเฟิง
……
และในเวลาเดียวกันนี้ ในโรงงานร้างชานเมืองของเมืองหลวง ที่ยืนอยู่เต็มไปด้วยชายชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ แต่คนเหล่านี้กำลังยืนตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่กล้าหายใจแรงเลยสักนิด
“สารเลว!”
กลางอาคารโรงงาน ชายผมทองสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเตะชายผิวดำที่จับมู่เฉาเกอมา
“กูบอกพวกมึงว่ายังไง? ให้พวกมึงไปจับยัยแก่นั่นมา แต่พวกมึงกลับ ไปจับผู้หญิงคนนี้มา มีสมองกันหรือเปล่า!”
ชายคนนั้นดุด่าน้ำเสียงเฉียบขาด ทุกคนกลั้นหายใจ เกรงว่าคนต่อไปที่จะเกี่ยวข้องก็คือตนเอง
ชายผิวดำคนนั้นกลัวมาก
ไม่กล้าลุกขึ้นมาจากพื้นเลย
ในเวลานี้ ลูกน้องที่อยู่ข้างนอกก็วิ่งเข้ามา กระซิบข้างหูชายคนนั้น
“พี่ใหญ่ ได้ข่าวจากพี่น้องด้านนอกว่า เฟิงจิ่งเหยากำลังตามหาคนให้วุ่นเลย”
ชายคนนั้นได้ฟังคำนี้ก็แปลกใจเล็กน้อย
เดิมทีเขาคิดว่ากู้ฉางฉิงกับมู่เฉาเกอเป็นคนรักของเฟิงจิ่งเหยา และไม่ได้เป็นเครื่องมือที่สำคัญ คาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญ ยังจับมาถูกคน
เพียงแต่ไม่ได้ให้คนไปหาเฟิงจิ่งเหยาทันที แต่ให้คนของพวกเขาจับตาดูการกระทำของเฟิงจิ่งเหยาต่อไป
และบทสนทนาของพวกเขา ทุกคำก็ตกอยู่ในหูของมู่เฉาเกอที่แกล้งทำเป็นหมดสติอยู่
เวลานี้ มู่เฉาเกอจึงรู้ว่าคนพวกนี้ต้องการลักพาตัวคนสำคัญๆข้างตัวเฟิงจิ่งเหยา
ช่วงเวลาหนึ่ง ในใจของเธอก็สับสนอย่างมาก
เวลานี้ ทันใดเธอก็พบว่าโดยรอบเงียบสงัดอย่างมาก
เงียบสงบจนทำให้เธอไม่สบายใจอย่างมาก
เมื่อเธอกำลังคิดว่าจะลืมตาเงียบๆแล้วมองไปดีไหม ข้างหูก็มีเสียงภาษาจีนที่พูดตะกุกตะกักดังขึ้น
“ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ไม่ต้องแกล้งหลับ ไม่เช่นนั้นฉันจะทำให้คุณหลับตลอดไป”
มู่เฉาเกอฟังคำพูดที่เต็มไปด้วยการคุกคามนี้ คนก็สั่นเล็กน้อย
เธอลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวัง เห็นในโรงเก็บของเก่ามีชาวต่างชาติยืนอยู่จำนวนไม่น้อย ทั้งพวกผีห่าซาตานแต่ละคน ยังถืออาวุธด้วย
เธอเห็นกระบอกปืนที่ดำมืดเหล่านั้น รูม่านตาก็หดตัวเล็กน้อย
ชายผมทองมองการแสดงออกทั้งหมดของเธออยู่ในสายตา ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างบ้าเลือด
“คิดๆดูแล้วคำพูดเมื่อกี้คุณก็ได้ยินแล้ว เชื่อฟังคำพูด พวกเราไม่ทำร้ายคุณหรอก”
มู่เฉาเกอหลบสายตา ในใจอดไม่ได้ที่จะมีความคิดหนึ่ง
พวกเขาต้องการจับคนที่มีความสำคัญที่สุดกับเฟิงจิ่งเหยา……..บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการกำจัดกู้ฉางซิน
เธอจัดระเบียบความรู้สึกนึกคิดรอบหนึ่ง แล้วเหลือบตามองไปยังชายผมทอง กล่าวอย่างเยือกเย็นเด็ดเดี่ยวว่า: “เมื่อกี้ฉันได้ยินคำพูดสนทนาของพวกคุณ แต่ฉันเสียใจอย่างมากที่ต้องบอกคุณว่า พวกคุณจับผิดคนแล้ว”
ชายผมทองคาดไม่ถึงว่ามู่เฉาเกอที่กำลังหวาดกลัวพวกเขา จะยังสามารถเจรจากับพวกเขาได้
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย คิดใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า: “อ้อ ยังไงล่ะ?”
