มั่วหลีเห็นกู้ฉางฉิงเงียบไม่พูดจา ก็โกรธอย่างมาก
พอดีกับที่เธอเตรียมออกไปตามหาคนด้วยตนเอง เฟิงจิ่งเหยาก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“คุณผู้ชาย คุณกลับมาแล้ว
มั่วหลีเรียกอย่างดีใจ เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเธอ แล้วพยักหน้าอย่างเย็นชา
“เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
คำพูดนี้เขาเอ่ยถามกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉิงสติกลับมา สังเกตเห็นสายตาของเขา ก็ระงับความผิดแปลกในใจ ฉีกยิ้มตอบกลับว่า : “เรียบร้อยแล้ว แค่รอคุณกลับมาก็ไปได้เลย”
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า ไม่ได้พบว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากู้ฉางฉิงนั่นดูฝืนอย่างมาก
เขาเดินไปข้างหลังกู้ฉางฉิง ช่วยเข็นรถเข็นให้เธอ
“เราไปกันเถอะ มั่วหลีเอากระเป๋ามา”
มั่วหลีมองภาพทั้งสองคนที่ออกไป หยิบกระเป๋าเดินทางข้างๆแล้วตามมาด้วยความหึงหวง
บนถนน กู้ฉางฉิงที่เงียบตลอดทางในที่สุดก็ทำให้เฟิงจิ่งเหยาสังเกตถึงความผิดปกติ
รวบผมยาวของกู้ฉางฉิง โอบเอวของเธอย้ายเข้ามาทางด้านตนเอง แล้วถามว่า : “เป็นอะไร ถึงได้เงียบขนาดนี้?”
กู้ฉางฉิงได้ยิน ก็เงยหน้ามองท่าทางที่เป็นห่วงของเขา ทันใดนั้นเรื่องที่ตนเองไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ก็ดังก้องอยู่ในหัวใจ
“ไม่เป็นไร น่าจะนอนนานเกินไป เลยหมดแรงไปมาก”
เธอฝืนความทุกข์ในใจ จับมุมเสื้อของเฟิงจิ่งเหยาแน่นเพื่อระงับอารมณ์
เฟิงจิ่งเหยาไม่คิดอะไรมาก จับมือเธอแน่นๆ
“เหนิ่ยก็พิงฉันพักผ่อนสักพัก เดี๋ยวถึงแล้ว ฉันจะเรียกคุณ”
กู้ฉางฉิงพิงหน้าอกของเขา ได้ฟังคำพูดอบอุ่นของเขา สายตาค่อยๆพร่ามัวลง
เธอก้มหน้า เปลี่ยนจากมือที่จับเฟิงจิ่งเหยา แต่เป็นโอบเอวของเขา ฝังศีรษะไปในอ้อมกอดของเขาแล้วกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล แล้วฮึมฮัมเบาๆ
แต่เมื่อเธอคิดว่าจะมีลูกเป็นของตัวเองไม่ได้ในอนาคต หัวใจถูกตัดทีละนิดๆด้วยมีดทื่อ มันทำให้เธอเจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
เธอพยายามปรับตัวเอง ไม่อยากให้ตอนลงจากรถแล้วถูกเฟิงจิ่งเหยาพบ
เมื่อเธอกลับมาถึงตระกูลเฟิง เธอก็สงบลงมากแล้ว
พอดีกับที่เธอจะลงจากรถแล้วกลับไปที่บ้านใหม่ด้วยกันกับเฟิงจิ่งเหยา คาดไม่ถึงยังไม่ทันได้ลงจากรถ ก็ถูกอุ้มขึ้นมา
“จิ่งเหยา?”
กู้ฉางฉิงโอบคอเฟิงจิ่งเหยาโดยจิตใต้สำนึก จ้องมองด้านข้างที่งดงามของเขาอย่างตกตะลึง
“รถเข็นมันลำบากเกินไป ฉันจะอุ้มคุณขึ้นไปเอง”
เฟิงจิ่งเหยามองกู้ฉางฉิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วเดินไปที่บ้านใหม่
มั่วหลียืนอยู่ด้านหลังเห็นภาพของทั้งสองคน ในแววตาเต็มไปด้วยความขมขื่นและความริษยา
และไม่ไกลจากบ้านหลักของตระกูลเฟิง คุณนายเฟิงเห็นฉากนี้ ก็ยิ่งโกรธเกลียดกู้ฉางฉิง
นังชั่วนี่ แค่ได้รับบาดเจ็บ ยังให้ลูกชายของเธอดูแลอย่างกับคนพิการ เธอในฐานะแม่ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เลย
กู้ฉางฉิงไม่รู้ว่าการที่เฟิงจิ่งเหยาอุ้มเธอไปทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนไม่พอใจอย่างมาก
ทั้งสองคนกลับไปถึงห้อง เฟิงจิ่งเหยาวางเธอลงบนที่นอน
เขามองกู้ฉางฉิงที่หลบตา ก็จูบที่หน้าผากเธอ พูดอย่างอ่อนโยนว่า : “เหนื่อยก็นอนสักพัก ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
กู้ฉางฉิงได้ฟังคำพูดที่รักเอ็นดูนี้ ความรู้สึกอึดอัดที่ถูกระงับไว้ในที่สุดก็กลับมาอีกครั้ง
เธอจับเสื้อเฟิงจิ่งเหยาแน่น แล้วก้มหน้าไว้ในอ้อมกอดเขา
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฟิงจิงเหยาอยู่เป็นเพื่อนอยู่ข้างๆหรือเปล่า ถึงแม้ว่ากู้ฉางฉิงจะเสียใจ ที่เมื่อได้กลิ่นที่ราวกันต้นไผ่บนตัวของเขา อารมณ์ที่ยุ่งเหยิงก็สงบลงมา
เธอหลับไปพร้อมกับอ้อมกอดของเฟิงจิ่งเหยาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่เฟิงจิ่งเหยารอกู้ฉางฉิงหลับแล้ว ลุกขึ้นเบาๆแล้วเดินออกไปจากห้อง
หลายวันมานี้อยู่โรงพยาบาลดูแลกู้ฉางฉิง ถึงแม้เขาจะจัดการเอกสารทุกวัน แต่ยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้จัดการ
“คุณผู้ชาย”
มั่วหลีรออยู่ที่ทางเดิน แม้จะรู้ว่ากู้ฉางฉิงอยู่ในมือแล้วตอนนี้ ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพังก็ไม่สามารถจะมีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่ในใจเธอยังคงไม่สบายใจ
เวลานี้เห็นเฟิงจิ่งเหยาออกมา เธอยากที่จะระงับความดีใจภายในใจ ยกคิ้วแล้วกล่าวเรียก
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ สีหน้าก็เข้มงวด
“ตามฉันไปที่ห้องหนังสือ”
มั่วหลีเห็นสีหน้าเฟิงจิ่งเหยาไม่อาจคาดคะเนได้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อ ตามหลังเฟิงจิ่งเหยาไปอย่างกังวล
คนทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือ เฟิงจิ่งเหยามุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานแล้วนั่งลง
มั่วหลียืนอยู่ศูนย์กลาง กล่าวถามอย่างกระวนกระวายใจ “คุณผู้ชายมีเรื่องอะไรหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา หรี่ตาแล้วกล่าวว่า: “มั่วหลี ยังจำคำพูดก่อนหน้านี้ของฉันได้ไหม?”
มั่วหลีนิ่งอึ้งไป เธอไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาพูดถึงอะไร
เฟิงจิ่งเหยาเห็นท่าทีที่ทึมทื่อของเธอ ก็รู้ว่าเธอไม่เข้าใจว่าตนเองพูดอะไร สีหน้าก็เคร่งขรึม
“ฉันเคยบอกว่า ถ้าคุณปฏิบัติหน้าที่บกพร่องอีก ก็ไสหัวกลับไปต่างประเทศได้เลย!”
มั่วหลีฟังถึงคำพูดนี้ ทันใดสีหน้าก็เปลี่ยนไป
ชัดเจนว่า เรื่องครั้งนี้คุณผู้ชายก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดของเธอส่วนหนึ่ง
ช่วงเวลาหนึ่ง สีหน้าของเธอก็ไม่น่าดูถึงขีดสุด โกรธแค้นกู้ฉางฉิงอย่างยิ่ง
หญิงชั่วคนนั้นได้รับบาดเจ็บ ทำไมเธอไม่ตายๆไปซะ!
เธอสาปแช่งอยู่ในใจ แต่บนใบหน้ารีบหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง
“คุณผู้ชาย นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!”
เธอรีบมองไปยังเฟิงจิ่งเหยา กลัวอย่างมากว่าเฟิงจิ่งเหยาจะขับไล่เธอกลับไป
“เรื่องนี้ไม่ควรโทษฉันโดยสิ้นเชิง คุณนายรองแอบหนีจากฉันไปโดยพลการ ฉันไม่ได้ไม่ฟังคำสั่งของเธอนะ”
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยารู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถโทษมั่วหลีทั้งหมดได้
แต่ว่า……
“จริงๆก็ไม่ได้โทษคุณทั้งหมด แต่คุณอยู่ข้างกายคุณนายรองไม่ได้อยากที่จะคุ้มกันเธอด้วยใจจริง”
เขาพูดพลาง จงใจหยุดลงชั่วขณะ ทำให้มั่วหลีสั่นสะท้านเล็กน้อย
“ฉันคิดว่าคุณยังมีความสามารถในการติดตาม ถึงแม้ว่าคุณนายรองจะหนีคุณ คุณก็สามารถหาคนได้เพียงช่วงเวลาเดียว”
มั่วหลีได้ยิน ก็กัดริมฝีปากแน่น
ใช่ ความจริงเธอมีความสามารถที่จะสืบหาและติดตามคนกลับไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอไม่อยากทำ
เธอปรารถนาให้ผู้หญิงคนนั้นเกิดเรื่อง ทางที่ดีก็ให้ตายที่ข้างนอกไปเลย
เธอคิดว่าเรื่องราวในวันนี้ทำให้คุณผู้ชายลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ตอนนี้ดูแล้ว คุณผู้ชายไม่ได้ลืม แต่คุณผู้ชายวางแผนที่จะคิดบัญชีกับเธอทีหลัง
เฟิงจิ่งเหยาเห็นมั่วหลีไม่พูดจา ในสายตาก็เยือกเย็น
“ต่อไปคุณก็ลงโทษตัวเอง หลังจากนั้นก็กลับไปหามั่วจุย ที่นี่ฉันจะจัดการให้คนอื่นเข้ามา ออกไป!”
มั่วหลีตัวสั่นเล็กน้อย ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
เฟิงจิ่งเหยาถอนหายใจอย่างเย็นชา ในน้ำเสียงรวมไปด้วยความอันตรายทำให้มั่วหลีตัวสั่นอย่างมาก
แต่เธอไม่อยากไปจากคุณผู้ชาย
เธอตรงไปยังเฟิงจิ่งเหยาแล้วคุกเข่า: “คุณผู้ชาย มั่วหลีสำนึกผิดแล้ว ยินดีที่จะรับการลงโทษใดๆ ขอเพียงคุณผู้ชายอย่าขับไล่ฉันไปเลย ต่อไปฉันสัญญาว่า จะพยายามคุ้มกันคุณนายรองให้เต็มที่!”
เธอคิดพลาง มือทั้งสองก็ดึงผ้าที่ขากางเกงสองข้างแน่น ใช้กำลังปลายนิ้วจนขาวซีด
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้พูดจา
มั่วหลีเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเขา ดวงตาทั้งคู่ก็แดงกร่ำ
ใจเธอแน่วแน่ ดึงมีดต่อสู้ที่อยู่ที่รองเท้าบูทออกมาแล้วแทงไปที่ท้อง
“คุณผู้ชาย แบบนี้ได้ไหม?”
เธออดทนต่อความเจ็บปวด มองไปยังเฟิงจิ่งเหยาอย่างหมดกำลัง
เฟิงจิ่งเหยาได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ในที่สุดใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป
“ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้งหนึ่ง แต่คุณจะต้องทำความดีลบล้างความผิด ตรวจหากองกำลังต่างชาติที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง”