กู้ฉางฉิงถูกเฟิงจิ่งเหยากอดไว้แน่น ในเวลาเดียวกันก็พบการเปลี่ยนไปในตัวเฟิงจิ่งเหยา ทั้งเขินทั้งโกรธ
“ปล่อยฉันนะ!”
เธอดิ้นรนต้องการจะหลุดออก
ทว่าไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้ลมหายใจของเฟิงจิ่งเหยาปั่นป่วนขึ้นมา
“อย่าขยับสิ ให้ฉันกอดสักพักนะ”
แม้ว่าเมื่อคืนนี้เฟิงจิ่งเหยาอยากจะจัดการคนในอ้อมกอด แต่ร่างกายอนุญาตซะที่ไหน
เขากอดกู้ฉางฉิงไว้แน่น ฝังศีรษะเข้าไปที่คอของกู้ฉางฉิงแล้วดูดดื่มความหวานบนร่างกายของกู้ฉางฉิงอย่างดุเดือด
กู้ฉางฉิงใช้ชีวิตกับเขามานานขนาดนี้แล้ว จะไม่รู้สภาพการณ์ตอนนี้ของเชาได้อย่างไร
เธอรู้สึกโชคดีมากที่เวลานี้เฟิงจิ่งเหยาได้รับบาดเจ็บ มิเช่นนั้นถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอต้องถูกผู้ชายคนนี้ทรมานจนหมดเรี่ยวหมดแรงไปแล้ว
คิดเสร็จ เธอก็เลยให้เฟิงจิ่งเหยากอดไว้ รอให้เขาสงบลง แล้วค่อยทำความสะอาดใหม่อีกครั้ง
สองสามวันต่อมา กู้ฉางฉิงอยู่โรงพยาบาลดูแลเฟิงจิ่งเหยา
วันนี้ บาดแผลของเฟิงจิ่งเหยาสามารถตัดไหมแล้วออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ทั้งสองก็วางแผนที่จะออกมา
เพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อบาดแผลของเฟิงจิ่งเหยา กู้ฉางฉิงก็ให้เฟิงจิ่งเหยานั่งพักอยู่ข้างๆ แล้วเก็บข้าวของให้เขาเอง
เฟิงจิ่งเหยามองดูเธอที่กำลังยุ่งอยู่ ดูราวกับว่าพวกเขาใช้ชีวิตสามีภรรยาด้วยกันมาราวสิบกว่าปีแล้ว
ถึงแม้ว่ากู้ฉางฉิงไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเฟิงจิ่งเหยา แต่เมื่อเธอต้องการอะไร เฟิงจิ่งเหยาก็จะหยิบส่งไปให้เสมอ
ความเข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยปากนี้ฉับพลันก็ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกหวานชื่นในใจ
มั่วหลีกำลังจัดแผนการเดินทางเพื่อกลับไป เมื่อกลับมาที่ห้องผู้ป่วยก็เห็นภาพภาพนี้ ก็อิจฉาริษยาจนตาแดงกล่ำ แต่เพราะเฟิงจิ่งเหยาจึงอดทนอย่างมาก
เธอกำหมัดแน่น หน้าตาบึ้งตึงเคาะประตูห้องผู้ป่วย : “คุณผู้ชาย รถเตรียมพร้อมแล้ว พร้อมออกเดินทางได้ทันที”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ ก็เก็บสีหน้าที่อ่อนโยนไปในชั่วพริบตา
มั่วหลีเห็นก็ยิ่งเจ็บปวดใจจนยากที่จะทน
ทำไม ทำไมต้องกลายเป็นเช่นนี้ด้วย?
เธอถามอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง ทว่าไม่กล้าเปิดเผยอารมณ์ออกมาเลยแม้แต่น้อย
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ถึงความโกรธในใจของเธอ หลังจากชำเลืองมองเธอแล้ว ก็หันไปมองกู้ฉางฉิงแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า : “เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหม?”
กู้ฉางฉิงมองกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างๆ รู้สึกว่าใช้ได้แล้ว จึงพยักหน้า
“ไปกันเถอะ”
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้าและช่วยเธอขนกระเป๋า
กู้ฉางฉิงเป็นห่วงแผลของเขา ไม่ยอม ทว่าก็ถูกปฏิเสธ
“วางใจเถอะ ฉันไม่หยิบหรอก”
เฟิงจิ่งเหยาจับมือกู้ฉางฉิง สำหรับความเป็นห่วงของกู้ฉางฉิง ในใจก็ซาบซึ้งอย่างมาก
หางตาเขาก็กวาดไปที่มั่วหลีที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตู พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : ย้ายกระเป๋าเดินทางลงไปด้วย”
พูดจบ เขาก็ดึงกู้ฉางฉิงเดินตรงออกไปจากห้องผู้ป่วย
มั่วหลีมองภาพทั้งสองคนที่เดินจากไป นึกถึงน้ำเสียงเย็นชาของคุณผู้ชายเมื่อกี้นี้ ก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
ดวงตาคู่นั้นมองคนทั้งสองอย่างคับแค้นใจ ผสมผสานทั้งความหึงหวงและไม่ยอม แต่เธอยังคงกัดฟันทำตามที่สั่ง
หลังจากที่ทั้งสามคนกลับมาถึงโรงแรม กู้ฉางฉิงก็ดูแลเฟิงจิ่งเหยาให้พักผ่อนที่โซฟา
ถึงแม้ว่าแผลจะตัดไหมได้แล้ว แต่ยังต้องพักผ่อนอย่างสงบ
เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้ฝ่าฝืนความหวังดีของกู้ฉางฉิง
เขาเอนพิงโซฟา ทันทีที่เห็นมั่วหลีนำกนะเป๋าเดินทางเข้ามา ก็ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรได้ ก็เรียกคนให้หยุด
“มั่วหลี”
น้ำเสียงเย็นชา ทำให้มั่วหลีใจสั่น
“คุณผู้ชาย มีอะไรจะสั่งหรอ?”
เธอวางกระเป๋าเดินทาง ถามด้วยความเคารพ
เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “วันนี้คุณก็กลับไปทางด้านมั่วจุยนั่น ฉันจะให้เขาจัดหาคนมาใหม่”
มั่วหลีฟังถึงคำพูดนี้ เงยหน้ามองอย่างตกตะลึง ในสายตาเต็มไปด้วยตื่นตระหนก
“คุณผู้ชาย คุณไล่ฉันหรอ?”
กู้ฉางฉิงกลับมาจากรินน้ำให้เฟิงจิ่งเหยาแล้วได้ยินคำพูดนี้ ก็แปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ถอนหายใจโล่งอกอย่างมาก
ถึงอย่างไรหากมั่วหลีอยู่ต่อไปก็ทำในใจขอวเธอไม่สงบอย่างมาก
ผู้หญิงคนนี้สำหรับเธอไม่ได้เป็นเป้าหมายง่ายๆแล้ว แต่ทว่ายังต้องการชีวิตของเธออีก!
เธอคิดถึงตรงนี้ ในใจก็เคียดแค้นขึ้นมา
ดังนั้นบทสนทนาของคนทั้งสอง เธอก็ไม่ได้เข้าร่วม กลังจากส่งน้ำอุ่นให้เฟิงจิ่งเหยาแล้ว เธอก็นำกระเป๋าสัมภาระไปที่ห้อง หลายวันไม่ได้กลับมา ด้านในยังต้องจัดการให้เป็นระเบียบ
อีกอย่าง เธอเชื่อว่าเฟิงจิ่งเหยาจะสามารถจัดการเรื่องนี้ให้ดีได้
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ความคิดภายในใจของกู้ฉางฉิง เห็นเธอกลับไปที่ห้องแล้ว สายตาก็มองไปยังมั่วหลีที่ใบหน้าน้อยใจ
“อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวของคุณส่งผลต่อการทำงานครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ข้างๆฉันแล้ว ฉันจะให้มั่วจุยจัดส่งคนอื่นมารับหน้าที่แทน”
มั่วหลีฟังแล้ว ก็ตะลึงในชั่วพริบตา
“คุณผู้ชาย ฉันสำนึกผิดแล้ว ข้อร้องคุณอย่าไล่ฉันไปเลย”
เธออ้อนวอนเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยานิ่งไม่ขยับ
มั่วหลีร้อนใจไม่น้อย มันยากสำหรับเธอที่จะมีโอกาสทำสิ่งต่างๆเคียงข้างคุณผู้ชาย
ในใจเธอชัดเจนอย่างมาก ถ้าครั้งนี้เธอถูกไล่ไป หากภายหลังต้องการจะกลับมาข้างๆคุณผู้ชาย ก็เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
คิดพลาง เธอก็กวาดหางตาไปยังกู้ฉางฉิงที่กำลังยุ่งอยู่ในห้อง
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าทำไมคุณผู้ชายถึงต้องไล่เธอไป ถึงแม้ภายในใจจะโกรธอย่างมาก เธอก็ยังอดกลั้นกัดฟันกล่าวว่า: “ฉันรู้ว่าคุณผู้ชายตำหนิฉันที่ไม่สามารถคุ้มกันคุณนายรองให้ดีได้ ทำให้คุณนายรองตกอยู่ในอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ขอร้องคุณผู้ชายให้โอกาสฉันได้แก้ตัวอีกสักครั้ง ขณะนี้เจ้าหมอนั่นยังไม่ตายใจโดยสิ้นเชิง พวกเขาจะต้องลงมืออีกครั้งเป็นแน่ ฉันรับรองว่าฉันจะคุ้มกันคุณนายรองอย่างสุดความสามารถ จะไม่มีไม่ซื่อสัตย์อีกแน่นอน!”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยิน ดวงตาก็เคร่งขรึม
ไม่พูดไม่ได้ว่า คำพูดของมั่วหลีเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจเขา
คนเหล่านั้นยังไม่ถูกจัดการ กู้ฉางซินก็สามารถตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเวลา
ในตอนแรกที่ย้ายมั่วหลีมา ก็เพราะว่าเธอเป็นบุคคลที่ดีที่สุดทีได้รับการคัดเลือกให้มาคุ้มกันกู้ฉางฉิง
มั่วหลีเห็นเฟิงจิ่งเหยาไม่พูดจา ในใจก็มีความลังเลใจ อดไม่ได้ที่จะดีใจ รู้สึกมีความหวัง
เธออยากจะใช้วาทศิลป์อีกครั้ง สุดท้ายยังไม่ได้เอ่ยปาก ก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาตัดบท
“ให้คุณอยู่ไม่ให้อยู่ ไม่ได้อยู่ที่ฉัน”
ถึงแม้เฟิงจิ่งเหยาจะอยากให้มั่วหลีอยู่ต่อไป แต่ก็ยังครุ่นคิดถึงกู้ฉางฉิง
มั่วหลีเข้าใจถึงในความหมายนี้ ความดีอกดีใจในสายตาก็แข็งทื่อไป
ถามกู้ฉางซินหญิงชั่วคนนั้น ไม่ต้องคิด เธอรู้ว่าหญิงชั่วคนนั้นไม่ยอมให้อยู่ต่ออย่างแน่นอน
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
กู้ฉางฉิงไม่อยากให้มั่วหลีอยู่ต่อ แต่มองออกว่าเฟิงจิ่งเหยาต้องการให้คนอยู่ต่อ
ถึงแม้จะรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะทำเพื่อประโยชน์ต่อตนเอง แต่ในใจก็ยังไม่สบายใจ
“ฉันยังไงก็ได้ นี่เป็นคนของคุณ คุณจะให้เธออยู่ก็อยู่”
เธอเม้มริมฝีปาก เอ่ยปากอย่างแฝงไปด้วยความโกรธเล็กน้อย
เฟิงจิ่งเหยาฟังออก แต่ก็กังวลอยู่ภายในใจ เขาไม่สามารถทำตามความคิดของกู้ฉางฉิง จัดการให้มั่วหลีไปได้
“เช่นนั้น ฉันก็จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดอีก คุณต้องไสหัวกลับต่างประเทศไปทันที”
เขากล่าวเตือนมั่วหลีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
มั่วหลีดีใจ พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้มองอยู่ในสายตา โบกมือให้เธอออกไป วางแผนที่จะอธิบายกับคนที่อยู่ในอ้อมแขนว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น
เพราะเมื่อกี้ที่เขาพูดว่าจะให้มั่วหลีอยู่ เขาก็รับรู้ได้ถึงคนในอ้อมกอดนิ่งไปชั่วขณะ สีหน้าไม่แสดงความรู้สึก
ถึงแม้ว่ามั่วหลีไม่อยากจะจากไป แต่ก็ยังรับคำสั่งแล้วออกจากห้องไป
พอเธอไปแล้ว เฟิงจิ่งเหยาก็ให้กู้ฉางฉิงมานั่งลงตรงหน้าตนเอง
“โกรธหรอ?”