มู่เฉาเกอได้ยิน สูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวด้วยเสียงที่จริงจังว่า: “ฉันจะบอกคุณให้ว่า เหตุผลที่เฟิงจิ่งเหยาเขาจะช่วยชีวิตฉัน ก็เพราะทั้งสองตระกูลของพวกเรามีความเกี่ยวข้องกันมาหลายชั่วอายุคน ถ้าหากฉันเกิดเรื่อง เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับครอบครัวพวกเราอย่างไรดี”
ชายผมทองนิ่งเงียบไป รอยยิ้มที่มุมปากค่อยๆจางลง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอันตรายอย่างมาก
มู่เฉาเกอเห็น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสั่นระริก แต่นึกถึงแผนการของตัวเอง ก็ยังคงเผชิญสายตา
“ฉันไม่รู้นะว่าคุณอยากได้อะไรจากในมือของเฟิงจิ่งเหยา แต่พวกคุณอย่างใช้ฉันมาเพื่อคุกคามเขาซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้สนใจฉันเหมือนกับที่พวกคุณคิดแม้แต่น้อย ในสายตาของเขา ฉันเป็นได้มากที่สุดก็คือน้องสาวเท่านั้น”
เธอพูดพลาง บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “ผู้หญิงที่เขาสนใจ จึงไม่ใช่ฉัน แต่เป็นอีกคน”
ชายผมทองฟังแล้ว ก็ให้ความสนใจ กล่าวถามว่า: “งั้นคนที่เขาสนใจเป็นใคร? คุณบอกมาสิ”
มู่เฉาเกอเห็นเขาถูกตนเองดึงดูดให้สนใจ ในสายตาของฉันก็ปรากฎแสงสลัวอย่างรวดเร็ว กัดฟันกล่าวว่า: “ถ้าฉันบอก คุณจะปล่อยฉันไหม?”
แน่นอน เธอก็ลองถามหยั่งเชิง อันที่จริงในใจของเธอก็รู้ว่า ต้องการจะให้คนปล่อยเธอมันเป็นไปไม่ได้
และความจริงก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ ชายผมทองไม่ได้รับปากกับเธอ เพียงแค่ตอบอย่างคลุมเครือ
“คุณพูดมาก่อน ส่วนจะปล่อยหรือไม่ปล่อยคุณ ต้องดูอารมณ์ของฉัน”
เขาคิดใคร่ครวญแล้วเอ่ยปาก ในสายตาเต็มไปด้วยความสนใจมู่เฉาเกอ
มู่เฉาเกอไม่ได้สังเกตเห็น พูดเรื่องกู้ฉางฉิงออกมาอย่างยอมรับชะตากรรม
“ผู้หญิงที่เฟิงจิ่งเหยาสนใจ คือกู้ฉางซิน”
ชายผมทองได้ฟังชื่อนี้อีกครั้ง ในสายตาก็แปลกใจและงุนงง
“เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเฟิงจิ่งเหยา?”
มู่เฉาเกอกล่าวตอบกลับว่า: “เธอเป็นภรรยาของเฟิงจิ่งเหยา เฟิงจิ่งเหยาให้ความสนใจกับเธออย่างมาก”
พอพูดคำนี้ออกมา ชายผมทองก็ประหลาดใจ
“เฟิงจิ่งเหยาแต่งงานแล้วหรอ? ทำไมไม่ทีใครรู้?”
ที่สำคัญที่สุดคือข่าวที่ลูกน้องของเขาตรวจสอบก็ไม่มีเรื่องนี้
มู่เฉาเกอกล่าวอย่างไม่สนใจว่า: “คนที่รู้เรื่องนี้เดิมทีแล้วมีไม่มาก”
เธอพูดพลาง ก็ชี้แจงเรื่องที่ตนเองรู้ เหมือนกับดึงดูดให้สนใจกู้ฉางฉิง
ใครจะรู้ว่า ผู้ชายไม่ได้ส่งคนไปจับกู้ฉางฉิงในทันที แต่กลับจ้องมองไปที่เธออย่างเต็มไปด้วยความสนใจ
เขาเดินสองสามก้าวมายังตรงหน้ามู่เฉาเกอ เชยคางเธอขึ้น ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คุณผู้หญิง คุณพูดมากมายขนาดนี้ ไม่กลัวว่าพอคุณไม่มีประโยชน์กับฉันแล้ว ฉันจะฆ่าคุณทิ้งหรอ?”
มู่เฉาเกอเห็นใบหน้าที่ลึกลับของเขา ในสายตาก็หวาดกลัวเล็กน้อย แต่ก็ถูกเธอระงับไว้อย่างรวดเร็ว
“ไม่กลัว!”