สองสามคนนั้นดูเหมือนจะคุยกันอย่างถูกคอ ก็ไม่รู้ว่าคุณนายดฟิงเจตนาหรือเปล่า พูดคุยกันตลอดจนกู้ฉางฉิงไม่สามารถแทรกขึ้นมาได้เลย
ตลอดทั้งเช้า กู้ฉางฉิงก็กลายเป็นฉากหลังของคนเหล่านั้น
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็น เพราะความรู้สึกนึกคิดของเขาถูกดึงดูดโดยงานที่มู่เฉาเกอพูด
กู้ฉางฉิงยิ้มถากถางมุมปาก กวาดสายตาเย็นชามองมู่เฉาเกอกับคุณนายเฟิง
ภาพเช่นนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
เมื่อนึกถึงตอนที่ลู่ซือหยี่อยู่ ภาพเช่นนี้ก็แทบจะปรากฏให้เห็นทุกๆสามสี่วัน
คิดแล้ว เธอก็ไม่ได้สนใจ อีกอย่างก็เจ็บๆแผลเล็กน้อย เลยขอตัวออกมา
แม้ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะพูดคุยอยู่กับมู่เฉาเกอ แต่เวลานี้ได้ยินว่ากู้ฉางฉิงไม่ค่อยสบาย ก็หันกลับมาเป็นห่วงทันที
“เจ็บแผลหรอ? ฉันจะให้หมอประจำครอบครัวมาดูให้นะ”
กู้ฉางฉิงมองไปที่ดวงตาที่เป็นกังวลของเขา เดิมทีความรู้สึกไม่สบายในใจก็หายเป็นปกติในชั่วพริบตา
“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับไปนอนพักสักหน่อยก็พอแล้ว”
เธออมยิ้มตอบกลับ เฟิงจิ่งเหยาไม่วางใจ ลุกขึ้นต้องการจะเดินตามเธอไปด้วย
คุณนานเฟิงเห็นเช่นนี้ ก็แอบด่าความอ่อนแอของกู้ฉางฉิงไปพลาง แล้วชักชวนให้เฟิงจิ่งเหยาอยู่ต่อไปด้วย
“จิ่งเหยา เฉาเกอยังอยู่ที่นี่ คุณต้องการให้ยายแก่อย่างฉันนี่อยู่เป็นเพื่อนคนอื่นหรอ? ฉางซินบอกว่าไม่เป็นไรไม่ใช่หรอ? ให้พ่อบ้านส่งเธอกลับไปก็พอแล้ว”
มู่เฉาเกอก็หวังอยากฝห้เฟิงจิ่งเหยาอยู่ในเวลานี้ เพียงแต่ท่าทีที่แข็งกร้าวของคุณนายเฟิงจะทำให้เฟิงจิ่งเหยาไม่พอใจ และยังจะมาเกี่ยวโยงกับตนเองด้วย เธอก็ไม่ปรารถนาที่จะฉุดรั้งเอาไว้ ทำให้เฟิงจิ่งเหยาเห็นความคิดของตน
“คุณน้าไม่เป็นไร ฉางซินบาดเจ็บ ควรจะให้จิ่งเหยาอยู่เป็นเพื่อนฉางซินเถอะ อีกทั้งหาได้ยากที่จิ่งเหยาจะได้พักผ่อน”
มู่เฉาเกอเดินไปข้างหน้าเพื่อช่วยคุยกับคุณนายเฟิงให้กับเฟิงจิ่งเหยา
คุณนายเฟิงขมวดคิ้ว ตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความสงสัยมองมู่เฉาเกอ ไม่เข้าใจอย่างมาก
ตามเหตุผลที่พูดเธอกำลังช่วยมู่เฉาเกออยู่ เธอน่าจะเข้าข้างตนเองสิ แต่คนคนนี้ทำเรื่องพังลง ชั่วขณะเธอก็ขมวดคิ้วแน่น ในแววตาประกายความไม่พอใจ
เป็นธรรมดาที่มู่เฉาเกอจะสังเกตเห็น เพียงแต่เวลานี้เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางฉิงอยู่ด้วย เธิจะอธิบายก็ไม่ดี ได้แต่ส่งสายตาให้คุณนายเฟิง แล้วยิ้มให้เฟิงจิ่งเหยาออกไปก่อน
รอคนออกไปแล้ว คุณนายเฟิงก็ไม่อดทนต่อไปถามมู่เฉาเกอขึ้นมา
“เฉาเกอ คุณทำอะไร ฉันจะช่วยให้จิ่งเหยาอยู่กับคุณ ทำไมคุณถึงช่วยผู้หญิงราคาถูกอย่างกู้ฉางซินนั่น?”
มู่เฉาเกอไม่พอใจอย่างมากกับคำตำหนิของคุณนายเฟิง แต่ยังอดทนอธิบายว่า : “คุณน้า ฉันรู้ว่าคุณอยากช่วยฉัน แต่ตอนนี้ความคิดของจิ่งเหยามีแต่ฉางซิน ถ้าให้รู้ความรู้สึกนึกคิดของฉัน เกรงว่าต่อไปฉันจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้อีก ฉันไม่อยากลงเอยเหมือนกับลู่ซือหยี่ ที่ไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใกล้ได้ ตอนนี้เป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว”
คุณนานเฟืงได้ยินชื่อลู่ซือหยี่ สีหน้าก็หม่นหมอง
“ได้ งั้นฉันจะไม่ก้าวก่ายคุณแล้ว คุณก็ดูคิดแผนการเองเถอะ”
ก็ไม่รู้ว่านึกถึงลู่ซือหยี่หรือเปล่า หรือมู่เฉาเกอปฏิเสธความหวังดีของเธอ เธอจึงหันออกไปอย่างพาลๆเล็กน้อย
มู่เฉาเกอมองเธอที่จากไป สีหน้าก็เคร่งขรึม ในแววตาก็ยิ่งไม่พอใจ
แต่เรื่องทั้งหมดนี้ เฟิงจิ่งเหยาหกับกู้ฉางฉิงไม่รู้
ทั้งสองมาถึงบ้านใหม่ เฟิงจิ่งเหยาก็อุ้มกู้ฉางฉิงขึ้นไปที่ห้องนอน
ถึงแม้ว่ากู้ฉางฉิงจะบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่เป็นอะไร แต่เฟิงจิ่งเหยาก็ยังเรียกหมอประจำครอบครัวมา
“คุณนายรองไม่เป็นอะไร ขยับเขยื้อนมากไปบาดแผลเลยรับไม่ไหว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน สามารถกระตุ้นให้แผลติดกันดียิ่งขึ้น”
หมอตรวจแล้ว ก็รายงานเฟิงจิ่งเหยา
ความกังวลในใจเฟิงจิ่งเหยาจึงเบาลง ให้พ่อบ้านส่งหมอกลับ แล้วช่วยกู้ฉางฉิงทำแผลด้วยตนเอง
“จะเจ็บหน่อยนะ อดทนหน่อย”
เขารู้ว่ากู้ฉางฉิงกลัวเจ็บ ดังนั้นทุกครั้งตอนที่เปลี่ยนยา จะต้องกำชับว่า ให้ทำการทายาเบาๆ
กู้ฉางฉิงพิงที่หัวเตียง มองผู้ชายที่สีหน้าจริงจังตรงหน้าด้วยแววตาที่สับสน
เธอชอบที่เฟิงจิ่งเหยาปกป้องเธอในทุกๆด้านต่อหน้าคุณนายเฟิง ขณะเดียวกันก็ไม่สบายใจอย่างมาก
เพราะความรักความผูกพันธ์เหล่านี้ล้วนไม่ใช่เธอ เธอฉกฉวยมา
ทั้งๆที่เธอรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถลำเข้าไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจเธอยังมีหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งทับอยู่
ถึงแม้จะไม่มีกู้ฉางซิน เธอที่ไม่สามารถให้กำเนิดได้ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนอยู่ข้างกายของเขา
ช่วงเวลาหนึ่ง ในใจเธอก็มีความคิดที่บ้างคลั่งขึ้นมา
เธออยากจะฉวยโอกาสที่ตอนนี้ยังอยู่ด้วยกันกับเขา มีความรักที่ดีๆสักครั้งหนึ่ง ตื่นเต้นมีชีวิตชีวา ต่อให้นับจากนั้นมันจะสูญหายไป เธอก็จะไม่รู้สึกเสียดาย
อีกทั้งเธอยังมีลางสังหรณ์หนึ่ง
ครั้งต่อไปกู้ฉางซินกลับมา เธอก็จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืน!
……
เวลาเดียวกันนี้ ในห้องชุดขนาดใหญ่ของโรงแรมจิ่วเทียนในเมืองหลวง กลิ่นหอมกระจายไปทุกที่ ในกลิ่นอ่อนๆที่แฝงไปด้วยความมีเสน่ห์ ไม่เข้มข้น ทำให้คนรู้สึกสบายอย่างมาก
ห้องรับแขกขนาดใหญ่ สาวสวยคนหนึ่งนั่งอิงบนเก้าอี้ขนาดใหญ่อย่างเกียจคร้าน สวมชุดนอนสายเดี่ยวสีดำ
เรือนร่างที่งดงามปรากฏในผ้าบางๆนี้ทำให้คนดูต้องเลือดกำเดาไหล
และกลิ่นโดยรอบก็กระจายออกมาจากเรือนร่างของหญิงสาวคนนี้
“เจ้านาย ได้ข่าวจากทางด้านนั้น คนของเย่าซือล้มเหลว”
ลูกน้องที่งดงามสามคนยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาว พวกเขาทั้งหมดมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างชื่นชม
หญิงสาวเห็นแต่ทำเหมือนไม่เห็น ส่ายแก้วไวน์ในมือ ไวน์สีแดงเข้มภายใต้แสงไฟดู้เหมือนจะมีเสน่ห์ยั่วยวนเป็นพิเศษ
หลังจากนั้นเธอก็เงยหน้าดื่มไวน์ในแก้วจนหมด ไวน์หยดเล็กๆไหลมาจากมุมปากของเธอ ไหลลงมาตามลำคอ และจมหายไปในระหว่างร่องอก
ภาพที่กินใจแบบนี้ ลูกน้องทั้งสามคนได้เห็นก็หยุดหายใจ เมื่อหญิงสาวฟังข่าวร้ายก็เหมือนไม่ได้สังเกตเห็น ยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า: “เชอะ เย่าซือคนไร้ประโยชน์แบบนั้น คิดว่าจะกลายเป็นคนโหดร้ายในช่วงหลายปีนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่ายังเป็นคนไร้ประโยชน์เหมือนเดิม แม้แต่นักธุรกิจธรรมดาก็ไม่สามารถรับมือได้ ดูท่าจะต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วล่ะ!”
ชัดเจนว่าเต็มไปด้วยคำพูดที่โหดเหี้ยม พูดออกมาจากในปากของเธอไม่ได้รู้สึกถึงความอันตรายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้คนฟังแล้วกระดูกอ่อน
“พวกคุณเตรียมการต่อไปเถอะ หวังว่าแผนจะสามารถดำเนินการได้ในตอนเย็น”
เธอม้วนผมเบาๆ ไม่นานก็วางแก้วไวน์ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปยังห้องนอน
เรือนร่างของเมี่ยวม่านมีเสน่ห์ดึงดูดคนอย่างมากภายใต้ชุดนอนบางๆ บวกกับการเคลื่อนไหวของเธอ ใช้คำว่ามีเสน่ห์สองคำนี้มาบรรยายก็คงไม่มากเกินไป
เมื่อเธอหายไป ลูกน้องทั้งสามคนในห้องรับแขกก็มีอารมณ์เดียวกันทั้งสิ้น
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ว่าตนเองจะถูกคนติดตามอีกครั้ง
หลังจากเขาอยู่บ้านเป็นเพื่อนกู้ฉางฉิงหนึ่งวัน ก็ได้รับโทรศัพท์ของชวี่ยี่
“ท่านประธาน ผู้ช่วยของคุณAnthonyเพิ่งส่งข้อความมาว่า หวังว่าจะได้ทานอาหารเย็นกับคุณในตอนเย็น”
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตา Anthonyคนนี้เป็นประธานสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในทวีปออสเตรเลีย
พวกเขาหาโอกาสที่จะร่วมมือกับเฟิงซื่อกรุ๊ปมาโดยตลอด จึงใช้ช่องทางนี้เพื่อเข้าสู่ตลาดเอเชีย
เพราะก่อนหน้าที่กู้ฉางซินเกิดเรื่อง เดิมการเจรจาครั้งนี้ถูกผลักดันครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเอ่ยเชื้อเชิญอีกครั้ง เขาก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ
พอดีกับ ทางด้านของเขาอยากที่จะตีตลาดทวีปออสเตรเลียด้วย!