ประเทศM ณ สนามบินWrangell
กู้ฉางฉิงที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับกู้ฉางฉิงสวมกระโปรงสั้นสีอ่อน สวมแว่นตาดำ เดินอย่างเย่อหนิ่งลากกระเป๋าเดินทางไปขึ้นเครื่อง
ปลายทางบนตั๋วเครื่องบินคือเมืองหลวงประเทศZ
ใช่ เธอวางแผนจะกลับมาที่ประเทศ แต่ยังคงกลับมาอย่างลับๆ
“ไม่ต้องแจ้งให้ทราบ ฉันกลับมาไม่มีผลกระทบต่อแผนการของเราหรอก”
เธอโทรศัพท์พูดคุยกับกู้หงเซิน
“ได้ เชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
แน่นอนว่ากู้หงเซินเชื่อฟังคำพูดของลูกสาว จึงพยักหน้าตอบรับ
กู้ฉางซินเบะปาก ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดี
“งั้นแค่นี้นะ ฉันขึ้นเครื่องก่อน”
กู้หงเซินพยักหน้า แล้วพูดกำชับว่า : “ระวังความปลอดภัยด้วย รอมาถึงแล้ว ฉันจะไปรับคุณ”
กู้ฉางซินพยักหน้า แล้ววางสายทันที
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ กู้ฉางฉิงไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอถูกจับตาดูอีกครั้ง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน หยิบนามบัตรที่หลี่ม่านมอบให้เธอ แล้วครุ่นคิดพิจารณา
เวลานี้ต้องตีเหล็กในขณะที่ร้อน รับการสัมภาษณ์สองสามอัน ไม่ต้องสงสัยมันจะเป็นประโยชน์ต่อการออกแบบในอนาคตของเธออย่างมาก
โดยเฉพาะนิตยสารสองสามแห่งนี้ที่ต้องการนัดเขียนบทความกับเธอไม่ใช่นิตยสารขนาดเล็ก แน่นอนว่าล้วนมีชื่อเสียงในวงการ
ก็เพราะเช่นนี้ เธอจึงลังเลไม่กล้าตัดสินใจ ไม่รุ้ว่าควรจะเลือกใคร
ท้ายที่สุด ตอนเย็นเธอก็ตัดสินใจถามเฟิงจิ่งเหยา
เช่นนี้ เธอจึงวางสิ่งนี้ไว้ข้างๆก่อน แล้วหันกลับไปเข้าสู่การวาดแบบร่าง
อย่างไรเสียถ้ารับนัดเขียนบทความ เธอก็ยังจำเป็นต้องหยิบแบบร่างที่ดีออกมา
ถึงตอนเย็น เฟิงจิ่งเหยาเลิกงานกลับมา ก็เห็นกู้ฉางฉิงยังคงำงานอยู่
ร่างเพรียวในยามพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ดูอบอุ่นเป็นพิเศษ ทำให้ในใจเขารู้สึกอิ่มเอม
“ยังทำงานไม่เสร็จหรอ?”
เขาเดินไปข้างหน้าแล้วกอดคนไว้ในอ้อมกอด
กู้ฉางฉิงได้รับลมหายใจของเขา สติค่อยๆกลับมา
“คุณเลิกงานแล้วหรอ?”
เธอพูดจบ เหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะ ก็พูดอย่างตกใจ : “โอ้มายก็อด หกโมงแล้ว ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย คุณรอฉันหน่อยนะ”
พูดจบ เธอก็ดิ้นออกจากอ้อมกอดของเฟิงจิ่งเหยา แล้วรีบเดอนไปที่ห้องน้ำ
เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้ขัดขวาง มองท่าทางเธอที่ตื่นตระหนก ด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
ในทันทีที่เขามองภาพวาดของกู้ฉางฉิง แววตาก็ประหลาดใจ
เห็นบนสมุดวาดภาพเป็นชุดฮั่นฝูในชีวิตประจำวันที่ถูกปรับปรุงพัฒนาต่อๆไป สวยงามมาก เหมาะกับรสนิยมของเด็กสาวในสมัยนี้
ในเวลาเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ รู้สึกเสมอว่าที่กู้ฉางฉิงไปเรียนด้านการเงินในตอนแรก อาจมีคนกลบฝังพรสวรรค์ของเธอไว้
เขาคิดเรื่อยเปื่อยเสร็จ ทางด้านกู้ฉางฉิงนี้ก็เตรียมตัวเกือบเสร็จแล้ว
เธอสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อน ผมยาวสีดำของเธอถูกดึงรวบไปไว้ด้านหลัง เหลือปอยผมนิดๆหน่อยที่ร่วงอยู่ที่แก้มสองข้าง
เพราะว่าเวลามีไม่มากแล้ว เธอจึงไม่ได้แต่งหน้าปราณีตนัก แต่ดูเหมือนว่าเธอยิ่งสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
“ฉันเสร็จแล้ว!”
เธอปรากฏตัวอีกครั้งในห้องด้วยการเปลี่ยนรูปโฉมใหม่
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ความงดงามของเธอ แววตาก็เป็นประกาย
“สวยมาก”
เขาอมยิ้มชื่นชม ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ฉางฉิงสดใสยิ่งขึ้น
“ไปกันเถอะ ฉันจองห้องอาหารไว้แล้ว”
เธอจับเฟิงจิ่งเหยาแล้วเดินไปที่ประตู
มั่วหลีมองดูทั้งสองคนลงไปที่ชั้นล่าง ก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันที
เธอกวาดสายตามองกู้ฉางฉิงที่งดงาม ในแววตาก็ริษยา แต่ไม่นานเธอก็เก็บกลับมา แล้วก็หันไปมองเฟิงจิ่งเหยา
“คุณผู้ชาย จะออกไปข้างนอกหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยามองเธออย่างเย็นชา พยักหน้าแล้วกล่าวว่า: “อืม คุณเฝ้าอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องตามไป”
มั่วหลีเม้มริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย
“ได้ยังไงกัน? ถ้าหากว่า……”
“หืม?”
คำพูดของเธอยังไม่จบ ก็ถูกเสียงที่จมูกของเฟิงจิ่งเหยาทำให้ตกใจจนไม่กล้าพูดอีกต่อไป
“ไปกันเถอะ!”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอไม่พูดจา หันไปเอ่ยปากกับกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงพยักหน้า ออกไปกับเฟิงจิ่งเหยา
มั่วหลีมองภาพด้านหลังคนทั้งสองจากไป ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
ยิ่งจ้องมองภาพด้านหลังกู้ฉางฉิงด้วยแล้ว แทบอยากจะจ้องมองจนร่างกายเธอทะลุเป็นสองรู
กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นทั้งหมด แต่ไม่ได้สนใจ ตามเฟิงจิ่งเหยาไปขึ้นรถแล้วมุ่งไปยัฃร้านอาหารที่จองไว้
คนทั้งสองออกไป ชายที่เดิมทีเฝ้าติดตามอยู่ด้านนอกเงียบๆมาโดยตลอด ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ติดตามไป
เฟิงจิ่งเหยาและกู้ฉางฉิงล้วนไม่รู้ คนทั้งสองลงจากรถไปยังร้านอาหารระดับไฮเอนด์ร้านหนึ่งในเขตเมือง
รออาหารที่สั่งไปเรียบร้อยแล้ว คนทั้งสองก็คุยกันเรื่อยเปื่อย
พูดคุยไปพลาง กู้ฉางฉิงก็นึกถึงการสัมภาษณ์ ก็เลยพูดออกมาให้เฟิงจิ่งเหยาฟัง ต้องการให้เขาออกความคิดเห็นให้ตนเอง
“คุณลองบอกสิว่า ในสองสามบริษัทนี้ฉันควรจะเลือกรับสัมภาษณ์บริษัทไหน รู้สึกว่าศัดยภาพของพวกเขาไม่แตกต่างกัน”
เธอพูดให้ข้อมูลคร่าวๆจากนิตยสารสองสามเล่ม แล้วมองเฟิงจิ่งเหยาอย่างลังเลใจ
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้แปลกใจ รู้ว่าหลังจากที่กู้ฉางฉิงมีชื่อเสียง เขาก็ได้คาดการณ์ล่วงกน้าไว้แล้วว่าจะมีสถานการณ์แบบนี้
เขาไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ ก็ให้การวิเคราะห์คำตอบตามความจริงว่า: “องค์กรนิตยสารสองสามบริษัทนี้ล้วนไม่เลว ถ้าพูดเพื่อพิจารณาการพัฒนาในระยะยาว ส่วนตัวฉันแนะนำว่าปรมาจารย์ด้านแฟชั่นก็ไม่เลว อัตราส่วนประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับราคาของมันจะต้องสูงกว่าบริษัทอื่นๆ นอกจากชื่อเสียงของมันแล้ว ยังมี LADL แบรนด์ต่างประเทศอยู่ในฐานะเบื้องหลังอีก ถ้าร่วมมือได้ด้วยดีล่ะก็ นี่ก็คือการเชื่อมต่อความสัมพันธ์หนึ่ง”
