กู้ฉางฉิงมองหน้าเขาก็ยากที่จะปฏิเสธ คิดอยากจะปฏิเสธ ก็เลยยอมรับ พยักหน้า : “โอเค งั้นก็รบกวนคุณแล้ว”
เช่นนี้ ทั้งสองรองตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำ เฟิงจิ่งเหยาก็ยังไม่กลับมาอีกเลย
ทางด้านกู้ฉางฉิงนี้ก็ไม่ได้ข่าวใดๆจากกู้หงเซิน
สิ่งเหล่านี้เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ เขาอยู่จัดการเอกสารบริษัทไปพลาง รอข่าวโจรลักพาตัวจากลูกน้องไปด้วย
แต่เวลาผ่านไปนานแล้ว โจรลักพาตัวก็ยังไม่ได้ติดต่อเขา
นี่ทำให้เขายากที่จะอดทนต่อความว้าวุ่นใจ
เมื่อเขากำลังจะระเบิดออก ในที่สุดทางด้านชวี่ยี่ก็รายงานข่าวมา
“ท่านประธาน ตำรวจพบบุคคลต้องสงสัยที่สถานีตงหนาน”
“จับคนได้ไหม? มีคนเห็นคุณนายรองไหม?”
เฟิงจิ่งเหยาถามทันที
ชวี่ยี่พูดอย่างรู้สึกผิด : “คนคนนั้นระวังตัวมาก ตำรวจเพิ่งจะพบเห็น ก็สังเกตเห็นจนหนีไปได้ ส่วนคุณนายรอง ทางด้านตำรวจบอกว่าไม่เจอ เพียงแต่ยืนยันได้ว่า ขณะนี้คนคนนั้นยังอยู่ที่เขตเมือง”
เฟิงจิ่งเหยาได้ฟังคำพูดนี้ ก็มีกลิ่นอายความเคร่งขรึมทั่วร่างกาย
“คุณเพิ่มกำลังคน ใช้สถานีเป็นศูนย์กลาง ค้นหาแบบปูพรม หาคนมาให้ฉัน!”
ชวี่ยี่รับคำสั่ง วางสายแล้วไปทำงาน
เฟิงจิ่งเหยาเก็บโทรศัพท์ ในเวลานี้เขาไม่มีความตั้งใจในการทำงานแล้ว
เขามีหน้าเคร่งขรึม ออกจากบริษัทไป
กู้ฉางฉิงเห็นเขาออกไป ก็ให้จี้เฟิงหยุนตามทันที
หลังจากที่ทั้งสองคนตามเฟิงจิ่งเหยา ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยากลับมาที่ตระกูลเฟิง
กู้ฉางฉิงเห็น ก็ขมวดคิ้วแน่น
เธอนึกถึงการคาดเดาของตนเองเมื่อตอนบ่าย
หรือว่ากู้ฉางซินถูกช่วยกลับมาแล้ว?
จี้เฟิงหยุนไม่รู้ความคิดของเธอ เห็นเฟิงจิ่งเหยากลับมาที่ตระกูลเฟิง หันไปถามว่า
“ฉางฉิง เรายังต้องจับตาดูใช่ไหม?”
กู้ฉางฉิงสติกลับ ก็ไม่แน่ใจ
“รอฉันแป๊ปหนึ่ง ฉันขอโทรศัพท์หน่อย”
พูดจบ เธอก็โทรไปหากู้หงเซิน
“กู้ฉางซินกลับมาแล้วหรอ?”
โทรศัพท์ถูกรับสาย เธอก็ถามอย่างตรงประเด็น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกู้หงเซินยังไม่ได้ข่าวคราวของกู้ฉางซินหรือเปล่า น้ำเสียงเย็นชาอย่างมาก : “คุณไม่ควรจะมายุ่งกับเรื่องนี้ ตอนนี้คุณซ่อนตัวดีๆเถอะ อย่าให้คนมาพบคุณได้!”
พูดจบ เขาก็วางสายไป
กู้ฉางฉิงมองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป คิ้วก็ขมวดขึ้นมา
คำพูดของกู้หงเซินในโทรศัพท์ เห็นได้ชัดเธอฟังออกว่ากู้ฉางซินยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ
แต่เฟิงจิ่งเหยาทำไมไม่เคลื่อนไหว?
ไม่ใช่ว่าเธอรู้สึกว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่สนใจตน เพียงแต่รู้สึกสงสัยเท่านั้น
แต่ไม่นานความสงสัยนี้ก็ถูกระงับลง
เธอคิดว่า ด้านในนี้น่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร เฟิงจิ่งเหยาจึงไม่เคลื่อนไหว
คิดเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกโล่งใจ
เฟิงจิ่งเหยาไม่เคลื่อนไหวก็หมายความว่าจะไม่เกิดอันตราย
“ฉางฉิง?”
จี้เฟิงหยุนเห็นว่ากู้ฉางฉิงวางสายไปนานแล้วแต่ไม่ได้พูดอะไร จึงพูดเตือนสติอีกครั้ง
ดวงตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองไปที่โทรศัพท์ของเธออย่างแปลกใจ อยากรู้ว่าเธอโทรหาใคร
น่าเสียดายที่โทรศัพท์จอดำไปแล้ว และเมื่อกู้ฉางฉิงสติกลับมา ก็ไม่ได้ให้โอกาสเขา เก็บโทรศัพท์กลับไปเลย
“ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ฉันครุ่นคิดอยู่ เรากลับเถอะ ไม่ต้องจับตาดูแล้ว”
เธออมยิ้มเงยหน้ามองจี้เฟิงหยุน พูดอย่างรู้สึกผิดทันที : “ใช่สิ วันนี้คุณเสียเวลาขนาดนี้ ยังไม่ได้ทานข้าวเลย เย็นนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ”
จี้เฟิงหยุนได้ยินคำพูดที่สุภาพนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็กลายเป็นเจื่อนๆ
“ฉางฉิง ก่อนหน้านี้พวกเรา ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนี้ก็ได้?”
เขาเอียงหน้าไปมองกู้ฉางฉิง หลังจากนั้นก็เคลื่อนรถออกไป “อยากไปทานข้าวที่ไหน?”
กู้ฉางฉิงเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้พูดมากอีก แจ้งร้านอาหารที่ค่อนข้างไกลร้านหนึ่ง
ไม่นาน คนทั้งสองก็มาถึงร้านอาหาร จี้เฟิงหยุนสั่งอาหารเสร็จ มองกู้ฉางฉิงแล้วอ้าปากิยู่หลายครั้งคล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไร
แน่นอนว่ากู้ฉางฉิงรู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร พูดชิงตัดหน้าว่า: “เฟิงหยุน เป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”
จี้เฟิงหยุนตกใจเล็กน้อย ยกมุมปากขึ้นอย่างฝืนยิ้ม กล่าวอย่างจนใจว่า: “โอเค ฉันไม่ถาม รอคุณต้องการจะพูดแล้วค่อยมาบอกฉัน”
กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็มองไปยังเขาอย่างซาบซึ้งใจ
หลังจากนั้นคนทั้งสองก็คุยกันเรื่อยเปื่อยถึงสภาพการณ์ปัจุบัน
ตนกระทั่งท้องฟ้ามืด คนทั้งสองเลยแยกย้าย
เพราะไม่อาจกลับไปตระกูลเฟิงได้ กู้ฉางฉิงจึงทำได้เพียงไปที่ห้องเช่าที่เขตเมืองเก่า
เธออาบน้ำเล็กน้อย ห้องที่เผชิญกับความเงียบสงัดแต่ทำไมถึงนอนไม่หลับ
เวลานี้ในสมองเธอเต็มไปด้วยความคิดว่าเฟิงจิ่งเหยากำลังทำอะไร? คนที่จับกู้ฉางซินไปเป็นใคร
กระทั่งตนเองก็สับสนอย่างมาก ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถกลับไปได้หรือไม่
……
เวลาเดียวกันนี้ ทางด้านชวี่ยี่ที่ไล่ตามตรวจสอบในที่สุดก็ได้ข่าวคราว
“ท่านประธาน คนของพวกเราพบคนต้องสงสัยอยู่ที่สถานีรถไฟหัวกระสุน”
เฟิงจิ่งฟังข่าวนี้ ในดวงตาก็ปรากฎแสงสีแดง
“สั่งต่อไปว่า ให้คนทั้งหมดเฝ้าทางออก รอฉันเข้าไป”
เขาพูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์ทันที หยิบกุญแจรถบนโต๊ะแล้วออกไป
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็ขับรถเข้าไป มั่วหลีตามมาด้านหลังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชวี่ยี่เห็นเขา ก็เข้าไปรายงานทันที: “ท่านประธาน”
“คนล่ะ?”
เฟิงจิ่งเหยามองเขา แล้วกล่าวถามทันที
ชวี่ยี่ได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาเล็กน้อย
“คนหนีไปแล้ว……”
เขาเหมือนกับนักโทษที่กระทำความผิด ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาฟังถึงคำพูดนี้ ก็ไม่รู้ว่าโมโหมากเกินไปไหม แต่ตอนกลางวันไม่ได้ฉุนเฉียวมาก ใจเย็นจนถึงขีดสุด
“เกิดอะไรขึ้น พูดอธิบายให้ฉันฟังอย่างละเอียด!”
เขาหรี่ตามองอย่างอันตราย กวาดสายตาไปโดยรอบสถานีรถไฟหัวกระสุน
ชวี่ยี่ไม่กล้าปิดบัง พูดขึ้นมาทันที
“เดิมทีคนของพวกเราตรวจสอบได้ถึงคนนั้น เมื่อกำลังจะจับกุม คนคนนั้นก็คล้ายกับว่าสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หลังจากเข้าไปในห้องน้ำก็เหมือนกับหายไป สาบสูญไปเลย”
เฟิงจิ่งเหยาฟังถึงคำพูดนี้ สีหน้าก็เยือกเย็นจนจะเป็นหยดน้ำ
มั่วหลีที่อยู่ด้านหลังเขา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะแอบรอคอย
เธอมองออกว่า ฝ่ายตรงข้ามชัดเจนว่าไม่อยากให้คุณผู้ชายไปช่วยชีวิตคน
คาดหวังจริงๆว่าคนเหล่านั้นจะใช้โอกาสนี้จัดการกับกู้ฉางซิน จะได้ไม่ลากคุณผู้ชายของเธอเข้าไป
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ความคิดภายในใจของเธอ เขาครุ่นคิดอย่างไม่พูดสักคำ
ความผิดพลาดอย่างต่อเนื่องสองครั้ง ทำให้เขาไม่คิดมากไม่ได้ว่า ครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามจงใจที่จะกล่าวเตือนเขา ให้เขาอย่าบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ
ชัดเจนว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องการควบคุมอำนาจ
“สั่งการต่อไปว่า ถอนคนทั้งหมดกลับ”
เฟิงจิ่งเหยาคิดว่าตนเองคิดถึงข้อเท็จจริงออกแล้ว กล่าวกำชับด้วยสายตาที่เป็นประกาย
ชวี่ยี่แปลกใจ “ท่านประธาน พวกเราไม่ช่วยชีวิตคุณนายรองแล้วหรอครับ?”
เฟิงจิ่งเหยาจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ชวี่ยี่นิ่งอึ้งไป ไม่นานก็เข้าใจ
คนคนนี้ไม่ใช่พวกเขาอยากจะช่วยก็สามารถช่วยได้
เวลานี้ เขาและเฟิงจิ่งเหยานึกถึงที่หนึ่งที่จะไป
“ครับ ฉันจะให้คนออกไป”
ทางด้านเฟิงจิ่งเหยาถอนคนออก ทางด้านชายคนนั้นก็ได้รับข่าว ก็ยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยาม
แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่าเฟิงจิ่งเหยาจะถอนกำลังคนออกจริงๆ ไม่ต้องคิด เขาก็รู้ เพียงตอนนี้เขา เฝ้ารอกับดักศัตรูของเขา
ถึงอย่างไรข่าวที่ผู้ว่าจ้างให้เขา เฟิงจิ่งเหยานี้ก็ไม่ใช่ผู้ชายที่เล่ห์เหลี่ยมธรรมดาๆ