เย่าซือได้ยิน ชำเลืองมองคนทั้งสอง หัวเราะเบาๆพูดว่า : “ให้ฉันรับปากพวกคุณไม่ใช่ว่าไม่ได้ เพียงแต่อย่างน้อยก็ทำให้ฉันรู้ว่าแฟลชไดร์ฟอยู่ในมือของพวกคุณในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์หรือเปล่า มิฉะนั้นใครจะรู้พวกคุณอาจจะหลอกฉันก็ได้”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็แข็งทื่อ
ต้องบอกก่อนว่า เดิมทีในมือเขาไม่มีแฟลชไดร์ฟที่อีกฝ่ายต้องการ ขอเพียงแต่เอามันออกมา ก็จะถูกเปิดเผยได้เลย
กู้ฉางฉิงก็กระวนกระวายใจ
เพราะเธอรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่มีแฟลชไดร์ฟอยู่ในมือ
เธอกวาดสายตาไปมองเย่าซือ แล้วบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง
“จิ่งเหยา อย่า”
เธอห้ามเฟิงจิ่งเหยา ในเวลาเดียวกันก็พูดกับเย่าซือว่า : “แฟลชไดร์ฟสีทองนั่น มันสำคัญขนาดนั้น คุณคิดว่าใครจะนำติดตัวมาด้วยล่ะ?”
เย่าซือเห็นกู้ฉางฉิงระบุสีของแฟลชไดร์ฟได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ดวงตาก็สว่างไสว บอกได้ชัดเจนว่าของยังอยู่ในมือของพวกเขา
เขาชายตามองกู้ฉางฉิง แล้วสายตาก็หันไปตกที่เฟิงยิ่งเหยา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ตอบรับข้อเรียกร้องของพวกคุณได้ ปล่อยคุณกู้ไปก่อน”
เขาพูดจบ ส่งสัญญาณให้ลูกน้องข้างๆ ให้ปล่อยกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงเป็นอิสระ ก็วิ่งไปทางเฟิงจิ่งเหยาทันที
“ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นกู้ฉางฉิงเดินเข้ามา ก็เป็นห่วงเป็นใยเป็นอย่างแรก
กู้ฉางฉิงได้ฟัง ก็ซาบซึ้งใจ ส่ายหัวพูดว่า : “วางใจเถอะ พวกเขาไม่ได้ลงไม้ลงมือกับฉัน”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเธอบอกว่าไม่เป็นไรจากปากของเธอเอง ความกังวลในใจก็ถูกวางลงมา
เย่าซือเฝ้าดูทั้งสองอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้รบกวน
เขารอสักพัก จึงพูดอีกครั้งว่า : “เอาล่ะ คุณเฟิง ในเมื่อฉันปล่อยแล้ว คุณควรจะพาฉันไปเอาของได้แล้วใช่ไหม?”
กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็มองไปทางเฟิงจิ่งเหยาโดยจิตใต้สำนึก
เฟิงจิ่งเหยาสีหน้าไม่เปลี่ยน พยักหน้าพูดว่า : “เป็นธรรมดา”
เย่าซือเห็นเช่นนี้ ก็หรี่ตามอง ก็โบกมือให้คนเตรียมรถ
“ทั้งสองท่าน เชิญ”
รถมาแล้ว เย่าซือก็เชิญสองคนขึ้นรถ
กู้ฉางฉิงมองเฟิงจิ่งเหยา เหมือนบอกใบ้ถามเขาว่าจะทำอย่างไรดี
เฟิงจิ่งเหยามองเธอด้วยสายตาสงบ แล้วพาเธอขึ้นรถ
“ที่อยู่!”
หลังจากขึ้นรถ เย่าซือก็ให้เฟิงจิ่งเหยาบอกที่อยู่
เฟิงจิ่งเหยาบอกว่าเป็นโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่เชิงเขา เย่าซือไม่ลังเลให้คนขับตรงไปให้เขาเลย
ไม่ถึงสิบนาที ก็มาถึงโรงเตี๊ยม
เพราะเป็นจุดชมวิวของโรงเตี๊ยม บ้านจะแยกออกจากกัน
เย่าซือไม่ได้ให้เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางฉิงลงจากรถทันที แต่ให้ลูกน้องไปตรวจโดยรอบ
“พี่ใหญ่ ไม่มีการซุ่มโจมตี”
หลังจากนั้นไม่กี่นาที คนสนิทของเขาก็เดินมารายงานที่หน้าต่างรถด้วยความเคารพ
เย่าซือจึงส่งสัญญาณให้เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางฉิงลงจากรถ
“ไปเถอะ เอาแฟลชไดร์ฟมาส่งให้ฉัน แล้วพวกคุณก็จะเป็นอิสระ”
กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็มองไปทางเฟิงจิ่งเหยาอย่างตึงเครียด ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรให้เย่าซือ
ท้ายที่สุดแล้วเฟิงจิ่งเหยา ไม่สังเกตเห็นความตึงเครียดของเธอเลยแม้แต่นัอย จูงกู้ฉางฉิงเดินไปที่ห้องของโรงเตี้ยม
เย่าซือเดินตามหลังอย่างระวังตัว
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้อง เฟิงจิ่งเหยาเปิดไฟ แสงในห้องสว่างขึ้นมาเล็กน้อย
เย่าซือยืนอยู่ที่ประตูและมองไปที่ห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อย สายตาเน็นชามองไปที่เฟิงจิ่งเหยา
“ของล่ะ?”
เฟิงจิ่งเหยาตอบกลับด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง : “รอเดี๋ยว”
พูดจบ เขาก็จูงกู้ฉางฉิงเดินไปที่โต๊ะน้ำชาในห้อง ทำท่าทางเหมือนต้องการจะเอาของในนั้น
ใครจะรู้ เขาไม่ได้หยิบแฟลชไดร์ฟอะไรหรอก แต่เขาหยิบกาน้ำชาแล้วทุบใส่เย่าซือทันที
เย่าซือเห็นของที่ถูกโยนเข้ามา ก็เอียงหน้าโดยจิตใต้สำนึก
เช่นนี้ เฟิงจิ่งเหยาดึงกู้ฉางฉิงกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่างห้องอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่โรงเตี๊ยมนี้เป็นชั้นสอง ไม่สูงมาก
คนทั้งสองกระโดดลงจากหน้าต่าง จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เฟิงจิ่งเหยายังไม่วางใจกล่าวถามว่า: “บาดเจ็บตรงไหนไหม?”
กู้ฉางฉิงส่ายหน้า กำลังจะพูด สายตาก็เหลือบไปเห็นเย่าซือไล่ตามมาถึงหน้าต่าง
“ฉันไม่เป็นไร รีบหนีเถอะ*
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาก็เห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของเย่าซือ ดึงกู้ฉางฉิงแล้ววิ่ง
เย่าซือเห็นเงาคนทั้งสองวิ่งไป ไม่รู้ว่าตนเองถูกหลอกได้ยังไง ในใจก็โกรธอย่างรุนแรง
“ไล่ตามไป!”
เขาสั่งด้วยเสียงเฉียบขาด ลูกน้องทั้งหมดรับคำสั่งทันที
เฟิงจิ่งเหยาเห็นพวกเขาไล่ตามมา ดึงกู้ฉางฉิงวิ่งมุ่งไปยังป่า อาศัยความมืดในยามราตรีหลบซ่อนพวกเข้าได้เล็กน้อย
“หยุด!”
“จะบ้าตาย หยุดให้กูเถอะ!”
ชายรูปร่างสูงใหญ่ชาวต่างชาติเหล่านั้นไม่รู้จักภูมิประเทศของภูเขาจินหยางนี้อย่างถ่องแท้ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่กับอุปสรรคทางธรรมชาติในป่าแห่งนี้ ก็ลำบากยุ่งยากอย่างมาก พูดไปด่าเฟิงจิ่งเหยาและกู้ฉางฉิงไปด้วย
เฟิงจิ่งเหยาไม่สนใจพวกเขาโดยสิ้นเชิง มองหาทิศทางหนึ่งแล้วดึงกู้ฉางฉิงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
กู้ฉางฉิงไม่เคยมีประสบการณ์การหนีแบบนี้ เธอเวลานี้ ทั้งหวาดกลัวทั้งตึงเครียด ยิ่งเห็นคนด้านหลังที่ยิ่งเข้ามาใกล้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวน
“จิ่งเหยา เขา….พวกเขาไล่ตามมาแล้ว”
เธอกล่าวด้วยเสียงที่สั่นอย่างตื่นตระหนก
เฟิงจิ่งเหยาสังเกตเห็นถึงความหวาดกลัวของเธอ อดไม่ได้ที่ตะจับมือของเธอเอาไว้แน่น
“เชื่อฉัน จะไม่เกิดเรื่องขึ้น!”
เขาปลอบโยนด้วยเสียงที่จริงจัง แววตาที่เด็ดเดี่ยวทำให้กู้ฉางฉิงตกใจเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันใจที่สับสนอลหม่านก็ค่อยๆสงบลงมา
“อื้ม!”
เธอพยักหน้าอย่างแน่วแน่ แสดงเจตนาว่าเชื่อมั่นเขา
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเช่นนี้ ก็ดึงเธอให้วิ่งต่อไป ในเวลาเดียวกันก็กดเครื่องสื่อสารไร้สายที่อยู่บนตัว
“ชวี่ยี่ ตอนนี้ฉันกำลังกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณรีบนำคนเข้ามาทันทีเลย”
“ครับ!”
ชวี่ยี่รับคำสั่ง ทันทีก็นำคนเข้าไปสนับสนุนก่อน
กู้ฉางฉิงได้ยินว่าชวี่ยี่จะเข้ามาสนับสนุน ใจที่กังวลก็ปล่อยวางลงโดยสิ้นเชิง
เธอผ่อนคลายร่างกายที่แข็งเกร็ง โดยไม่รู้สึกถึงวิกฤตเมื่อกี้ ซึ่งทำให้รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทางร่างกายในทันที และเท้าก็ดูเหมือนจะหนักอึ้ง
“อ๊า——”
เวลานี้ เธอสะดุดเถาไม้แห้ง คนเซล้มลงไปข้างหน้า
เฟิงจิ่งเหยาถูกเธอลากเซตามไปสองก้าว แต่ไม่ได้ล้มลง
“ฉางซิน ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฟิงจิ่งเหยารีบตรวจสอบกู้ฉางฉิง เวลาเดียวกันก็พยุงเธอขึ้นมา
“ไม่เป็นไร!”
กู้ฉางฉิงส่ายหน้า ใช้กำลังเฟิงจิ่งเหยาในการลุกขึ้น ในเวลาเดียวกันคนที่ไล่ตามพวกเขามาก็ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“จิ่งเหยา พวกเราวิ่งเร็วเข้า”
เธอคว้าเฟิงจิ่งเหยา หันตัวต้องการจะวิ่ง
เวลานี้ เฟิงจิ่งเหยาก็ได้ยินเสียงที่อึดอัดใจ ในอากาศที่ตึงแน่นคล้ายกับมีเสียงอะไรที่แตกขาด
สีหน้าของเขาหวาดหวั่นอย่างรุนแรง โผเข้าไปหากู้ฉางฉิง
“อื้อ!”
เขากอดกู้ฉางฉิงแน่น ตัวสั่นเล็กน้อย ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนบ่าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะร้องอื้อออกมา
ในความมืด มีกระสุนนัดหนึ่งยิงเข้าไปที่ไหล่ขวาของเขา
กู้ฉางฉิงไม่ได้ยินเสียงกระสุนปืน ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาได้รับบาดเจ็บ
“เป็นอะไรไป?”
เธอรู้สึกถึงการกระทำที่ผิดปกติของเฟิงจิ่งเหยาด้วยจิตสำนึก จึงเอียงหน้าไปกล่าวถาม
เฟิงจิ่งเหยาอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนบ่า ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า: “ไม่เป็นไร รีบวิ่งไป!”
เขาพูดจบ ก็ไม่รอให้กู้ฉางฉิงถามอีก ดึงเธอแล้ววิ่งไปอีกครั้ง
เพียงแต่จากถนนเส้นทางเล็กๆจากจุดเริ่มต้นเปลี่ยนเป็นเส้นทางภูเขา
แน่นอนว่าการวิ่งแบบนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการลั่นไกอีกครั้งจากคนด้านหลัง
เขาไม่คาดคิดว่าคนเหล่านี้ ตะใจกล้าเช่นนี้ นำปืนส่วนตัวเข้ามาในอาณาเขตก็มากแล้ว ยังจะกล้าลั่นไกอีก!