กู้ฉางฉิงได้ฟัง ก็เหมือนคิดอะไรได้ขึ้นมา
“ได้ งั้นฉันก็จะตอบรับการสัมภาษณ์บริษัทนี้”
เธอกล่าวอย่างอมยิ้ม เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า ไม่นานคนทั้งสองก็พูดคุยกันเรื่องอื่นๆ
เพราะความดีใจ กู้ฉางฉิงจึงดื่มเหล้าไปเล็กน้อย
พอออกไป คนก็เมาเล็กน้อยแล้ว เดินโซซัดโซเซ
เฟิงจิ่งเหยาเห็นกู้ฉางฉิงเบลอ ในสายตาก็เต็มไปด้วยความจนปัญญา เคยชินกับความสามารถในการดื่มสามแก้วของเธอนี้
เขาประคองกู้ฉางฉิงขึ้นรถ ครั้งนี้กู้ฉางฉิงไม่ได้ก่อกวนมากเท่าก่อนหน้านี้ ก็ยิ่งเพิ่มความใกล้ชิด
เธอเหมือนกับปลาหมึก โอบกอดเฟิงจิ่งเหยาแน่น
โชคดีที่ เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้เป็นคนขับรถกลับไป ไม่เช่นนั้นจำต้องเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นแน่
“อย่าก่อกวนสิ”
ถึงแม้เฟิงจิ่งเหยาจะชอบความเร่าร้อนเหมือนไฟของกู้ฉางฉิงหลังจากดื่มเหล้า แต่นั่นก็จำกัดแค่เฉพาะในห้อง
เวลานี้บนรถ เขาทำได้เพียงมองอาหารที่เอร็ดอร่อยตรงหน้า ไม่สามารถทานได้ อีกทั้งสัตว์ร้ายที่หลับใหลอยู่ในร่างกายของเขาได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์จากการหยอกล้ออย่างต่อเนื่องของกู้ฉางฉิง ทำให้เขาลำบากอย่างมาก
“ไม่เอาสิ”
กู้ฉางฉิงจับเสื้อที่หน้าอกของเฟิงจิ่งเหยาไว้แน่น แก้มสีแดงระเรื่อก็คลอเคลียไปมาไม่หยุด ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าตนเองกำลังอยู่ในขอบเขตที่รนหาที่ตาย
เฟิงจิ่งเหยาอ้าปากค้าง มองยังคนขับที่อยู่ด้านหน้า กล่าวสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “รีบกลับไปเร็ว!”
คนขับรถได้ยิน ไม่กล้าเฉยเมย ทันทีก็เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว
เดิมทีต้องใช้เวลาการเดินทางสิบกว่านาที ด้วยความเข้มงวดเขาใช้เวลาเพียงห้านาทีกว่าๆ
หลังจากมาถึง เฟิงจิ่งเหยาก็อุ้มกู้ฉางฉิงลงจากรถโดยตรง รีบก้าวเท้าเดินไปยังบ้านใหม่
มั่วหลีได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอก ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องรับแขกด้วยความดีใจ
“คุณผู้ชาย……”
เธออมยิ้มกล่าวเรียก เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจเลยสิ้นเชิง อุ้มกู้ฉางฉิงเดินขึ้นชั้นบนไป
เวลานี้ความคิดทั้งหมดของเขาล้วนอยู่ที่ผู้หญิงในอ้อมกอด คิดเพียงว่าจะกลับถึงห้องให้เร็วหน่อย เพื่อลงโทษผู้หญิงในอ้อมกอดของเขาอย่างโหดเหี้ยม
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าเข้าใกล้อันตราย หยอกล้อเฟิงจิ่งเกยาไปพลาง หัวเราะ’คิกคัก’ไปพลาง
มั่วหลีมองภาพด้านหลังคนทั้งสองจากไป ก็กำหมัดแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวจนถึงขีดสุด